ประเทศเกาหลี

ยุคเผ่า
…..ในยุคแรกดินแดนบนคาบสมุทรเกาหลีประกอบด้วยผู้คนหลายเผ่าพันธุ์ เผ่าแรกที่ปรากฏคือเผ่าโชซ็อนโบราณ ตั้งถิ่นฐานอยู่ทางภาคเหนือ เรืองอำนาจในช่วงพ.ศ. 143 – 243 ส่วนเผ่าครอง เมื่อได้เอกราชจากจีน คาบสมุทรเกาหลีประกอบด้วยสามอาณาจักสำคัญก่อนจะรวมตัวกันเป็นอาณาจักรเดียวปกครองอื่นได้แก่เผ่าพูยอ อยู่บริเวณปากแม่น้ำซุงคารีทางแมนจูเรียเหนือ เผ่าโคกูรยออยู่ระหว่างแม่น้ำพมาก และแม่น้ำอัมนก เผ่าอกจออยู่บริเวณมณฑลฮัมกย็อง เผ่าทงเยอยู่บริเวณมณฑลคังว็อน และเผ่าสามฮั่นคือ มาฮั่น ชินฮั่น และพยอนฮั่น ที่อยู่บริเวณแม่น้ำฮั่นและแม่น้ำนักดง ทางภาคใต้ของคาบสมุทรเกาหลี

 
พระมหากษัตริย์ในตำนาน
…..ตำนานที่เป็นที่แพร่หลายในประเทศเกาหลีเล่าถึงกำเนิดของชนชาติตนว่า เจ้าชายฮวางวุง โอรสของเทพสูงสุดบนสวรรค์ลงมาสร้างเมืองที่ภูเขาแทแบ็ก ได้แต่งงานกับหญิงที่มีกำเนิดจากหมี มีโอรสชื่อตันกุน ต่อมาเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรโชซ็อนโบราณ เมื่อ 1790 ปีก่อนพุทธศักราช
ดินแดนคาบสมุทรเกาหลีตกเป็นเมืองขึ้นจีนเมื่อ พ.ศ. 434 เมื่อจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้หรือกวนอู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่นยกทัพเข้ายึดครองดินแดนของอาณาจักรโชซ็อนโบราณ และแบ่งเกาหลีเป็น 4 มณฑล คือ อาณาจักรนังนัง ชินบอน อิมดุน และฮย็อนโท อย่างไรก็ตาม จีนปกครองมณฑลนังนังอย่างจริงจังเพียงมณฑลเดียว มณฑลอื่น ๆ จึงค่อย ๆ แยกตัวเป็นเอกราช จน พ.ศ. 856 ชนเผ่าโคกูรยอเข้ายึดครองมณฑลนังนัง ขับไล่จีนออกไปได้สำเร็จ การตกเป็นเมืองขึ้นของจีนทำให้เกาหลีได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากจีนมาก เช่นตัวอักษรและศาสนา (พุทธและขงจื๊อ)

 

ยุคสามก๊ก
เมื่อเป็นเอกราชจากจีน ดินแดนเกาหลีในขณะนั้นแบ่งเป็น 3 อาณาจักรด้วยกันคือ
อาณาจักรโคกูรยอ ทางภาคเหนือ เผ่าโคกูรยอเริ่มเข้มแข็งมากขึ้นเมื่อราชวงศ์ฮั่นของจีนล่มสลาย และสามารถขยายอำนาจเข้ายึดครองมณฑลนังนังจากจีนได้เมื่อ พ.ศ. 856อาณาจักรแพ็กเจก ชนเผ่าแพ็กเจซึ่งเป็นเผ่าย่อยของเผ่าพูยอที่อพยพลงใต้ เข้ายึดครองอาณาจักรอื่นรวมทั้งอาณาจักรเดิมของเผ่าฮั่น ตั้งเป็นอาณาจักรเมื่อ พ.ศ. 777
อาณาจักรชิลลา อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลี พัฒนาขึ้นจากเผ่าซาโร แต่อาณาจักรนี้ไม่เข้มแข็งมากนักในช่วงแรก ดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับโคกูรยอตลอดจนกระทั่งหลังสงครามระหว่างโคกูรยอกับแพ็กเจ อาณาจักรชิลลาจึงเข้มแข็งขึ้นเป็นลำดับ จนสามารถยึดครองลุ่มแม่น้ำฮั่นและลุ่มแม่น้ำนักดงจากแพ็กเจได้

ยุคอาณาจักรเอกภาพ “อาณาจักรชินลา
…..เมื่ออาณาจักรชินลาเข้มแข็งขึ้น อาณาจักรแพ็กเจกจึงหันไปผูกมิตรกับอาณาจักรโคกูรยอ ส่วนอาณาจักรชิลลาหันไปผูกมิตรกับราชวงศ์สุยและราชวงศ์ถังของจีน กองกำลังผสมระหวางจีนกับชิลลายึดครองอาณาจักรแพ็กเจได้เมื่อ พ.ศ. 1203 และยึดครองอาณาจักรโคกูรยอได้ใน พ.ศ. 1211 โดยจีนเข้ามาปกครองโคกูรยอในช่วงแรก ต่อมาอาณาจักรชิลลากับราชวงศ์ถังเกิดขัดแย้งกัน ชิลลาจึงเข้ายึดโคกูรยอจากจีนและเข้าปกครองคาบสมุทรเกาหลีอย่างเด็ดขาดเมื่อ พ.ศ. 1278
อาณาจักรชิลลาเจริญสูงสุดในยุคกษัตริย์คยองตอก หลังจากนั้นได้เสื่อมลงโดยสาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งในหมู่เชื้อพระวงศ์และเกิดการปฏิวัติบ่อยครั้ง กลุ่มชาวนาและกลุ่มอำนาจท้องถิ่นที่รู้สึกว่าถูกกดขี่ได้รวมกำลังกันต่อต้านอำนาจรัฐ วังกอน ผู้นำกลุ่มต่อต้านคนหนึ่ง เข้ายึดอำนาจและสถาปนาราชวงศ์โครยอขึ้นเมื่อพ.ศ. 1478

ยุคอาณาจักรเหนือใต้
…..เมื่ออาณาจักรโคกูเรียวและอาณาจักรแพ็กเจถูกอาณาจักรชิลลาตีจนแตกพ่ายไปนั้น มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งรวบรวมชาวบ้านที่เป็นชาวโคกูรยอที่ถูกทัพชิลลาโจมตีแล้วอพยพขึ้นเหนือ แล้วก่อตั้งอาณาจักรใหม่มีชื่อว่า “อาณาจักรพัลแฮ” แล้วทางใต้ก็มีอาณาจักรชิลลาที่รวมแผ่นดินของอาณาจักรโคกูเรียว อาณาจักรแพ็กเจ และอาณาจักรชิลลาเดิมเข้าด้วยกันแล้วเรียกว่า “อาณาจักรรวมชิลลา” ในยุคนี้จึงมีสองอาณาจักรที่อยู่ทางเหนือ คือ อาณาจักรพัลแฮที่สืบต่อจากอาณาจักรโคกูเรียวเดิม และทางใต้มีอาณาจักรรวมชิลลาที่รวมอาณาจักรโคกูเรียวเดิม อาณาจักรแพ็กเจเดิม และอาณาจักรชิลลาเดิมเข้าเป็นอาณาจักรเดียว จึงเรียกยุคนี้ว่า “ยุคอาณาจักรเหนือใต้”

ยุคสามอาณาจักรหลัง
…..หลังจากอาณาจักรพัลแฮถูกราชวงศ์เหลียวตีจนแตกนั้นประชาชนพากันอพยพลงใต้มาบริเวณอาณาจักรโคกุเรียวเดิม แล้วเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรพัลแฮ ก็สถาปนาอาณาจักรใหม่บริเวณอาณาจักรโคกุเรียวเดิม แล้วให้ชื่อว่า “อาณาจักรโคกูเรียวใหม่” แล้วสถาปนาตนเองป็นกษัตริย์พระนามว่า พระเจ้ากุงเย ส่วนชาวแพ็กเจที่อยู่ในอาณาจักรรวมชิลลาก็ได้ก่อกบฏต่ออาณาจักร มีหัวหน้าคือ คยอน ฮวอน แล้วไปตั้งถิ่นฐานที่บริเวณอาณาจักรแพ็กเจเดิม แล้วให้ชื่อว่า “อาณาจักรแพ็กเจใหม่” แล้วสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์พระนามว่า พระเจ้าคยอน ฮวอน แล้วทำการก่อกบฏต่ออาณาจักรรวมชิลลา ทำให้ชิลลาเกิดความระส่ำระส่าย จึงถือเป็นยุคสามอาณาจักรยุคหลัง

ยุคอาณาจักรโครยอ
…..วังฮูมาสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์แทโจแห่งราชวงศ์โคเรียวเมื่อ พ.ศ. 1486 อาณาจักรนี้เจริญสูงสุดในสมัยกษัตริย์มุนจง ยุคนี้เป็นยุคที่ส่งเสริมพระพุทธศาสนา มีการทำสงครามกับพวกญี่ปุ่นและมองโกล ถูกจีนควบคุมในสมัยราชวงศ์หยวน จนเมื่ออำนาจของราชวงศ์หยวนอ่อนแอลง อาณาจักรโครยอต้องพบกับปัญหาโจรสลัดญี่ปุ่นและการรุกรานของราชวงศ์หมิง ในที่สุดทำให้ฝ่ายทหารมีอำนาจมากขึ้นจนนำไปสู่การยึดอำนาจของนายพล อีซองกเย และสถาปนาราชวงศ์ใหม่ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1935

ยุคราชวงศ์โชซ็อน
…..นายพล ลี ซองเกสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์แทโจแห่งราชวงศ์โชซ็อน ในสมัยนี้ส่งเสริมลัทธิขงจื๊อให้เป็นลัทธิประจำชาติและเริ่มลดอิทธิพลของพุทธศาสนา สมัยกษัตริย์เซจงมหาราช ทรงประดิษฐ์อักษรฮันกึลขึ้นใช้แทนอักษรจีน
เกาหลีมีความขัดแย้งกับชาติตะวันตกโดยเฉพาะเรื่องศาสนาคริสต์ และความแตกแยกในหมู่ขุนนางทำให้ราชวงศ์นี้เสื่อมลง จนถูกญี่ปุ่นยึดครองและล้มล้างระบอบกษัตริย์ไปในที่สุด

ยุคอาณานิคมของญี่ปุ่นและสงครามโลก
…..เมื่อ พ.ศ. 2453 ญี่ปุ่นได้ผนวกเกาหลีเป็นดินแดนของตนตามสนธิสัญญาการรวมญี่ปุ่น-เกาหลี ซึ่งสนธิสัญญานี้เป็นที่ยอมรับของญี่ปุ่นฝ่ายเดียว แต่ไม่เป็นที่ยอมรับในเกาหลี เพราะถือว่าไม่มีการลงนามของกษัตริย์เกาหลี เกาหลีถูกญี่ปุ่นปกครองจนกระทั่งญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้สงครามเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488
ในระหว่างการปกครองของญี่ปุ่น มีการสร้างระบบคมนาคมแบบตะวันตก แต่ส่วนใหญ่เพื่อประโยชน์ทางการค้าของญี่ปุ่นมากกว่าประโยชน์ของชาวเกาหลี ญี่ปุ่นล้มล้างราชวงศ์โชซ็อน ทำลายพระราชวัง ปรับปรุงระบบภาษี ให้ส่งข้าวจากเกาหลีไปญี่ปุ่น ทำให้เกิดความอดอยากในเกาหลี มีการใช้แรงงานทาสในการสร้างถนนและทำเหมืองแร่
หลังการสวรรคตของกษัตริย์โกจง (Gojong) เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2461 ด้วยยาพิษ ทำให้เกิดการเรียกร้องเอกราชทั่วประเทศ เมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2461 ผลจากการลุกฮือขึ้นเรียกร้องเอกราชทำให้ชาวเกาหลีราว 7,000 คนถูกฆ่าโดยทหารและตำรวจญี่ปุ่น ชาวคริสต์เกาหลีจำนวนมากถูกฆ่าหรือเผาในโบสถ์ระหว่างการเรียกร้องเอกราชมีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลของเกาหลีที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน หลังจากการเคลื่อนไหว 1 มีนาคม เพื่อต่อต้านการยึดครองของญี่ปุ่น
…..การลุกฮือขึ้นต่อต้านญี่ปุ่นยังคงมีอยู่ต่อไป เช่น การลุกฮือของนักศึกษาทั่วประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2472 จนนำไปสู่การประกาศกฎอัยการศึกเมื่อ พ.ศ. 2474 หลังจากเกิดสงครามจีน-ญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2480 ญี่ปุ่นพยายามลบล้างความเป็นชาติของเกาหลี การสอนประวัติศาสตร์และภาษาเกาหลีในโรงเรียนถูกห้าม การแสดงออกทางวัฒนธรรมที่เป็นเกาหลีถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ชาวเกาหลีถูกบังคับให้มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นสิ่งของมีค่าถุกนำออกจากเกาหลีไปยังญี่ปุ่น หนังสือพิมพ์ถูกห้ามตีพิมพ์ด้วยภาษาเกาหลี หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จำนวนมากถูกเผาทำลาย
…..ชาวเกาหลีจำนวนมากอพยพออกจากเกาหลีไปสู่แมนจูเรียและรัสเซีย ชาวเกาหลีในแมนจูเรียจัดตั้งขบวนการกู้เอกราชชื่อ “ทุงนิบกุน” (Dungnipgun) ขบวนการนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน ทำสงครามกองโจรกับกองทัพญี่ปุ่น กองทัพเหล่านี้ได้รวมตัวกันเป็นกองทัพปลดปล่อยเกาหลี เมื่อราว พ.ศ. 2483 เคลื่อนไหวในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวเกาหลีกว่าหมื่นคนเข้าร่วมในกองทัพปลดปล่อยประชาชนและกองทัพปฏิวัติแห่งชาติ
…..ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวเกาหลีถูกบังคับให้ร่วมมือกับญี่ปุ่น ชายชาวเกาหลีถูกเกณฑ์เข้าร่วมในกองทัพญี่ปุ่นผู้หญิงจากจีนและเกาหลีราว 200,000 คน ถูกส่งตัวไปเป็นนางบำเรอของทหารญี่ปุ่น

การแบ่งแยกประเทศ
…..หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง แนวโน้มของการแบ่งประเทศเริ่มปรากฏขึ้นเมื่อ 8 กันยายน พ.ศ. 2488 เมื่อสหรัฐเข้าควบคุมภาคใต้ของคาบสมุทรเกาหลี และโซเวียตเข้าควบคุมภาคเหนือ โดยใช้เส้นขนาน(ละติจูด,เส้นรุ้ง)ที่ 38 องศาเป็นเส้นแบ่ง รัฐบาลชั่วคราวถูกยกเลิกเพราะสหรัฐเห็นว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ ในครั้งแรกการแบ่งแยกนี้เป็นการชั่วคราว และจะให้เอกราชแก่เกาหลีเมื่อสี่ชาติมหาอำนาจคือ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต อังกฤษ และจีน จัดการปกครองในเกาหลีสำเร็จ
ในการประชุมไคโรเมื่อ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486 กำหนดให้เกาหลีเป็นชาติอิสระ และการประชุมล่าสุดที่ยัลตาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ตกลงให้เกาหลีเป็นรัฐในอารักขาของชาติมหาอำนาจสี่ชาติ ต่อมา 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 โซเวียตยกทัพจากไซบีเรียเข้าสู่เกาหลีโดยไม่มีการต่อต้าน ญี่ปุ่นยอมแพ้เมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2488 มีการประชุมที่มอสโกเพื่อตกลงเกี่ยวกับอนาคตของเกาหลี โดยกำหนดให้เป็นรัฐในอารักขา 5 ปี และรวมส่วนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐและโซเวียตเข้าด้วยกัน มีการประชุมกันอีกครั้งที่กรุงโซลแต่องค์การตั้งประเทศใหม่ยังไม่ลุล่วง เดือนกันยายน พ.ศ. 2490 สหรัฐส่งปัญหาเกาหลีเข้าสู่สหประชาชาติเพื่อให้เกาหลีเป็นรัฐเดียวที่มีเอกภาพ แต่ผลจากสงครามเย็นทำให้สหรัฐวางแผนคุ้มกันเกาหลีเพื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์ ส่งผลให้เกิดการแยกประเทศเมื่อ พ.ศ. 2491 เกิดเป็นสองประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจและการปกครองต่างกัน สหประชาชาติยอมรับสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) เป็นตัวแทนเกาหลีในสหประชาชาติเพียงรัฐเดียวเมื่อ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2491 สงครามเกาหลีระเบิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2493 เมื่อเกาหลีเหนือยกทัพข้ามเส้นขนานที่ 38 องศาบุกเข้าโจมตีเกาหลีใต้ เป็นการยุติความพยายามในขณะนั้นที่จะรวมประเทศทั้งสองอย่างสันติ สงครามดำเนินไปจนมีข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2496

ความพยายามรวมประเทศหลังสงคราม
…..เกาหลีใต้มีความพยายามที่จะรวมประเทศอย่างสันติตั้งแต่ พ.ศ. 2513 โดยเปิดการเจรจากับเกาหลีเหนืออย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการเจรจาระหว่างสภากาชาดฝ่ายใต้กับฝ่ายเหนือเพื่อให้ครอบครัวที่พลัดพรากระหว่างสงครามได้พบหน้ากัน มีการออกแถลงการณ์ระหว่างสองประเทศเมื่อ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 เพื่อยุติการกล่าวร้ายระหว่างกัน แต่การเจรจาเพื่อรวมประเทศไม่ราบรื่น ที่ประสบผลสำเร็จมีเพียงการอนุญาตให้ชาวเกาหลีทั้งสองประเทศข้ามเขตปลอดทหารไปมาหาสู่กันได้ในช่วง 20-23 กันยายน พ.ศ. 2528 และการเจรจาเกี่ยวกับกีฬาโอลิมปิก พ.ศ. 2531 ที่กรุงโซลเท่านั้น การเจรจาเรื่องอื่น ๆ หยุดชะงักลงหลัง พ.ศ. 2529 เนื่องจากเกาหลีเหนือไม่พอใจเกี่ยวกับการซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นการขัดแย้งกับการรวมชาติ เกาหลีใต้พยายามประนีประนอมกับเกาหลีเหนือเพื่อการเจรจาจนมีการประชุมระดับผู้นำครั้งแรกเมื่อ 4 กันยายน พ.ศ. 2533 จากนั้นมีการประชุมต่อมาอีกหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม การรวมชาติเกาหลียังเป็นสิ่งที่ต้องรอคอยต่อไปจนกระทั่งปัจจุบันเกาหลีใต้มีความพยายามที่จะรวมประเทศอย่างสันติตั้งแต่ พ.ศ. 2513 โดยเปิดการเจรจากับเกาหลีเหนืออย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการเจรจาระหว่างสภากาชาดฝ่ายใต้กับฝ่ายเหนือเพื่อให้ครอบครัวที่พลัดพรากระหว่างสงครามได้พบหน้ากัน มีการออกแถลงการณ์ระหว่างสองประเทศเมื่อ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 เพื่อยุติการกล่าวร้ายระหว่างกัน แต่การเจรจาเพื่อรวมประเทศไม่ราบรื่น ที่ประสบผลสำเร็จมีเพียงการอนุญาตให้ชาวเกาหลีทั้งสองประเทศข้ามเขตปลอดทหารไปมาหาสู่กันได้ในช่วง 20-23 กันยายน พ.ศ. 2528 และการเจรจาเกี่ยวกับกีฬาโอลิมปิก พ.ศ. 2531 ที่กรุงโซลเท่านั้น การเจรจาเรื่องอื่น ๆ หยุดชะงักลงหลัง พ.ศ. 2529 เนื่องจากเกาหลีเหนือไม่พอใจเกี่ยวกับการซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นการขัดแย้งกับการรวมชาติ เกาหลีใต้พยายามประนีประนอมกับเกาหลีเหนือเพื่อการเจรจาจนมีการประชุมระดับผู้นำครั้งแรกเมื่อ 4 กันยายน พ.ศ. 2533 จากนั้นมีการประชุมต่อมาอีกหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม การรวมชาติเกาหลียังเป็นสิ่งที่ต้องรอคอยต่อไปจนกระทั่งปัจจุบัน

travel_guide_korea_2

เรื่องน่ารู้ก่อนไป เที่ยวเกาหลี เตรียมตัวเที่ยว
…..นาทีนี้คงไม่ต้องเอ่ยถึง เที่ยวเกาหลี เพราะการไปเที่ยวเกาหลี (เกาหลีใต้) คืออีก ประเทศและสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต ที่คนไทยหลายๆ คน ต้องการไปให้ได้สักครั้ง (หรือหลายๆ ครั้ง) สำหรับมือใหม่อยากไปเกาหลี นี่คือ กิจกรรมสุดฮิต เมื่อไปเกาหลีแล้วต้องทำสัก 4-5 อย่างนี้ เช่น ไปชมหมู่บ้านสไตล์ฝรั่งเศส La Provence Village , เล่นสกี SKI , ตามรอยซี่รีย์ เกาหลี WINTER LOVE SONG ที่เกาะนามิ , เที่ยวสวนสนุก Everland , คล้องกุญแจคู่รักและชมวิว 360 องศา กลางกรุงโซลทาวเวอร์ , ชมพระราชวังเก่าเคียงบ๊อกคุงกว่า 600 ปี, ช็อปปิ้ง 2 ตลาดดังเมียนดง + ทงแดมุน , ทดสอบทำกิมจิ และใส่ชุดฮันบก ถ่ายรูป , ชมโชว์สุดดังแดนเกาหลี FANTA STICK หรือ DRUM CAT SHOW, ชิมสตรอเบอร์รี่ สดจากไร่, ถ่ายภาพสนุกสนานกับภาพสามมิติ TRICK EYE MUSEUM 3D GALLERY ฯลฯ แต่ถ้าทำได้มากกว่า 4-5 อย่างก็ถือว่าไม่ผิดแต่อย่างใด

travel_guide_korea_2

ก่อนจะไป เที่ยวเกาหลี เราต้องเตรียมตัวกันเสียก่อน เริ่มต้นที่….
สภาพอากาศ ที่ เกาหลี
อุณภูมิโดยเฉลี่ยของเกาหลี ที่เกาหลีจะแบ่งออกเป็น 4 ฤดูกาล
ใบไม้ผลิ ของเกาหลี ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม อุณหภูมิเกาหลีโดยเฉลี่ยช่วงนี้ 6 ถึง 16 องศา ช่วงนี้จะมีดอกไม้ค่อนข้างเยอะและสวยงาม ดอกไม้จะเริ่มผลิใบและแสงแดดกำลังสวยงาม เดินทางไปช่วงนี้ก็อากาศสบายๆ ใส่เสื้อผ้าสบายๆได้
หน้าร้อน ของเกาหลี ช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม อุณหภูมิเกาหลีโดยเฉลี่ย 22 ถึง 38 องศา ขอบอกว่าช่วงนี้อากาศร้อนเหมือนบ้านเราเลย แต่อาจจะมีฝนตกบางวัน และช่วงนี้ต้นไม้จะเป็นสีเขียว ต้นหญ้าสีเขียว เดินทางช่วงนี้สำคัญเลยคือการพกร่มติดตัวไปด้วย แต่โดยเฉลี่ยส่วนมาราคาห้องพักตั๋วเดินทางต่างจะราคาถูกก็ช่วงนี้แหละ
ฤดูใบไม้ร่วง – ใบไม้เปลี่ยนสีของเกาหลี ช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน อุณหภูมิโดยเฉลี่ย ของเกาหลี 5 ถึง 25 องศา ขอบอกว่าเกาหลีช่วงนี้อากาศสดชื่นมากๆ ท้องฟ้าแจ่มใส ใบไม้เปลี่ยนสีอย่างสวยงาม สำคัญคือช่วงนี้เป็นช่วงที่ผู้คนชอบในการเดินทางเที่ยวเป็นอย่างมากอะไรอะไรก็แพ๊งแพงแต่ก็คุ้มค่ากับราคา การแต่งกายนั้นจัดเต็มได้เลย เสื้อผ้าสีสันสวยงามถ่ายรูปกับธรรมชาติหลากสี
ฤดูหนาว ของเกาหลี ช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของเกาหลี -5 ถึง -20 องศา อากาศของเกาหลีช่วงนี้จะแห้งและหนาวมาก เกาหลีหนาวจัด เกาหลีหนาวเวอร์ เกาหลีหนาวเหน็บ หรืออาจจะมีหิมะตกด้วยบางวัน สำคัญเลย การแต่งกายช่วงนี้เตรียมเสื้อผ้าที่สามารถทำความอุ่นให้ร่างกายได้มากที่สุด และอย่าลืมเตรียมแผ่นร้อนไปด้วยก็จะดี เดินทางช่วงนี้ห้ามพลาดกับการเล่นสกีล่ะ เด็ดมากๆ สำหรับฤดูกาลนี้ของเกาหลี
สภาพอากาศ ที่ เกาหลี
อุณภูมิโดยเฉลี่ยของเกาหลี ที่เกาหลีจะแบ่งออกเป็น 4 ฤดูกาล
ใบไม้ผลิ ของเกาหลี ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม อุณหภูมิเกาหลีโดยเฉลี่ยช่วงนี้ 6 ถึง 16 องศา ช่วงนี้จะมีดอกไม้ค่อนข้างเยอะและสวยงาม ดอกไม้จะเริ่มผลิใบและแสงแดดกำลังสวยงาม เดินทางไปช่วงนี้ก็อากาศสบายๆ ใส่เสื้อผ้าสบายๆได้
หน้าร้อน ของเกาหลี ช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม อุณหภูมิเกาหลีโดยเฉลี่ย 22 ถึง 38 องศา ขอบอกว่าช่วงนี้อากาศร้อนเหมือนบ้านเราเลย แต่อาจจะมีฝนตกบางวัน และช่วงนี้ต้นไม้จะเป็นสีเขียว ต้นหญ้าสีเขียว เดินทางช่วงนี้สำคัญเลยคือการพกร่มติดตัวไปด้วย แต่โดยเฉลี่ยส่วนมาราคาห้องพักตั๋วเดินทางต่างจะราคาถูกก็ช่วงนี้แหละ
ฤดูใบไม้ร่วง – ใบไม้เปลี่ยนสีของเกาหลี ช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน อุณหภูมิโดยเฉลี่ย ของเกาหลี 5 ถึง 25 องศา ขอบอกว่าเกาหลีช่วงนี้อากาศสดชื่นมากๆ ท้องฟ้าแจ่มใส ใบไม้เปลี่ยนสีอย่างสวยงาม สำคัญคือช่วงนี้เป็นช่วงที่ผู้คนชอบในการเดินทางเที่ยวเป็นอย่างมากอะไรอะไรก็แพ๊งแพงแต่ก็คุ้มค่ากับราคา การแต่งกายนั้นจัดเต็มได้เลย เสื้อผ้าสีสันสวยงามถ่ายรูปกับธรรมชาติหลากสี
ฤดูหนาว ของเกาหลี ช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของเกาหลี -5 ถึง -20 องศา อากาศของเกาหลีช่วงนี้จะแห้งและหนาวมาก เกาหลีหนาวจัด เกาหลีหนาวเวอร์ เกาหลีหนาวเหน็บ หรืออาจจะมีหิมะตกด้วยบางวัน สำคัญเลย การแต่งกายช่วงนี้เตรียมเสื้อผ้าที่สามารถทำความอุ่นให้ร่างกายได้มากที่สุด และอย่าลืมเตรียมแผ่นร้อนไปด้วยก็จะดี เดินทางช่วงนี้ห้ามพลาดกับการเล่นสกีล่ะ เด็ดมากๆ สำหรับฤดูกาลนี้ของเกาหลี

travel_guide_korea_3

การจัดกระเป๋าเดินทาง เสื้อผ้า ไปเกาหลี
การแต่งกาย ไปเกาหลี
เสื้อผ้าที่เตรียมสำหรับเดินทาง ควรเหมาะกับสภาพอุณหภูมิ ควรเตรียมเสื้อคลุมกันหนาว และรองเท้าที่สวมใส่สบาย ถุงเท้า ถุงมือ (ถุงมือ หรือเสื้อคลุมกันหนาวนี่เอาไปเผื่อสักคู่ สักตัวก็พอได้นะคะ แล้วค่อยไปหาซื้อใหม่สวยๆ ที่นู่นก็ได้) แนะนำเลกกิ้งตัวหนาๆ กันหนาว ไม่ใช่เลกกิ้งบางๆ ของไทยเรานะ
จัดกระเป๋าเดินทาง ไปเกาหลี
น้ำหนักของกระเป๋าเดินทางไม่ควรเกิน 20 กิโลกรัม ต่อ 1 ท่าน หากน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนดไว้ ทางสายการบินจะเรียกเก็บค่าน้ำหนักเพิ่ม ประมาณกิโลกรัมละ 400-500 บาทโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขอื่นของทางสายการบินด้วย และสำคัญมากๆ เลยควรตรวจป้ายชื่อทุกครั้ง เนื่องจากการส่งประเป๋าไปตามห้องพัก จะดูป้ายผูกกระเป๋าเป็นหลัก (ภาษาที่ใช้ในป้ายติดกระเป๋า ควรเป็นภาษาอังกฤษด้วย) และควรเลือกกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่แบบแข็งแรง และมีล้อเนื่องจาก บริกรที่ประเทศเกาหลีมีค่อนข้างน้อย ดังนั้นการใช้บริการพนักงานยกกระเป๋าหรือเบลล์บอย จึงต้องจ่ายค่าบริการตามมารยาทอย่างน้อย 5,000-6,000 วอน / ใบนะจ๊ะ
เรื่องเงินทอง
บัตรเครดิต ใช้ที่เกาหลี
สามรถใช้ได้ตามโรงแรมภัตตาคารร้านอาหารใหญ่ๆ และห้างสรรพสินค้าในเมืองสำคัญๆ ยกเว้นในส่วนของตลาดพื้นเมือง ในกรณีที่ต้องการซื้อสินค้า ท่านควรจะอนุมัติวงเงินจากบัตรเครดิตธนาคารต้นสังกัด เพื่อความสะดวกในการใช้จ่าย สำคัญคือ ควรเตรียมเงิน วอน หรือ เงินดอลล่าร์สหรัฐ ไปด้วยจะสะดวกในการซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ตามร้านขายของทั่วไปจะดีกว่า เพราะสินค้าพื้นเมืองบางอย่างนั้น ร้านพื้นเมืองจะมีราคาถูกกว่าร้านใหญ่ที่รับบัตรเครดิต
เครื่องบริการ ATM ที่เกาหลี
นักท่องเที่ยวที่มีบัตรเครดิต ซึ่งได้รับการยอมรับกันทั่วโลก สามารถถอนเงินสดจากบัญชีของท่าน หรือเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าจากเครื่องบริการเงินด่วน (ATM) ที่ตั้งอยู่ตามโรงแรมใหญ่ ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน และสถานที่ท่องเที่ยว แต่ต้องมีการดูแลและระวังในความปลอดภัยของตนเองด้วย หากไม่จำเป็นจริงๆ เตรียมเงินสดไปให้พร้อมจะดีกว่า หรือหากต้องการแลกเงิน สามารถติดต่อแลกที่หัวหน้าทัวร์หรือไกด์ท้องถิ่นได้เลยจ้า
ของมีค่า สู่เกาหลี
ของมีค่าไม่ควรนำติดตัวไปด้วย เพราะอาจมีการสูญหายหรือถูกขโมย ควรระมัดระวัง แต่หากนำติดตัวไปด้วยระหว่างการเดินทางควรเอาไว้กับตัวเองตลอด ห้ามวางไว้บนรถหรือวางไว้ตามโต๊ะอาหารเพราะอาจเกิดการสูญหายได้
เรื่องอื่นๆ ที่น่ารู้
กระแสไฟฟ้าในเกาหลี
กระแสไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศเกาหลี 110, 220 โวลต์ บางโรงแรมที่เกาหลีใช้ระบบเดียวกับไทย ควรเตรียมตัวแปลงปลั๊กเต้าเสียบแบบสามขาไปด้วย เนื่องจากที่เกาหลีส่วนใหญ่จะใช้เต้าเสียบแบบหัวกลม แต่ประเทศไทยใช้แบบหัวเหลี่ยม เตรียมพร้อมไปด้วยจะดีกว่านะ ทั้งโทรศัพท์เอย กล้องเอย ไอเพดเอยสารพัดอย่าง เตรียมไปน่าจะพร้อมกว่าจ้า
ความปลอดภัยในการเดินทางไปเกาหลี
ระบบการรักษาความปลอดภัยของสนามบินทุกแห่ง ไม่อนุญาตให้นำมีดพับของมีคมหรือวัสดุอื่นใด ที่อาจใช้ในการก่อเหตุการณ์ร้ายขึ้นเครื่อง และประเทศเกาหลีไม่อนุญาตให้นำวัตถุเหลวขึ้นเครื่อง ออกจากประเทศควรจัดเก็บไว้ในกระเป๋าใบใหญ่ และหากทางสายการบินตรวจพบ บางแห่งอาจทำการยึดโดยไม่คืนให้ สำคัญคือ ควรมีการจัดการเตรียมความพร้อมตั้งแต่แรก จะได้ไม่ยุ่งยากและสะดวกสบายระหว่างการเดินทาง
ยาประจำตัวในเกาหลี
ส่วนใครที่มีโรคประจำตัวควรนำยาติดตัวไปด้วย สำหรับยาสามัญหัวหน้าทัวร์หรือไกด์ เขาจะจะเตรียมไปให้บริการแต่ส่วนโรคที่เป็นโรคประจำตัวของเรานั้นจัดการกันเองนะค่ะ
สกุลเงินเกาหลี
สกุลเงินที่ใช้ในเกาหลี คือ สกุลเงินวอน / 1,000 วอน แลกเงินไทยได้ประมาณ 28-30 บาท
ตรวจสอบ อัตราแลกเปลี่ยน เงินตราต่างประเทศ ได้ที่ http://www.bangkokbank.com/BangkokBankThai/WebServices/Rates/Pages/FX_Rates.aspx
ภาษาเกาหลี
…..ภาษาที่ใช้เป็นภาษาเกาหลี หรือ ฮันกึล และโดยส่วนมากคนเกาหลีพูดภาษาจีนได้ หากใครที่สามารถสื่อสารภาษาจีนได้สบายใจได้หายห่วงในส่วนภาษาอังกฤษใช้ได้ตามสถานที่ท่องเที่ยว และส่วนมากป้ายแนะนำสถานที่ต่างๆก็จะมีภาษาอังกฤษเขียนบอกเอาไว้ด้วย บางสถาที่มีป้ายภาษาไทยนะด้วยจะบอกให้
เวลา
…..ประเทศเกาหลี เวลาจะเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง หากเดินทางไปถึงแล้ว อย่าลืมปรับนาฬิกา เพื่อความสะดวกในการนัดหมาย กับหัวหน้าทัวร์ / ไกด์ หรือเดินทางขึ้นเครื่องกลับด้วยนะจ๊ะ เพื่อไม่ให้พลาดในสิ่งสำคัญต่างๆ ระหว่างการเดินทาง
การให้ทิปที่ เกาหลี
…..สถานที่ต่างอาทิ เช่น ภัตตาคาร โรงแรม คนขับรถ พนักงานและบริกรเหล่านี้ต่างมุ่งหวังที่จะได้ค่าทิปเป็นการตอบแทนจากผู้ใช้บริการ ส่วนธรรมเนียมการให้ทิปที่เกาหลีนั้น โดยส่วนมากคนขับรถและไกด์ท้องถิ่น 20,000 วอนต่อทริปเดินทาง / ท่าน นอกเหนือจากนั้นจะมีหนุ่มน้อยเกาหลีหน้าตาละม้ายคล้ายดาราเกาหลีที่คอยมาบริการยกกระเป๋า บริการเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหารนั้นแล้วแต่น้ำใจที่จะมีให้
อาหารเกาหลี
…..โดยส่วนมากอาหารทัวร์เป็นอาหารท้องถิ่น เช่น หมูย่างเกาหลี ไก่ตุ๋นโสมเกาหลี เกาหลีมีวัฒนธรรมในการรับประทานอาหาร ซึ่งจะนิยมอาหารชนิดเดียว แต่จะมีเครื่องเคียงเป็นผักต่าง ๆ มาด้วย ท่านสามารถเตรียมอาหารที่ท่านชอบติดตัวไปรับประทานได้หรือใช้บริการจากอาหารที่ไกด์จัดเตรียมให้ เช่น ซอสต่าง ๆ ส่วนหากเป็นอาหารสั่งเองตามร้านทั่วไปก็จะมีหลากหลายพันอย่างลองแวะชิมๆดูแล้วมาแบ่งกัน แต่แนะนำทั้งที่ไปกับทัวร์และไม่กับทัวร์เลยก็เห็นจะเป็นขาปูยักษ์แบบบุฟเฟต์และไวน์ไม่อั้นตามภัตตาคารหรูหลายแห่งที่คอยให้บริการ

travel_guide_korea_4

ที่จอดรถในเกาหลี
บางครั้งรถนำเที่ยวจะจอดบริเวณที่ให้จอดรถ หรืออาจจะต้องนัดหมายเวลาให้มารับ ซึ่งต้องเช็คเวลากับไกด์ให้ดีหรือผู้นำทัวร์ให้ดีและควรตั้งใจฟังรายละเอียดก่อน เพราะไม่อย่างนั้นอาจทำให้หลงกันได้
รถแท็กซี่ที่เกาหลี
…..โดยที่เกาหลีนั้นรถแท็กซี่ธรรมดาระบบค่าโดยสารขึ้นอยู่กับระยะทาง และเวลาที่ได้ใช้บริการไป แต่ที่เกาหลีจะต้องเสียค่าโดยสาร 1,900 วอน สำหรับ 2 กิโลเมตรแรก และเสียอีก 100 วอน ทุกระยะ 168 เมตร ที่เพิ่มขึ้น ถ้าจราจรติดขัดแท็กซี่วิ่งได้น้อยกว่า 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้องเสียค่าโดยสารเพิ่มขึ้น 1,000 วอน ทุกระยะเวลา 41 วินาที ค่าโดยสาร ระหว่างสนามบินอินชอนและย่านศูนย์การค้าของโซล ปกติประมาณ 42,000 วอน (รวมค่าผ่านทาง) แต่อาจจะสูงกว่าถ้าจราจรติดขัด ค่าโดยสารจะเพิ่มขึ้นระหว่างช่วงเวลา เที่ยงคืนถึงตีสี่ 20 % ซึ่งหากแนะนำแล้วการเดินทางในเกาหลีหากไม่จำเป็นไม่ควรนั่งแท๊กซี่ เพราะราคาสูงมากอย่างที่เขาพูดกัน
การติดต่อสื่อสาร
โทรศัพท์ภายในเกาหลี
เกาหลีการโทรศัพท์ภายในพื้นที่โทรในเขตพื้นที่หรือเมืองเดียวกัน ก็เพียงแค่กดหมายเลข แต่หากต้องการโทรไปต่างพื้นที่หรือต่างเมืองให้กดรหัสของเขตก่อนแล้วตามด้วยเบอร์โทรศัพท์ที่ต้องการติดต่อ เช่น หากต้องการโทรไปที่แทกู (หมายเลยโทรศัพท์ 123-4567) ให้กด 053-123-4567 สะดวกอย่างมากมาย
รหัสโทรศัพท์ภายในเกาหลี
รหัสโทรศัพท์เขตพื้นที่ต่างๆในเกาหลี ดังนี้ – โซล 02 – อินชอน 032 – แทจอน 053 – พูซาน 051 – แทกู 053 – อุลซาน 052 – ควางจู 062 – เคียงกีโด 031 – คังวอนโด 033 – ชุงชองนัมโด 041 – ชุนชองบุกโด 043 – เคียงซางบุกโด 054 – เคียงซางนัมโด 055 – ชลลานัมโด 061 – ชลลาบุกโด 063 – เชจูโด 064
โทรศัพท์ต่างประเทศ จากเกาหลีสู่ประเทศอื่นๆ

จากเกาหลีสามารถใช้โทรศัพท์ทางไกลอัตโนมัติผ่านระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อโทรสายตรงออกจากประเทศเกาหลี ให้กดรหัสโทรออกต่างประเทศ 001, 002 หรือ 008 ก่อนตามด้วยรหัสประเทศ, รหัสพื้นที่ และหมายเลยโทรศัพท์ปลายทาง เช่น 001-662-9334180 (กรุงเทพฯ)
การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในเกาหลี

สามารถขอรายละเอียดการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละระบบการสื่อสารได้ ที่เจ้าหน้าที่ผู้ให้ บริการแต่ละเครือข่าย ณ สนามบินสุวรรณภูมิหรือตามชอปของเครื่องข่ายนั้นๆ ซึ่งอาจจะต้องเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์ก่อนนำไปใช้งานที่ประเทศเกาหลี โดยต้องเตรียมพาสปอร์ตและตั๋วเครื่องบินตัวจริงประกอบการขอใช้บริการ
รวมสถานที่ท่องเที่ยว น่าสนใจใน เกาหลี
พระราชวังเคียงบ๊ก (Gyeongbokgung Palace)
พิธีเปลี่ยนเวรยามทหารหน้าประตูกวงฮวามุน
พระราชวังชางด๊อกกุง (Changdeokgung Palace)
สวนลับพีวอน (Bewon Secret Garden)
คลองชองเกชอน (Cheonggyecheon Stream)
อนุสาวรีย์นายพลอีซุนซิน (Yi Soon Shin)
อนุสาวรีย์พระเจ้าเซจงมหาราช
พิพิธภัณธ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี (National Folk Museum of Korea)
หมู่บ้านบุกชน ฮันอก (Bukchon Hanok) วิวหมู่บ้านโบราณงามๆ เดินชิลๆ
นัมซาน โซลทาวเวอร์ (N Seoul Tower)
Teddy Bear Museum เมื่อน้องหมีบอกเล่าวิถีชีวิตชาวเกาหลีตั้งแต่อดีตสู่ปัจจุบัน
หมู่บ้านวัฒนธรรมนัมซานฮันอก (Namsangol Hanok Village)
เกาะยออิโด (Yeouido) พาขี่จักรยานชมซากุระบานทีเกาะยออิโด
Wax Museum พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งชื่อดังแห่งตึก 63 City
Sea World Aquarium @ 63 City
Coex Aquarium อควาเรี่ยมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโซล
Kimchi Museum กิมจินั้น สำคัญไฉน
Everland หนึ่งในสวนสนุกที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก น่าเล่น ไม่แพ้ชาติใดในเอเชีย
ซอรัคซาน (Seoraksan) สวิสเซอร์แลนด์เกาหลี วิวสวยมาก
หาดแฮอึนเด (Haeundae Beach) หาดดังแห่งเมืองท่าปูซาน
Busan Aquarium พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งเมืองปูซาน
Nurimaru Apex House & Gwangan Bridge สุดยอดมุมสวยที่ต้องมาถ่ายรูป
หาดควันกัลลิ (Gwangalli Beach) อีกหาดสวย กับวิวสะพานแขวนยามค่ำคืน
Busan Tower และสวนยงดูซาน (Yongdusan Park)
World Model Ship Exhibition พิพิธภัณฑ์เรือนานาชาติ
สวนสนุก Lotte World สวนสนุกในเมืองในมันส์ไม่แพ้ Everland
Trick Eye Museum พิพิธภัณฑ์ภาพลวงตา ใครชอบถ่ายรูปห้ามพลาด

travel_guide_korea_5

บทความอื่นๆ