
ทัวร์ยุโรป CLASSIC EUROPE VII 8D5N (EY)
ราคาเริ่มต้น 54,500 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

CLASSIC EUROPE VII ITALY SWITZERLAND FRANCE 8วัน 5คืน
‘’เปิดประสบการ์ณเที่ยว 3 ประเทศดังแห่งทวีปยุโรป’’
อิตาลี ชมหมู่บ้านแสนน่ารักริมทะเลสาบโคโม่ และ ความงามของพระราชวังมิลาน
สวิส นั่งกระเช้าไฟฟ้าหมุนได้ 360 องศา ชมวิวบนแบบพาโนรามาบนยอดเขาทิตลิส
ถ่ายภาพกับสะพานไม้ชาเปล สิงโตหินแกะสลัก ช้อปปิ้งที่เมืองซุก
ฝรั่งเศส เช็คอินแลนด์มาร์คชื่อดังปารีส หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ล่องเรือชมแม่น้ำแซน
เที่ยวชมเมืองดิจอง และ เมืองกอลมาร์ หรือ เวนิสแห่งฝรั่งเศส
เดินทางโดยสายการบิน ETIHAD AIRWAYS
น้ำหนักสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง 30 kg. / CARRY ON 7 kg.
วันที่เดินทาง | 16 มี.ค. 66 – 23 มี.ค. 66, 02 มี.ค. 66 – 09 มี.ค. 66, 09 มี.ค. 66 – 16 มี.ค. 66, 12 เม.ย. 66 – 19 เม.ย. 66, 13 เม.ย. 66 – 20 เม.ย. 66, 26 เม.ย. 66 – 03 พ.ค. 66 |
---|
ทัวร์ยุโรป
วันที่หนึ่ง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ท่าอากาศยานนานาชาติอาบูดาบี
18.00 น. พร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศขาออกชั้น 4 ประตู 4 เคาน์เตอร์ J สายการบิน สายการบินเอทิฮัด แอร์เวย์ โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสาร ติดแท็กกระเป๋าก่อนขึ้นเครื่อง
21.05 น. นำท่านเดินทางสู่ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยสายการบินเอทิฮัด แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ EY407
00.30 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอาบูดาบี ประเทศ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะพักเปลี่ยนเครื่อง
วันที่สอง ท่าอากาศยานนานาชาติอาบูดาบี-ท่าอากาศยานมิลาโนมัลเปนซา-เมืองมิลาน-พระราชวังมิลาน-มหาวิหารแห่งมิลาน-ซานตามารีอาเดลเลกราซีเอ-ห้าง Galleria Vittorio Emanuele II-เมือง Lomazzo
02.55 น. นำท่านเดินทางสู่ถึง ท่าอากาศยานมิลาโนมัลเปนซาประเทศอิตาลี เที่ยวบินที่ EY081
06.10 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานมิลาโนมัลเปนซา ประเทศอิตาลี นำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและพิธีการทางศุลกากร (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) นำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและพิธีการ ทางศุลกากรและตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้วนำท่านขึ้นรถโค้ชปรับอากาศเดินทางสู่ นำท่านสู่จุดศูนย์กลางของ เมืองมิลาน หรือที่คนอิตาเลียนเรียกว่า มิลาโน่ (Milano) (ระยะทาง 50 กม. / 1 ชม.) เป็นเมืองหลวงทางแฟชั่นของโลกแข่งกับปารีสในประเทศฝรั่งเศส เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจของอิตาลี นอกจากนั้นยังมีภาพวาดเฟรสโก้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และโรงละครโอเปร่าอันลือชื่อ เป็นต้น จากนั้นพาทุกท่านแวะถ่ายภาพกับ พระราชวังมิลาน (Royal Palace of Milan) เป็นที่ตั้งของรัฐบาลในเมืองมิลานเป็นเวลาหลายศตวรรษ ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นศูนย์วัฒนธรรมและเป็นที่ตั้งของนิทรรศการศิลปะระดับนานาชาติ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 7,000 ตารางเมตร และเป็นที่จัดแสดงงานศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัย และคอลเล็กชันที่มีชื่อเสียงโดยร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์และสถาบันทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกเป็นประจำ ชม มหาวิหารแห่งมิลาน (Duomo di Milano) (ถ่ายรูปด้านนอก) มหาวิหารนี้สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ถือว่ามีความใหญ่โตเป็นอันดับสามของโลก เริ่มสร้างในปี 1386 แต่กว่าจะเสร็จต้องใช้เวลากว่า 400 ปี ด้านนอกมีหลังคายอดเรียวแหลมที่ทำจากหินอ่อนจำนวน 135 ยอด และมีรูปปั้นหินอ่อนจากสมัยต่างๆ กว่า 2,245 ชิ้น ยอดที่สูงที่สุดมีรูปปั้นทองขนาด 4 เมตร ของพระแม่มาดอนน่าเป็นสง่าอยู่ ถ่ายรูปด้านนอกที่ ซานตามารีอาเดลเลกราซีเอ (Santa Maria delle Grazie) เป็นโบสถ์และคอนแวนต์ของคณะดอมินิกัน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1980 โบสถ์แห่งนี้มีชื่อเสียงเพราะเป็นที่ตั้งของจิตรกรรมฝาผนัง “พระกระยาหารมื้อสุดท้าย” ที่เขียนโดยเลโอนาร์โด ดาวินชีภายในหอฉันของคอนแวนต์ ไปชมและแวะช้อปปิ้งที่ ห้าง Galleria Vittorio Emanuele II เป็นหนึ่งในศูนย์การค้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีลักษณะเป็นทางเดินและอาคารขนาบ 4 ชั้น คลุมด้วยหลังคาทรงโค้ง ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองมิลาน
อิสระอาหารเที่ยงและเย็นเพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาของท่าน
เดินทางสู่ เมือง Lomazzo (ระยะทาง 35 กม. / 1 ชม.) เป็นเมืองและชุมชนในจังหวัดโคโม่ในภูมิภาคลอมบาร์เดียของตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่าง Comoและ Milan ศูนย์กลางประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของเมืองก่อตั้งขึ้นบนยอดเขาที่ตั้งอยู่ในหุบเขาทางฝั่งขวาของลูรา
ที่พัก: Just Hotel Lamazzo Fiera 4* หรือระดับใกล้เคียง
วันที่สาม เมือง Lomazzo-เมืองโคโม่-ทะเลสาบโคโม่-เมืองแองเกิลเบิร์ก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์-ยอดเขาทิตลิส-ถ้ำน้ำแข็ง-สะพานแขวน-เมืองลูเซิร์น-สิงโตหินแกะสลัก-สะพานไม้ชาเปล- Schwanenplatz
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่1)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโคโม่ (Como) (ระยะทาง 16 กม. / 30 นาที) เป็นเมืองในแคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โคโม่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ ทิศเหนือของเมืองอยู่ติดกับทะเลสาบโคโม่ ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง เป็นแหล่งรวมชิ้นงานศิลปะชื่อดัง, มีโบสถ์, พิพิธภัณฑ์, สวน, โรงละคร, วังเก่าอยู่มากมาย พาทุกท่านไปเก็บภาพความประทับใจกับ ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก ตั้งอยู่ใน แคว้นลอมบาร์เดีย (Lombardy) ไม่ไกลจากเมืองมิลาน (Milan) เท่าไรนัก ด้วยความยาวโดยรอบ บวกกับพื้นที่รอบๆ ทะเลสาบถึง 146 ตารางกิโลเมตร จึงทำให้ทะเลสาบแห่งนี้กลายเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศอิตาลี และยังเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดเป็นอันดับ 5 ในยุโรปด้วยความลึกกว่า 400 เมตร รูปร่างลักษณะเฉพาะของทะเลสาบโคโม่ทำให้นึกถึง Y ที่กลับด้านที่โด่งดังไปทั่วโลก เป็นผลมาจากการละลายของธารน้ำแข็งรวมกับการกัดเซาะของแม่น้ำ Adda โบราณ ทำให้เกิดทางแยกเป็นตัว Y และยังเป็นทะเลสาบมีทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองแองเกิลเบิร์ก (Engelberg) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ( ระยะทาง 203 ก.ม. / 3 ชม.) เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่บนเขาสูงอยู่ในรัฐออบวัลเดิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ล้อมด้วยเทือกเขาแอลป์ จุดสูงสุดในพรมแดนของเมืองเป็นยอดเขาทิตลิส ซึ่งยอดเขาทิตลิสมีความสูงประมาณ 3,020 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นที่ตั้งของสถานีกระเช้าโรแตร์เพื่อเดินทางขึ้นสู่ ยอดเขาทิตลิส (Titlis) ท่านจะได้สัมผัสกับกระเช้าทรงกลมที่เรียกว่า โรแตร์ เคเบิ้ลคาร์ ที่จะหมุนรอบๆ ที่ท่านสามารถดูวิวได้ 360องศาในขณะที่เคลื่อนที่ขึ้นไปเรื่อยๆ ท่านจะได้ขึ้นชมทัศนียภาพที่งดงามของเทือกเขาแอลป์ ชม ถ้ำน้ำแข็ง (Glacier cave) ที่สวยงามและเดินเล่นถ่ายรูปหรือเล่นหิมะบนยอดเขา และชม สะพานแขวน (TITLIS CLIFF WALK) สร้างขึ้นฉลองครบรอบ 100 ปีการท่องเที่ยวบนยอดเขาทิตลิส สะพานมีความยาว 100 เมตร ความสูง 3,000 เมตร ทอดข้ามหน้าผา อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน (อาหารอาหารชุดสไตล์เอเชีย) บนยอดเขาทิตลิส (มื้อที่2)
เดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบและขุนเขา (ระยะทาง 35 ก.ม. / 45 นาที) จากนั้น นำท่านชม สิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิตที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792 ชมสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่าน แม่น้ำรอยส์ (Reuss River) ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์นเป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิสตลอดแนวสะพาน อิสระเดินเล่นที่ Schwanenplatz ที่นี่เป็นแหล่งช้อปปิ้งหลักสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนลูเซิร์น ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของทะเลสาบลูเซิร์น มีร้านค้ามากมายที่นี่ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร มีโรงงานนาฬิกาโรเล็กซ์ในบริเวณนี้ด้วย ร้านค้ารอบๆขายงานฝีมือสวิสท้องถิ่น ร้านค้าบางร้านขายของที่ระลึก ช็อคโกแลต เครื่องประดับ ฯลฯ
เย็น รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่3)
ที่พัก: Ibis Style Luzern 3* หรือระดับใกล้เคียงกัน (ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย5-7วันก่อนวันเดินทาง)
วันที่สี่ เมืองลูเซิร์น-เมืองซุก- Lohri AG Store-เมืองกอลมาร์ (Colmar) ประเทศฝรั่งเศส-เวนิสน้อย -เมืองดีจอง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่4)
จากนั้นนำท่านเที่ยวชม เมืองซุก (ZUG) (ระยะทาง 29 กม. / 30 นาที) เป็นเมื่องที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ และซุกเป็นเมืองที่ติดอันดับหนึ่งในสิบของโลกเมืองที่สะอาดที่สุด เป็นเมืองเก่าที่คงความสวยงามของพื้นหินแบบยุโรปในยุคกลางจะหลงรักเมืองนี้ สิ่งที่จะทำให้ท่านประทับใจคือรู้สึกได้ถึงอากาศที่สดชื่นและสะอาดอาจเป็นเพราะเมืองนี้ตั้งอยู่บนทะเลสาบ อิสระชอปปิ้งที่ Lohri AG Store ทีมีนาฬิกาชั้นนำระดับโลกให้ท่านเลือกซื้อเลือกชมอาทิ เช่น Patek Philippe, Franck Muller Cartier , Piaget, Parmigiani Fleurier, Panerai, IWC , Omega, Jaeger-LeCoultre, Blancpain, Tag Heuer ฯลฯ
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่5)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองกอลมาร์ (Colmar) ประเทศฝรั่งเศส (ระยะทาง 174 ก.ม. / 2.30 ชม.) อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ใกล้กับประเทศเยอรมนี จึงทำให้สถาปัตยกรรมคล้ายกับของเยอรมนี ได้ชื่อว่าเป็น “capitale des vins d’Alsace” (เมืองหลวงแห่งไวน์แห่งอาลซัส) อีกด้วย เมืองกอลมาร์ได้รับการอนุรักษ์ให้เป็นเมืองที่ยังคงลักษณะสถาปัตยกรรมและบรรยากาศของเมืองโบราณไว้ ทั้งพิพิธภัณฑ์ ศาสนสถาน ห้องสมุด น้ำพุ รูปปั้น ร้านค้าต่างๆ ปัจจุบันได้รับการขนานนามว่าเป็น “Little Venice” (la Petite Venise) ติดอันดับเมืองโรแมนติกเป็นอันดับต้นๆ ของฝรั่งเศส เวนิสน้อย เป็นชื่อที่มอบให้กับเส้นทางในเมืองกอลมาร์ ชื่อนี้น่าจะมาจากแนวบ้านทั้งสองฝั่งแม่น้ำซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง เขตนี้เริ่มต้นหลัง Koïfhus ผ่านย่านคนขายปลา และไปยังสะพาน Turenne และ Saint-Pierre เดิมทีเป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนผู้ผลิตไวน์ ชาวสวนในตลาด และคนพายเรือในชนบท Krutenau ทอดยาวไปรอบ ๆ ถนน Turenne ที่ใช้ในปี 1674
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองดีจอง (Dijon) (ระยะทาง 252 ก.ม. / 3.30 ชม.) เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของไวน์ชั้นเลิศ และยังเป็นเมืองหลวงของแคว้นเบอร์กันดี (Burgundy region เป็นเมืองหลวงที่มีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์ของแคว้นเบอร์กันดีและฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ในเรื่องของการผลิตไวน์ นอกจากวัฒนธรรมเกี่ยวกับไวน์และการปลูกองุ่นแล้ว เมืองดีจองยังเป็นอีกเมืองที่มีความเกี่ยวพันกับคริสต์ศาสนาเป็นอย่างมาก เนื่องจากการมีโบสถ์คริสตจักรจำนวนมากตั้งอยู่ภายในเมือง
เย็น รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่6)
ที่พัก : Ibis style Dijon Central 4* หรือโรงแรมระดับใกล้เคียงกัน (ชื่อโรงแรมที่ท่านพัก ทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย5-7วันก่อนวันเดินทาง)
วันที่ห้า เมืองดีจอง- พิพิธภัณฑ์ศิลปะประจำเมือง-โบสถ์เซนต์มิเชล-โบสถ์แซ็ง-เบนีญ-วังดยุกแห่งเบอร์กันดี-ย่านเซรีส-เอาท์เล็ท ลาวัลเล่ -เมืองปารีส
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่7)
พาท่านไปถ่ายภาพความประทับใจกับแลนด์มาร์ค เมืองดีจอง (Dijon) ชมด้านนอก พิพิธภัณฑ์ศิลปะประจำเมือง (The Musée des Beaux-Arts ) ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับวังดยุคแห่งเบอร์กันดี ภายในจะมีการจัดแสดงนิทรรศการของศิลปะยุคกลาง และชั้นบนจะมีภาพวาดจัดแสดงจำนวนมาก ซึ่งผลงานส่วนใหญ่จะเป็นผลงานภาพวาดของจิตรกรเฟลมิช และศิลปินที่มีเสียงในท้องถิ่น โบสถ์เซนต์มิเชล (St. Michel church) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวังดยุคแห่งเบอร์กันดี เป็นโบสถ์ทคริสต์ที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่ง โดยตัวโบสถ์ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15 ถึงศตวรรษ 17 และไปชมโบสถ์ที่มีความสวยงามอีกแห่ง คือ โบสถ์แซ็ง-เบนีญ (Cathédrale St. Bénigne) โบสถ์ตริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่สร้างขึ้นในแบบโกธิค โดยที่ใต้ถุนโบสถ์ถูกใช้เป็นที่ฝังศพ วังดยุกแห่งเบอร์กันดี (The Ducal Palace) วังของขุนนางชั้นสูงที่มีรูปแบบอาคารที่สวยงาม และถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนเมืองดีจอง โดยวังแห่งนี้ได้สร้างขึ้นในแบบสไตล์คลาสสิก ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษ 17 ถึง ศตวรรษ18 ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีศิลปะในการก่อสร้างที่ยอดเยี่ยม และถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่มีความสำคัญของประเทศอีกแห่งก็ว่าได้
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่8)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ย่านเซรีส (Serris) (ระยะทาง 331 ก.ม. / 4.30 ชม.) เป็นย่านชานเมืองของปารีส ตั้งอยู่นอกบริเวณของดิสนีย์แลนด์ปารีส ดังนั้นจึงเป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมและยังมี ศูนย์การค้าที่ใหญ่โต และสวนสาธารณะอันกว้างขวาง อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัยที่ เอาท์เล็ท ลาวัลเล่ (La Vallée Village Outlet) เป็นเอาท์เล็ทจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังต่างๆ โดยจำหน่ายในราคาถูกกว่าราคาปกติอย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์ และมีบางช่วงโปรโมชั่นพิเศษตามฤดูกาลต่างๆที่อาจลดราคาไปถึง 70 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน ทำให้เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม โดยปัจจุบัน เอาท์เล็ทลาวัลเล่มีสินค้าแบรนด์เนมจำหน่ายอยู่หลาย 10 แบรนด์ VERSACE หนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในไทย และยังมี GUCCI, LACOSTLE, ERIC BOMPARD หรือ BACCARAT ก็มีเช่นกัน
อิสระเย็นเพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาของท่าน
จากนั้นพาท่านเดินทางสู่ เมืองปารีส (Paris) (ระยะทาง 38 ก.ม. / 1 ชม.)
ที่พัก: Best Western Plus Paris Velizy 4* หรือระดับใกล้เคียงกัน (ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย5-7วันก่อนวันเดินทาง)
วันที่หก เมืองปารีส- นั่งรถกระเช้าไฟฟ้า Funicular Montmartre- มหาวิหารซาเคร-เกอร์ บาซิลิก้า-หอไอเฟล – ล่องเรือชมแม่น้ำแซน โดย บาโต มูช-พิพิธภัณฑ์ลูฟร์-ห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่9)
จากนั้นทุกท่านไปเปิดประสบการณ์ นั่งรถกระเช้าไฟฟ้า (Funicular Montmartre) เปิดให้บริการเมื่อช่วงฤดูร้อนปี 1990 ได้มีการสร้างและปรับปรุงใหม่อย่างสม่ำเสมอจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันกระเช้าไฟฟ้าเป็นรถไฟฟ้าและขนส่งผู้โดยสารได้กว่า 2 ล้านคนต่อปี การเดินทางใช้เวลา 90 วินาทีและเป็นไปโดยอัตโนมัติ จากนั้นพาทุกท่านไปที่ มหาวิหารซาเคร-เกอร์ บาซิลิก้า (The Basilica of the Sacred Heart of Paris) สถานที่ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “หัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของปารีส” จุดท่องเที่ยวยอดฮิต ตั้งอยู่บนยอดเนินเขามงต์มาตร์ (La butte Montmartre) สูงจากระดับน้ำทะเล 129 เมตร เขาแห่งเดียวในกรุงปารีส จุดชมวิวแสนสวย ท่านจะได้เห็นวิวมุมสูงที่สุดอันดับสองรองจากหอไอเฟล แต่มีความโดดเด่นสำคัญคือคุณจะได้เห็นหอไอเฟลตั้งอยู่กลางเมืองถ้ามองจากจุดนี้ เป็นวิวแสนโรแมนติกจับใจทั้งกลางวันและกลางคืน มหาวิหาร Sacré-Coeur เป็นวิหารในคริสตจักรโรมันคาทอลิก ถูกออกแบบโดย โปล อาบาดี (Paul Abadie) สถาปนิกที่ถูกคัดเลือกจากสถาปนิกทั้งหมด 77 รายเริ่มก่อสร้างปี ค.ศ. 1875 และเสร็จสิ้นลงในปี ค.ศ.1914 ใช้ระยะเวลาก่อสร้างเกือบ 40 ปี เก็บภาพความประทับใจกับแลนด์มาร์คโด่งดังของเมืองปารีส หอไอเฟล (Eiffel Tower) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศฝรั่งเศส ตัวอาคารก่อสร้างโดยโครงเหล็กทั้งหมด มีความสูงประมาณ 300 เมตร(เทียบกับตึกประมาณ 75 ชั้น) สร้างเป็นรูปแบบหอคอย โดยถูกตั้งตามชื่อของสถาปนิกที่คนออกแบบชื่อว่า “กุสตาฟ ไอเฟล” ซึ่งเป็นทั้งวิศวกรและสถาปนิกชื่อดังของฝรั่งเศสในยุคนั้น ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างงานเหล็กโดยเฉพาะ หอไอเฟลสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นผลงานในการเฉลิมฉลองวันครบรอบ 100 ปี แห่งการปฏิวัติประเทศฝรั่งเศส และเพื่อแสดงถึงความร่ำรวย ยิ่งใหญ่ รวมถึงความสำเร็จในยุคอุตสาหกรรมของประเทศในขณะนั้นด้วยหนึ่งในจุดถ่ายรูปหอไอเฟลที่ดีที่สุดคือลานตรงข้างหน้าปราสาท Palais de Chaillot ที่อยู่ใกล้ๆกับสถานีของ Trocadéro เพราะตรงนี้เป็นมุมถ่ายแล้วจะเห็นหอไอเฟลแบบไม่มีอะไรมาบังความสวยงามแน่นอน
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่10)
จากนั้นพาทุกท่านไปสัมผัสบรรยากาศเมืองปารีส ล่องเรือชมแม่น้ำแซน โดย บาโต มูช (Bateaux-Mouches) รอบละประมาณ 1 ชม. มีการบรรยายเกี่ยวกับประวัติเมืองปารีสตลอดทั้งการเดินทางระหว่างสองข้างทางที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มหาวิหารน็อทร์-ดาม, หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ จากนั้นเยี่ยมชมด้านนอกและเก็บภาพความประทับใจกับ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของเมืองปารีส จากผลงานที่จัดแสดงไปจนถึงความเก่าแก่และยิ่งใหญ่ของสถานที่ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความสำคัญระดับโลก ก่อตั้งขึ้นโดยพระเจ้าฟิลิปที่ 2 ก่อนที่จะถูกขยายให้เป็นพระราชวังหลวง ในปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เป็นสถานที่เก็บรักษาผลงานศิลปะที่ทรงคุณค่าไว้มากกว่า 400,000 ชิ้น แต่นำมาจัดแสดงให้ชมเพียง 40,000 ชิ้นเท่านั้น ซึ้งแน่นอนว่าผลงานศิลปะเหล่านี้ถูกเล่าต่อกันมาว่าเป็นสมบัติจากการที่ฝรั่งเศสนำมาจากประเทศที่ตนชนะสงครามจากนั้นพาทุกท่านไปอิสระช้อปปิ้งที่ ห้างปลอดภาษี Benlux Louvre duty free เป็นห้างชื่อดังใจกลางกรุงปารีส ซึ่งคุณจะได้พบกับสินค้าแบรนด์ชั้นนำต่างๆจากทั่วโลก ในราคาที่ไม่แพงและบรรยากาศที่หรูหราตระการตา ที่ดีเด่นต่อนักท่องเที่ยวไทย เพราะมีพนักงานและข้อความภาษาไทยในห้างนี้ด้วย ห้าง La Samaritaine เป็นห้างสรรพสินค้า ขนาดใหญ่ ในกรุงปารีส เริ่มต้นจากร้านเสื้อผ้าเล็กๆ และขยายไปสู่สิ่งที่กลายเป็นชุดของอาคารห้างสรรพสินค้าที่มีแผนกต่างๆ ทั้งหมด 90 แผนก เป็นสมาชิกสมาคมห้างสรรพสินค้านานาชาติตั้งแต่ปี 2528 ถึง 2535 ห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ (Galleries Lafayette) เป็นห้างหรูที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของปารีส ภายในอาคารที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ.1912 เดิมทีก่อนที่จะมาเป็นห้างสรรพสินค้าแฟชั่นชั้นนำของโลกอย่างทุกวันนี้แต่ก่อนเป็นแค่ร้านขายเสื้อผ้าเล็กๆ ที่หัวมุมถนน Lafayette แต่ภายหลังไม่นานได้มีการขยับขยายพื้นที่เพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนพนักงานและลูกค้าที่มาจับจ่ายใช้สอย มีบันทึกว่าเป็นปีที่มียอดขายสูงสุด ซึ่งในปัจจุบันมีสาขาแบ่งอยู่ตามเมืองใหญ่ๆทั้งในประเทศและนอกประเทศ รวมแล้วทั้งหมด 61 แห่ง
เย็น รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่11)
ที่พัก: Best Western Plus Paris Velizy 4* หรือโรงแรมระดับใกล้เคียงกัน
วันที่เจ็ด เมืองปารีส – ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกล – ท่าอากาศยานอาบูดาบี
06.00 น. รับประทานอาหารเช้า (SET BOX) (มื้อที่12) จากนั้นนำท่านเดินทางสู่จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยาน นานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกล ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ
09:30 น. เดินทางกลับประเทศไทย โดยสายการบิน ETIHAD AIRWAYS เที่ยวบินที่ EY032
18.55 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานอาบูดาบี กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
21.45 น. เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบิน ETIHAD AIRWAYS เที่ยวบินที่ EY402
วันที่แปด ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
07:20 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
ทัวร์ยุโรป