Picture1

ทัวร์ยุโรป ออสเตรีย-สโลวีเนีย 11 วัน (EK)

ราคาเริ่มต้น 159,900 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

สายการบิน: Image

…นำท่านเดินทางสู่ เมืองวิลลาค (Villach) (ระยะทาง 20กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 25 นาที) เมืองแห่งการ                 ท่องเที่ยวที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของมณฑลคารินเทีย (Carinthia) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเดรา (Drau River)           ปัจจุบันเมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่ย้อนกลับไปในสมัยโรมันแห่งนี้ ได้กลายเป็นเมืองที่คึกคัก ไปด้วยย่านธุรกิจ                    การค้า การท่องเที่ยวและการพักผ่อนหย่อนใจที่มีชื่อเสียง

วันที่เดินทาง

กุมภาพันธ์ 67 – มิถุนายน 67

ทัวร์ยุโรป
วันแรก สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ
22.30 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 9 เคาน์เตอร์สายการเอมิเรตส์ (EK) พบกับเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอย อำนวยความสะดวก
วันที่สอง เวียนนา – กราซ – ลุบเบลียน่า
02:25 น. ออกเดินทางสู่ เมืองเวียนนา โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK377 / EK127
*** แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินดูไบ 06.00-08.55 ***
12:55 น. เดินทางถึง สนามบินเวียนนา ประเทศออสเตรีย หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลการกรเรียบร้อยแล้ว ..จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองกราซ (Graz) (ระยะทาง 205 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. 30 นาที) เมืองที่ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศออสเตรียได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งมหาวิทยาลัยที่สำคัญของออสเตรียเพราะ มีมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ถึง 6 แห่งด้วยกันตัวเมืองมีความสงบแต่ทันสมัย มีภูเขาเล็ก ๆ และแม่น้ำเมอร์ (Mur) ไหลผ่าน เป็นเมืองการค้าและศูนย์กลางของสถาปัตยกรรมจากทุกยุคทุกสมัย ทั้งแบบโกธิคเรอเนสซองซ์ และ บารอค
…นำท่านชมความงดงามของพระราชวังเองเกนเบิร์ก (Eggenberg Palace) เป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นในแบบ บาร็อค ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองกราซ ถือว่าเป็นอีกพระราชวังที่มีการจัดสวนโดยรอบอย่างสวยงาม โดยพระราชวังแห่งนี้ได้ถูกรวมให้เป็นส่วนหนึ่งในมรดกโลกของ

…นำท่านนั่งรถราง (funicular) สู่ Schlossberg หรือ Castle hill ซึ่งเป็นที่ตั้งของหอนาฬิกาเก่าแก่ (Uhrturm) สัญลักษณ์ประจำเมือง ถือเป็นแลนมาร์คสำคัญของที่นี่ นอกจากนี้ยังมีป้อมปืนใหญ่ บ่อน้ำโบราณ หอระฆัง รูป ปั้น ฯลฯ ซึ่งคอยบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในยุคกลางของเมืองให้แก่ผู้มาเยือน จากจุดชมวิวมากมาย หลายแห่งบนนั้น ทำให้เราได้มองกราซจากหลากมุม แต่ไม่ว่ามุมไหนก็ดูสวยงามน่าอยู่ทั้งสิ้น

…จากนั้นนำท่านเดินเล่นย่านเมืองเก่า (Old Town) ชมบ้านเรือนโบราณกว่า 1,000 หลัง ตัวเมืองเก่าได้รับการ ยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ในปี 1999 และยกให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรป (Cultural Capital of Europe) ในปี ค.ศ. 2003 อีกด้วย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
นำท่านเดินทางสู่ เมืองลุบเบลียน่า (Ljubljana) (ระยะทาง 195 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที) เมืองหลวงของประเทศสโลวาเนีย แม้จะเป็นเมืองหลวงที่เล็กๆ แต่เปี่ยมไปด้วยบรรยากาศเรียบง่าย สงบเรียบร้อยและเป็นระเบียบ นำท่านสัมผัสบรรยากาศเมืองหลวงที่ยังคงให้ท่านได้เห็นร่องรอยของ สถาปัตยกรรมโบราณ และอิทธิพลของศิลปะสไตล์บาโร๊คในเมืองลุบเบลียน่า

…นำท่านชม สะพานมังกร (Dragon Bridge) ที่ทอดข้ามแม่น้ำลุบเบลียยานิก้า ซึ่งสร้างในปี ค.ศ. 1901 เป็น สะพานแห่งแรกๆ ที่สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ของยุโรป ที่หัวสะพานทั้งสองฝั่งจะมีรูปมังกรใน แบบอาร์ตนูโว อยู่ฝั่งละ 2 ตัว รวมเป็น 4 ตัว เป็นเรื่องความผูกพันของชาวสโลวาเนียที่เชื่อกันว่า เจสัน ได้ขโมย ขนแกะทองคำมา และได้เดินทางผ่านมายังลุบเบียนา และได้ปะทะกับมังกรแห่งลุบเลียนา ดังนั้น มังกรจึง กลายเป็นสัญลักษณ์อีกชิ้นที่ประดับอยู่บนตราประจำเมือง

ผ่านชมและแวะถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญต่างๆภายในเมืองเช่น ศาลาว่าการเมือง , มหาวิหารเซนต์ นิโคลัส ปราสาทเมืองเก่า (Old town castle) ปราสาทแห่งนี้สร้างในสมัยศตวรรษที่ 11 ในศิลปะสไตล์บาโร๊ค และได้ ทำการบูรณะใหม่ในปี 1990 โดยได้บูรณะหอสูงในลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิค จากนั้นนำท่านชมย่านการค้า ตลาดสินค้าพื้นเมืองและเดินเล่น ชมบ้านเรือนที่สวยงามด้วยศิลปะบาโร๊ค อิสระให้ท่านถ่ายรูป หรือ เลือกซื้อของ ฝากตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก RADISSON BLU LJUBLJANA HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่สาม ลุบเบลียน่า – เวลิก้า ปลานิน่า – วินท์การ์ จอร์จ – เบลด
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวลิก้า ปลานิน่า (Velika Planina) ประเทศสโลวีเนีย (Slovenia) (ระยะทาง 50 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง)
นำท่านขึ้นกระเช้า Cable Carเพื่อไปสัมผัสความชนบทแบบ Slovenian ที่นี่เป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ในเทือกเขา Julian Alps บนระดับความสูง 1,611 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่ตั้งอยู่บน ตำแหน่งสูงสุดของประเทศ
ลักษณะเด่นของบ้านเรือนที่นี่คือหลังคาที่ทำด้วยแผ่นไม้สนซ้อนกันไล่เรียงแผ่ราบลงไปด้วยองศาที่ค่อนข้างต่ำจน เกือบจะติดพื้น ทุกเดือนมิถุนายน เกษตรกรจะนำฝูงปศุสัตว์กลับมาที่นี่เพื่อให้สัตว์กินหญ้าจนถึงเดือนกันยายน พร้อมเสนอผลิตภัณฑ์นมนานาชนิดให้แขกผู้มาเยือนได้ชิม
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
…นำท่านเดินทางสู่ วินท์การ์ จอร์จ (Vintgar Gorge) หรือ เรียกว่า เบลด จอร์จ เป็นลำธารน้ำใสขนาดเล็ก มี ความยาวประมาณ 1.6 กิโลเมตร อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของประเทศสโลวีเนียตั้งอยู่ระหว่างเขตเทศบาลของ เมือง Gorjeและ เมืองเบลด ธารน้ำธรรมชาติวินท์การ์ จอร์จ อยู่ในหุบเขา Radovna Valley ซึ่งน้ำในลำธารมา จากแม่น้ำ Radovnaลำธารแห่งนี้โอบล้อมไปด้วยหุบเขาและ 2 ข้างของลำธารจะมีผาหินซึ่งมีความสูงประมาณ 50 ถึง 100 เมตร และจะมีลักษณะเป็นหินผาที่ลดหลั่นลงเป็นเกาะแก่ง ที่วินท์การ์ จอร์จ เป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพ อันสวยงาม ไม่ใช่เพียงแค่ลำธารเล็กๆ ธรรมดา แต่ยังมีสภาพแวดล้อมอื่นๆ ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ผา หินตามธรรมชาติ และน้ำในลำธารที่ใสเป็นสีมรกต อีกทั้งยังมีน้ำตก sum Fall ซึ่งเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดใน สโลวีเนีย ที่ไหลลงมาที่ลำธารวินท์การ์ จอร์จ จากแม่น้ำ Radovna
…นำท่านเดินทางสู่ เมืองเบลด (Bled) (ระยะทาง 54 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที) เมืองเบลด (Bled) เมืองเล็ก ๆ ซึ่งเคยได้รับรางวัลชนะเลิศรีสอร์ทของโลก ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเบลดที่งดงาม แวดล้อมด้วยธรรมชาติ ของขุนเขาแอลป์ที่เรียกว่า Julian Alps Mountain จึงถูกขนานนามว่าไข่มุกแห่งเทือกเขาแอลป์ ทะเลสาบเบลด แห่งนี้โดดเด่นด้วยเกาะกลางทะเลสาบที่น้ำทะเลสาบโดยรอบเป็นสีเขียวมรกต เมืองเบลด (Bled) เริ่มมีชื่อเสียง สำหรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1885 เมื่อแพทย์ชาวสวิสชื่อ Dr. Arnold Rivli เห็นคุณค่าของอากาศที่แสน บริสุทธิ์ของเมืองนี้ได้ย้ายมารักษาคนไข้ที่เมืองนี้และใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนี้เป็นเวลาถึง 50 ปี อีกทั้ง นโปเลียนยังเคย ใช้เป็นสถานที่พักผ่อน ริมทะเลสาบยังมีคฤหาสน์ของติโต อดีตผู้รวมชาติยูโกสลาเวีย ซึ่งใช้เป็นที่รับแขกบ้านแขก เมือง อิสระให้ท่านเดินเล่นริมทะเลสาบตามอัธยาศัย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคานอาหารพื้นเมือง
ที่พัก PARK HOTEL BLED โรงแรมระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า (พัก 2 คืน)
วันที่สี่ เบลด – ทะเลสาบโบฮินจ์ – เบลด – ล่องทะเลสาบเบลด – จุดชมวิว Ojstrica
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
..นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบโบฮินจ์ (Bohinj Lake) (ระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสโลเวเนีย ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา Julian Alps เกิดจากการละลายของ ธารน้ำแข็ง glacial lake ใหญ่ที่สุดในประเทศสโลเวเนีย ตั้งอยู่ระหว่างหุบเขา Bohinjสูงจากระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ 1,600 ถึง 2,000 เมตร มีความยาว 4.2 กิโลเมตร กว้าง 1 กิโลเมตร และ จุดที่ลึกที่สุดประมาณ 45 เมตร ในหน้าร้อนสามารถลงเล่นน้ำว่ายน้ำได้ นำท่าน ชื่นชมความงามของทะเลสาบโบฮินจ์ นำท่าน ชื่นชมความ งามของทะเลสาบโบฮินจ์
…นำท่าน ขึ้นกระเช้าเคเบิ้ลคาร์ สู่ยอดเขาโวเกิล ที่ระดับความสูง 6,306 ฟุต หรือ1,922 เมตร ซึ่งท่านจะสัมผัส ถึงความสวยงามของเทือกเขาแอลป์ ในประเทศสโลวีเนีย ที่มีชื่อว่ายอดเขาตริเกลา (Mount Triglav) ตั้งอยู่ใน เขตอุทยานแห่งชาติตริเกลา และจัดเป็นอุทยานแห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป

…นำท่านเดินทางกลับสู่เมืองเบลด
กลางวัน รับประทานอา หารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
…นำท่านล่องเรือชมความงามของทะเลสาบเบลด ตัวทะเลสาบเกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งโบฮินจ์ (Bohinj Glacier) ในยุคน้ำแข็ง แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือน้ำในทะเลสาบ ไม่ได้มาจากการละลายของธารน้ำแข็ง แต่มา …จากบ่อน้ำร้อนใต้ดินหลายแห่ง น้ำในทะเลสาบนี้จึงใสบริสุทธิ์ และไม่กลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว เรือล่อง ผ่าน ปราสาทเบลด (Bled Castle)ที่ตั้งอยู่บนริมผาติดทะเลสาบ เป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุด จักรพรรดิ์เฮนริคที่ 2 แห่งเยอรมัน ยกให้เป็นสถานที่พักของบิชอป อัลเบี่ยม แห่งบริเซน (Bishop Albium of Brixen) ในปี ค.ศ. 1004 แวะชมเกาะเป็นที่ตั้งของโบสถ์เซนต์แมรี่ (Assumption of Mary Pilgrimage Church)โบสถ์ประจำ เมืองอันศักดิ์สิทธิ์ สร้างในศตวรรษที่ 11 เล่ากันว่าหากคู่สมรสคู่ใดได้มาโยกระฆังในโบสถ์จะมีชีวิตคู่ยืนยาว โดย เจ้าบ่าวจะต้องอุ้มเจ้าสาวขึ้นบันไดมาจากท่าเรือจนถึงประตูโบสถ์

เบลด เริ่มมีชื่อเสียงสำหรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1885 เมื่อแพทย์ชาวสวิสชื่อ Dr. Arnold Rivliเห็นคุณค่า ของอากาศที่แสนบริสุทธิ์ของเมืองนี้ ได้ย้ายมารักษาคนไข้ที่เมืองนี้และใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนี้เป็นเวลาถึง 50 ปี นอกจากนั้นโปเลียนยังเคยใช้เป็นสถานที่พักผ่อน ริมทะเลสาบยังมีคฤหาสน์ของติโต อดีตผู้รวมชาติยูโกสลาเวีย ซึ่งใช้เป็นที่รับแขกบ้านแขกเมืองนำท่านขึ้นจุดชมวิวทะเลสาบ Bled ณ จุดชมวิว Ojstricaจุดชมวิวที่ท่านจะได้ เดินขึ้นเขา เป็นเส้นทางธรรมชาติ ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาทีในการเดินขึ้น ให้ท่านได้ชมวิวเหนือทะเลสาบตาม อัธยาศัย
…จากนั้นได้เวลานำท่านลงสู่ด้านล่าง
** หมายเหตุ ทางขึ้นจุดชมวิว Ojstricaเป็นเส้นทางธรรมชาติ หากฝน ตกหรืออากาศไม่เอื้ออำนวยทางบริษัทของดการ ให้บริการเพื่อความปลอดภัยของคณะทัวร์ และทางบริษัทจะอนุญาตให้เฉพาะท่านที่มีร่างกายแข็งแรง เดิน สะดวกเท่านั้นในการขึ้นชมวิวนี้ สำหรับท่านที่ไม่ได้ขึ้นสามารถเดินเล่นรอริมทะเลสาบได้
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
ที่พัก PARK HOTEL BLED โรงแรมระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
วันที่ห้า เบลด – Zelenci Springs –Lake Jasna – วิลลาค – เซลล์ อัม ซี
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ Zelenci Springs (ระยะทาง 42 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) เป็นเขตอนุรักษ์ ธรรมชาติใกล้กับเมือง Kranjska Gora ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสโลวีเนีย เป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำ Sava Dolinkaซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำดานูบ ที่ Zelenci Springs น้ำจากใต้ดิน จะผ่านรูพรุนของทะเลสาบที่มีความลึก 2 เมตร ซึ่งน้ำขึ้นชื่อว่าเป็นสีเขียวที่ลึกและสดใส น้ำพุและบริเวณโดยรอบตั้งชื่อตามสีน้ำในทะเลสาบ

อิสระท่านชมความงดงามของทะเลสาบแห่งนี้ตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร
…นำท่านเดินทางสู่ Lake Jasna (ระยะทาง 10 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที) ทะเลสาบสีมรกต สุดงดงามแห่งสโลวีเนีย ทะเลสาบในเขตหุบเขาอัลไพน์แห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติยอดนิยมของประเทศ โดยมีชื่อเสียงจากทิวทัศน์ของขุนเขารอบด้านและน้ำใสสะอาด

ในเขตอุทยานแห่งชาติตริเกลา (Triglav National Park) ตั้งอยู่ในแถบเทือกเขาจูเลียนแอลป์ (Julian Alps) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสโลวีเนีย (Slovenia) ทะเลสาบในเขตหุบเขาอัลไพน์แห่งนี้เป็นหนึ่งใน สถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติยอดนิยมของประเทศ โดยมีชื่อเสียงจากทิวทัศน์ของขุนเขารอบด้านและนำใส สะอาด ทะเลดังกล่าวมีพื้นที่ผิวน้ำทั้งหมด 2.2 เฮคเตอร์ โดยบริเวณหัวทะเลสาบเป็นที่ตั้งของรูป ปั้น Zlatorg หรือ Golden Horn ซึ่งเป็นสัตว์ในตำนานของภูเขา Triglavและเป็นสัญลักษณ์สำคัญของ ทะเลสาบแห่งนี้
…นำท่านเดินทางสู่ เมืองวิลลาค (Villach) (ระยะทาง 20กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 25 นาที) เมืองแห่งการ ท่องเที่ยวที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของมณฑลคารินเทีย (Carinthia) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเดรา (Drau River) ปัจจุบันเมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่ย้อนกลับไปในสมัยโรมันแห่งนี้ ได้กลายเป็นเมืองที่คึกคัก ไปด้วยย่านธุรกิจ การค้า การท่องเที่ยวและการพักผ่อนหย่อนใจที่มีชื่อเสียง
กลางวัน รับประทานอา หารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ชมโบสถ์เซนต์จาคอบ (St.Jakob Church) โบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14-15 ในสไตล์แบบโกธิค ถือเป็นคริสตจักรนิกายโปรเตสแตนท์แห่งแรกของประเทศออสเตรีย และมีหอระฆังที่มีความสูงกว่า 94 เมตร ถือ เป็นหอระฆังที่มีความสูงที่สุดของแคว้นคารินเทีย ถ่ายรูปกับป้อมปราการเก่าแก่บนเนินเขาสูงถึง 676 เมตรและมี ปราสาทแลนด์สคอร์นอยู่ด้านบน

นำท่านเดินทางสู่เมืองเซลล์ อัม ซี (Zell am See) (ระยะทาง 188 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที) เมืองที่สวยงามดั่งภาพวาดที่มีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 10,000 คน ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเซลเลอร์ ซี (Zeller See) และโอบล้อมด้วยเทือกเขาโฮเฮอ เทาแอร์น (Hohe Tauern) จากเมืองที่ก่อตั้งโดยพระในสมัยศตวรรษที่ 18 วันนี้เซลล์ อัม ซีเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการพักผ่อน เนื่องจากเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยหุบเขา ทำให้สภาพ อากาศเย็นสบาย และมีความร่มรื่นตลอดทั้งปี
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก GRAND HOTEL ZELL AM SEE หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่หก เซลล์ อัม ซี – คาปรุน – Maria Alm – เซลล์ อัม ซี
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองคาปรุน (KAPRUN) (ระยะทาง 8 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 10 นาที) เมืองท่องเที่ยว เล็ก ๆ และเป็นเมืองที่ตั้งของยอดเขาคิทส์ชไตน์ฮอร์น (Kitzsteinhorn) ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติโฮเฮอเทา แอร์น (Hohe Tauern National Park) ก่อตั้งขึ้นใน ปี ค.ศ. 1981 ถือเป็นอุทยานแห่งแรกของประเทศ ออสเตรีย เป็นเขตอนุรักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป

นำท่านนั่งกระเช้าสู่ ยอดเขาคิทส์ชไตน์ฮอร์น (Kitzsteinhorn) ที่มีความความสูง 3,029 เมตร ทอดตัวอยู่ทาง ทิศเหนือของยอดอัลไพน์

นำท่านชมความสวยงามของเทือกเขาแอลป์ที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งปี ให้ท่านสัมผัสกับกิจกรรมมากมายบน ยอดเขาแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น National Park Gallery ซึ่งจัดแสดงข้อมูลของอุทยานแห่งชาติ หรือจะเลือกชม ภาพยนตร์ Cinema 3000 และตื่นตาตื่นใจไปกับ Panorama Platform ซึ่งเป็นแหลมยื่นไปกลางหุบเขา ท่าน สามารถชมวิวของยอดเขาในอุทยานแห่งชาติโฮเฮอเทาแอร์น (Hohe Tauern National Park) ได้แบบพา โนราม่า
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
นำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านมาเรีย อาล์ม (Maria Alm) (ระยะทาง 28 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) เป็น ชุมชนในเขตการปกครองเซลล์ อัม ซี แห่งรัฐซาล์สบวร์กทางตอนกลางของประเทศออสเตรีย ชุมชนนี้ตั้งอยู่บน แนวเทือกเขาแอลป์ในระดับความสูง 802 เมตรจากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ Wallfahrtskircheซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของ หมู่บ้านแห่งนี้

นำท่านเดินทางสู่เมืองเซลล์ อัม ซี (Zell am See) (ระยะทาง 20 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 25 นาที) เมืองที่ สวยงามดั่งภาพวาดที่มีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 10,000 คน ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเซลเลอร์ ซี (Zeller See) และโอบ ล้อมด้วยเทือกเขาโฮเฮอ เทาแอร์น (Hohe Tauern) จากเมืองที่ก่อตั้งโดยพระในสมัยศตวรรษที่ 18 วันนี้เซลล์ อัมซีเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการพักผ่อน เนื่องจากเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยหุบเขา ทำให้สภาพอากาศเย็น สบาย และมีความร่มรื่นตลอดทั้งปี จากนั้นนำท่านเดินเล่นชมเมืองไปตามชายฝั่งทะเลสาบอันงดงาม ดื่มด่ำภาพ บรรยากาศน้ำสีครามสดใสในทะเลสาบเซลล์ ท่ามกลางเทือกเขาแอลป์ พร้อมทั้งเก็บภาพประทับใจในเมืองน่ารัก แห่งนี้ตามอัธยาศัยกระทั่งได้เวลาอันสมควร

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก GRAND HOTEL ZELL AM SEE หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่เจ็ด Zell am See -รัมเซา อัม ดัคชไตน์ – โกเซา – เซนต์วูลฟ์กัง
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทาง เมืองรัมเซา อัม ดัคชไตน์ (Ramsau am Dachstein) (ระยะทาง 88 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที)
นำท่านขึ้นกระเช้าไปชมจุดชมวิว Dachstein Skywalk หนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในโลก ตั้งอยู่เหนือน้ำทะเล 2,700 เมตร เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของแคว้น Styria ประเทศออสเตรีย ท่านจะได้ทดสอบ และท้า ทายสภาพจิตใจ กับการเดินบนสะพานสูงที่สุดในออสเตรีย ระหว่างที่เดินอยู่บันได นักท่องเที่ยวจะเห็นวิวทิวทัศน์ ของเทือกเขาซึ่งอยู่รอบๆ ตัวเราถึง 360 องศา และอีกสถานที่ต้องไม่พลาดสำหรับท่านที่ชื่นชอบความหวาดเสียว ต้องไม่พลาดสะพานแขวนสุดระทึก Dachstein Stairway to Nothingness หรือที่รู้จักกันในนาม สะพานสู่ ความว่างเปล่าซึ่งเป็นสะพานที่สูงที่สุดในออสเตรีย มีความยาว 100 เมตร ที่อยู่บนความสูงถึง 396 นอกจากนั้น คุณจะได้พบกับประสบการณ์พิสูจน์ความกล้าหาญขั้นสุดของตัวเองด้วย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
นำท่านออกเดินทางสู่ หมู่บ้านโกเซา (Gosau) (ระยะทาง 62 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) ชุมชนเล็กๆ บนแนวเทือกเขาแอลป์ในเขตการปกครอง Gmundenรัฐ Upper Austria ทางตอนกลาง ของประเทศ ชุมชนนี้มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 มีความอุดมสมบูรณ์ โกเซาลายล้อมไปด้วย ธรรมชาติและป่าไม่อัน แสนอุดมสมบูรณ์ ให้ท่านได้สัมผัสป่าไม้และลำธารอันแสน อุดมสมบูรณ์ เดิมทีประชากรที่เมืองนี้ ประกอบอาชีพ ทําเหมืองเกลือมาตั้งแต่อดีตแต่ปัจจุบันการท่องเที่ยวเริ่มเข้ามา เป็นรายได้หลักของที่นี่ อิสระให้ท่านถ่ายรูปเดิน เล่นตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านชมทะเลสาบโกเซา ท่านจะชมทัศนียภาพกว้างไกลของธารน้ำแข็ง Dachstein Glacier อิสระท่าน ถ่ายรูปตามอัธยาศัย

นำท่านเดินทางลงด้านล่างนำท่านสู่เมือง เซนต์วูลฟ์กัง (ST.WOLFGANG) เมืองรีสอร์ทเล็กๆริมทะเลสาบเมือง รีสอร์ทเล็กๆ ในหุบเขาริมทะเลสาบวูลฟ์กัง ชมเมืองเซนต์วูลฟ์กัง เมืองท่องเที่ยวที่สวยงามโรแมนติคที่สุดเมือง หนึ่งของออสเตรียที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง ทะเลสาบสวยใส และทุ่งหญ้าเขียวขจีเป็นที่ประทับใจของ นักท่องเที่ยว
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก SCALARIA HOTEL SANKT WOLFGANG หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่แปด เซนต์วูลฟ์กัง – Schafbergbahn – รถไฟล้อเฟือง – ฮอลสตัท
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
…นำท่านเดินทางสู่ Schafbergbahn ซึ่งเป็นรางรถไฟที่เปิดในปี 1893 วิ่งจากเมืองเล็ก ๆ ของSt. Wolfgang imSalzkammergut บนชายฝั่ง Wolfgangseeไปยังยอดเขามีทิวทัศน์มุมกว้างของภูเขา Salzkammergutและ ทะเลสาบและยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมชื่อSchafbergspitzeซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1862
…นำท่านขึ้นรถไฟล้อเฟือง ซึ่งจะวิ่งจาก St. Wolfgang (Schafbergbahnhof) เหนือ Schafbergalpe (หยุดที่ 1363 ม.) ไปยังสถานีบนภูเขาที่ความสูง 1732 ม. ระยะทางของทางรถไฟคือ 5.85 กม. ที่มีความสูงต่างกันที่ 1188 เมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 35 นาที

จากบนนี้เราสามารถเห็นทะสาบรอบๆ แบบชัดเจนถึง 5 ทะเลสาบด้วยกัน
นำท่านเดินทางลงด้านล่าง
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
นำท่านเดินทางสู่เมือง ฮอลสตัท (HALLSTATT) (ระยะทาง 15 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที) เมืองมรดกโลก ริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก จากนั้นนำท่านเดินเท้าเลาะริมทะเลสาบ บนถนนเลียบ ทะเลสาบที่เรียกว่า “ซี สตราซ” (See Strasse) อีกด้านมีร้านขายของที่ระลึก ที่ศิลปินพื้นบ้านออกแบบเองเป็น ระยะสลับกับบ้านเรือนสไตล์อัลไพน์ที่เก่าแก่ไม่ขาดสาย บ้างอยู่ระดับพื้นดิน บ้างอยู่บนหน้าผาลดหลั่นกันเป็น ชั้น ๆ และบ้านแต่ละหลังล้วนประดับประดาด้วยของเก่า ดอกไม้หลากสีสันสวยงามปลายสุดของ ถนนซีสตราซ ท่านจะได้ชมจัตุรัสประจำเมืองซึ่งเป็นลานหินขนาดย่อม ประดับด้วยน้ำพุกลางลาน และอาคารบ้านเรือนที่ สวยงาม

ท่านจะได้ชมจัตุรัสประจำเมืองซึ่งเป็นลานหินขนาดย่อม ประดับด้วยน้ำพุกลางลาน และอาคารบ้านเรือนที่ สวยงาม จนกระทั่งด้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก SCALARIA HOTEL SANKT WOLFGANG หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่เก้า เซนต์วูลฟ์กัง – เมลค์ – เวียนนา
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่เมืองเมลค์ (MELK) (ระยะทาง 200 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชม.) เมืองเล็กๆที่เต็มไป ด้วยบ้านเรือนในยุคเรเนซองซ์ที่มองดูราวกับอยู่ในเมืองแห่งเทพนิยาย ด้วยทำเลที่เป็นเสมือนชะง่อนผา ทำให้เล โอโปลด์ที่ 1 แห่งตระกูลบารเบนเบิร์ก เลือกที่จะสร้างปราสาทเพื่อเป็นที่พำนักตั้งแต่ปี ค.ศ.976 แต่ต่อมาในปี ค.ศ.1089 เลโอโปลด์ที่ 2 ยกปราสาทแห่งนี้ให้กับบาทหลวงนิกายเบเนดิกจากแลมบาช และตั้งแต่นั้นเหล่านักบวช ก็ใช้สถานที่นี้เป็นที่พักอาศัยและทำงาน

นำท่านเข้าชมวิหารสตีฟท์เมลค์ (Stift Melk) ตั้งอยู่บนชะง่อนผาริมแม่น้ำดานูบ ซึ่งปัจจุบันเป็นสำนักสงฆ์ที่มี ความสำคัญยิ่งในการอบรมบาทหลวงและเหล่านักร้องรุ่นเยาว์ที่ขับกล่อมในโบสถ์หลวง สิ่งที่บ่งบอกถึง ความสำคัญในฐานะสถานที่ศักดิ์ สิทธิ์ของศาสนาก็คือ บนหน้าจั่วของหลังคา ซึ่งมีไม้กางเขนที่จำลองจากกางเขน แห่ง Melk สมบัติล้ำค่าของพระอารามแห่งนี้ พร้อมกับตัวอักษรที่เขียนไว้เพื่อสื่อถึงความสำคัญของสถานที่ที่เก็บ สัญลักษณ์แห่งการไถ่บาป

นำท่านชมส่วนที่เรียกว่า Imperial Chambers ซึ่งถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ โดยเดินผ่านบันไดอิมพีเรียลที่มีรูปปั้น และคำขวัญประจำใจของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6 ซึ่งเป็นองค์อุปถัมภ์สำนักสงฆ์แห่งนี้ในสมัยบารอคต้อนรับอยู่ ภายใน พิพิธภัณฑ์นอกจากจะมีหุ่นจำลองพื้นที่ทั้งหมดของปราสาทอยู่เพื่อให้ผู้มาเยือนได้มองเห็นถึงความยิ่งใหญ่แล้ว ยังมีเครื่องใช้ต่าง ๆ ของบาทหลวงชั้นผู้ใหญ่ที่เคยดำรงตำแหน่งสำคัญเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี รวมทั้งเอกสาร สำคัญทางศาสนาอย่าง “The Rule of St. Benedict” หลักวัตรปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์นิกายเบเนดิก ชมห้อง โถงขนาดใหญ่ Marble Hall ที่ใช้สำหรับจัดงานเลี้ยง แม้จะชื่อว่าห้องหินอ่อน แต่ภายในมีส่วนที่ประดับตกแต่ง ด้วยหินอ่อนเพียงแค่ส่วนหน้าจั่วเหนือประตูและกรอบประตูเท่านั้น ส่วนอื่น ๆ ตกแต่งด้วยปูนและไม้ โดยมี ภาพเขียนสีเฟรสโกบนเพดานขนาดใหญ่เป็นสิ่งที่ชวนให้แหงนมอง หนึ่งในนั้นเป็นภาพของพาลลาส อาเธน่ากำลัง นั่งอยู่บนปุยเมฆที่เทียมด้วยสิงโตสองตัว ว่ากันว่าสิงโตนั้นหมายถึงความฉลาดหลักแหลมและการรู้จักประมาณ ตน โดยมีเฮลคิวลิสอยู่เคียงข้าง เมื่อออกจากห้องโถงมาจะเดินผ่านระเบียงขนาดใหญ่ที่เป็นหนึ่งในจุดชมวิวเมือง เมลค์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งและตื่นตาตื่นใจไปกับห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือต้นฉบับจากยุคกลางมากมาย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
นำท่านเดินทางสู่กรุงเวียนนา (ระยะทาง 85 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.20นาที) เมืองหลวงแสนสวยที่ติด อันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก

นำท่านผ่านชมความงามของอาคารสำคัญๆ อาทิ อาคารรัฐสภา โรงละครโอเปร่า ศาลาว่าการนครเวียนนา พระราชวังหลวง ฯลฯ ผ่านชมแม่น้ำดานูบที่มีชื่อเสียงและท่านจะได้เห็นที่ทำการขององค์การสหประชาชาติ สาขา ที่ 3 ที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบ
จากนั้นนำเดินชมสวนสาธารณะสตัดปาร์ค ( Stadt Park) ให้ท่านได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับอนุสาวรีย์ของราชา เพลงวอลท์ซ“โยฮัน สเตร้าท์ จูเนียร์”
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมืองเมนูซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง เมนูขึ้นชื่อของเวียนนา
ที่พัก AUSTRIA TREND HOTEL ASTORIA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่สิบ เวียนนา – พระราชวังฮอฟบูร์ก–ช้อปปิ้ง
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านเข้าชม พระราชวังฮอฟบวร์ก (HOFBURG PALACE) ซึ่งก่อสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1275 สิ่งที่น่าสนใจ มีตั้งแต่ห้องจัดแสดงในหอสมุดแห่งชาติไปจนถึงวัตถุแวววาวระรานตาในพระคลังสมบัติหลวง ที่นี่ยังเต็มไปด้วย เครื่องประดับล้ำค่า เรื่องราวทางประวัติศาสตร์และผลงานชิ้นเอกทางสถาปัตยกรรมและศิลปะ นำท่านเดินชม ความหรูหราในสถานที่พำนักกว่า 600 ปีของราชวงศ์ฮอฟบวร์กและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติของผู้ปกครอง ที่ทรงอำนาจของราชวงศ์นี้ พระราชวังหลังนี้ประกอบด้วยปีกอาคารกว่า 18 ส่วนและห้องมากกว่า 2,000 ห้องเลย ทีเดียว

จากนั้นนำท่านเดินเล่น ย่านใจกลางเมืองบน ถนนคนเดิน คาร์ทเนอร์สตราเซ่ ที่มีร้านค้านานาชนิด และยังเป็น ที่ตั้งของ วิหารเซนต์สตีเฟ่นโบสถ์ใหญ่ในศิลปะแบบโกธิค จากนั้นอิสระทุกท่านเลือกสินค้า เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า สินค้าแบร์นดเนมมากมาย เช่น Luis Vutton,Gucci,Chanel,Zara,H&Mและนาฬิกาหลากหลายยี่ห้อ อาทิเช่น ROLEX,PANERIA,PATEK PHILIPPE, ตามอัธยาศัยหรือท่านอาจใช้เวลาว่างซื้อซัคเคอร์เค้ก เค้กช็อคโกแลต ชื่อดัง มาทดลองชิมหรือจะซื้อเป็นของฝากทางบ้าน

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย
นำท่านเดินทางสู่ Parndorf Outlet (ระยะทาง 140 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.) เมืองให้เวลาท่านได้อิสระ ช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมมาก มาย อาทิ เช่น GUCCI, BALLY, HUGO BOSS ,BENETTON, BURBERRY, CALVIN KLEIN, CROCS, GEOX, GUESS, LACOSTE , NIKE, OAKLEY, DIESEL และอื่นๆอีก มากมาย อิสระท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลา พอสมควร
ค่ำ ** อิสระอาหารค่ำ ณ แหล่งช้อปปิ้ง เพื่อความสะดวก **
จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน
22.15 น. ออกเดินทางสู่ประเทศไทย โดย สายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK086/EK372
*** เปลี่ยนเครื่องที่เมืองดูไบ 0625-0940 น. ***
วันที่สิบเอ็ด สุวรรณภูมิ – กรุงเทพ ฯ
18.55 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ…..

ทัวร์ยุโรป