Picture2

ทัวร์ยุโรป เยอรมัน-ฝรั่งเศส 11 วัน (EK)

ราคาเริ่มต้น 149,900 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

สายการบิน: Image

…นำท่านเดินทางสู่เมือง สตราสบูร์ก (Strasbourg) (ระยะทาง 220 กิโลเมตร  ใช้เวลาประมาณ 2.45) เป็นเมือง            แห่งความโรแมนติค และเมืองหลวงของแคว้นอัลซาส (Alsace)ประเทศฝรั่งเศส เมืองที่มีความสวยงามเมือง                   หนึ่งของยุโรป ซึ่งเมื่อท่านเดินทางมาแถบลุ่มแม่น้ำไรน์ไม่ควรพลาดเด็ดขนาด เมืองขนาดกลางแห่งนี้มีย่านเมือง           เก่าทางประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันในนาม La Petite France (ปารีสน้อย)

วันที่เดินทาง

กุมภาพันธ์ 67 – มิถุนายน 67

ทัวร์ยุโรป
วันแรก สนามบินสุวรรณภูมิ – กรุงเทพฯ
22.00 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางหมายเลข 9 สายการบินเอมิเรตส์ พบเจ้าหน้าที่คอย อำนวยความสะดวก
วันที่สอง แฟรงก์เฟิร์ต (เยอรมัน) – รูเดสไฮม์ -นั่งกระเช้า – บาคาราค – โคเบลนซ์
02:25 น. ออกเดินทางสู่ เมืองแฟรงก์เฟิร์ต โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK377/EK045
*** แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินดูไบ 06.00-08.25 ***
13:15 น. เดินทางถึง สนามบินเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลการกร เรียบร้อยแล้ว
…นำท่านเดินทางสู่เมือง รูเดสไฮม์ อัม ไรน์ (Rudesheim am Rhein) (ระยะทางประมาณ 63 กิโลเมตร ใช้ เวลาประมาณ 45 นาที ) (เป็น 1 ใน 10 หมู่บ้านที่สวยที่สุดในเยอรมัน) เป็นเมืองเก่าเล็กๆ ที่มีประวัติเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแม่น้ำไรน์ ทิวทัศน์เต็มไปด้วยไร่องุ่นนับพันไร่จึงเป็นเมืองที่มีชื่อเสียง ทางการผลิตไวน์ชั้นดี มีปราสาทเก่าแก่อยู่หลายแห่ง บางแห่งอายุนับพันปี นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีบ้านเรือนที่ เก่าแก่และธรรมชาติที่สวยงาม
…นำท่านเดินเล่นถนนที่ดังที่สุดของเมือง ถนน Drosselgasseยาว 144 เมตร แต่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจากทั่ว โลก ผ่านชมพิพิธภัณฑ์ไวน์ไรน์ เกา (Rheingau Wine Museum) อันเลื่องชื่อในหมู่คอไวน์ เพราะเป็นแหล่ง รวบรวมประวัติความเป็นมาของการผลิตไวน์ในเมืองรูเดสไฮม์
…จากนั้นนำท่านชมอาคารไม้ ที่มีลวดลายสวยงาม และเป็นอาคารไม้เก่าแก่ของเมืองที่สร้าง ขึ้นตั้งแต่สมัน ศตวรรษที่ 16 ที่เรียกว่า Klun- khardshofถ่ายภาพกับหอพญาอินทรีย์ (EAGLE TOWER) หอคอยสูง ประมาณ 20 เมตรอันเคยเป็นสถานที่ที่เกอเธ่ กวีเอกของเยอรมันมาพักอาศัยช่วงที่เดินทางมาเมืองแห่งนี้
…อิสระให้ท่านเดินเล่นเลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย

นำท่านนั่งกระเช้า Seilbahn-Ruedesheim Cable car ขึ้นสู่จุดชมวิวเหนือเมือง ท่านจะได้ชมวิว ของแม่น้ำไรน์ ที่รายล้อมไปด้วยไร่องุ่นและปราสาท ให้ท่านชื่นชมทัศนียภาพของตามอัธยาศัย
…จากนั้นนำท่านลงเรือล่องแม่น้ำไรน์ ชมความงามของไร่องุ่น และปราสาทเก่าแก่อายุหลายร้อยปี ซึ่งตั้งอยู่สอง ฟากฝั่งแม่น้ำ
…นำท่านเดินทางสู่ เมือง บาคาราค (Bacharach am Rhein) (เป็น 1 ใน 10 หมู่บ้านที่สวยที่สุดใน เยอรมัน) เมืองเล็กๆริมฝั่งแม่น้ำไรน์ที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดและยังได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งที่ผลิตไวน์ที่ดี ที่สุดในเขตลุ่มแม่น้ำไรน์และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (Unesco)

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
นำท่านเดินเล่นชมเมืองบาคาราค ที่ยังคงมีโบสถ์ ปราสาท บ้านเรือน สมัยยุคกลางหลงเหลือให้ชม เช่น โบสถ์ St.Werner , หอคอย Markt Tower หรือปราสาท Burg Stahleckที่อยู่บนเนินเขา ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการ เป็น Youth hotel ให้ท่านอิสระเดินเล่นชมเมืองหรือเลือกซื้อไวน์ของเมือง Bacharach หรือสินค้าพื้นเมืองตาม อัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร
…นำท่านเดินทางสู่ เมืองโคเบลนซ์ (Koblenz) (ระยะทาง 52 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) เป็นเมือง โบราณที่ถูกสร้างขึ้น 8 ปีก่อนคริสตกาล โดยจักรพรรดินีโร หรือที่รู้จักในชื่อ นีโรจอมโหด ซึ่ง มีชื่อเต็มใหม่ ว่า
นีโร คลอดิอุส ซีซาร์ ดรุสซุส (Nero Claudius Caesar Drusus) สำหรับตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ตรงปากแม่น้ำซึ่งเป็น ที่บรรจบกันของแม่น้ำ 2 สาย คือแม่โมเซล (Moselle River) และแม่น้ำไรน์ (Rhine River) ซึ่งต่อมาในปี 1992 เมืองโคเบลนซ์ได้ฉลองครบรอบอายุ 2000 ปีของเมืองอีกด้วยเมืองโคเบลนซ์ยังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ความ เป็นมาที่ค่อนข้างโดดเด่น ภายในเมืองนั้นรายล้อมไปด้วยป้อมปราการที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงอาคารที่มีความ เก่าแก่

…นำท่านนั่งกระเช้าสู่ป้อมเอียเรียนบรายทชไตน์ (Ehrenbreitstein Fortress) ป้อมปราการรูปสามเหลี่ยมที่มี ผนังหนากว่า 20 ฟุตถูกสร้างขึ้นโดยปรัสเซียในต้นศตวรรษที่ 19 ป้อมเอียเรียนบรายทชไตน์ ที่ตั้งอยู่บนภูเขา ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเมืองโคเบลนซ์ ในช่วงระหว่างปี 1817 – 1832 ป้อมปราการถูกใช้รักษาพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำไรน์และ แม่โมเซล ปัจจุบันถือว่าเป็นอีกหนึ่งป้อมปราการที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากแห่งหนึ่งของประเทศ
…นำท่านชม มุมแห่งเยอรมนี (Deutsches Eck) ชมพระบรมรูปทรงม้าสง่างามของจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 1 ประดิษฐานเมื่อปี ค.ศ. 1897 แต่ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วสร้างขึ้นมาใหม่ในปีค.ศ. 1993
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก MERCURE HOTEL KOBLENZ หรือระดับเทีบเท่า 4 ดาว
วันที่สาม โคเบลนซ์ – ปราสาทเอลทส์ – โคกเฮม – Beilstein – เทียร์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ที่ตั้งของ ปราสาทเอลทส์ (Eltz Castle) (ปราสาทนี้สวยมาก ท่านจะได้พบกับปราสาทในยุค กลางที่คงความสมบูรณ์ที่สุดในยุโรป ( เป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่สวยที่สุดในเยอรมัน) (ระยะทางประมาณ 145 กิโลเมตร ใช้เวลา 1.45 ชม. ) ปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นในยุคกลาง มีอายุเกือบ 1,000ปี โดยสร้างครั้งแรกปี ค.ศ. 1157 และไม่เคยถูกทำลายจากภัยของสงครามเลย และถือเป็นปราสาทที่เก่าแก่และสมบูรณ์ที่สุดในประเทศ เยอรมัน

นำท่านเข้าชมภายในปราสาทซึ่งมีการตกแต่งและเก็บรักษาดูแลข้าวของเครื่องใช้ อาวุธสมัยยุคกลางไว้ได้อย่าง สมบูรณ์ที่สุด (หมายเหตุ : ปราสาท Eltz Castle เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปลาย 1 เม.ย. – ปลายตุลาคม ของทุกปี)
…นำท่านเดินทางสู่เมืองโคกเฮม (Cochem) (ระยะทางประมาณ 56 กิโลเมตร ใช้เวลา 50 นาที) เป็นเมืองเล็กๆ ที่แสนโรแมนติกแห่งหนึ่งในหุบเขาในมลรัฐไรน์แลนด์ ฟาลซ์ (เป็น 1 ใน 10 หมู่บ้านที่สวยที่สุดในเยอรมัน )
…นำท่านเดินเล่นชมเมือง โคกเฮม ที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองแห่งนี้เป็นแม่น้ำและเทือกเขาน้อยใหญ่สลับ สับเปลี่ยนกัน การปลูกบ้านเรือนและอาคารต่างๆ ตามแนวสันเขา
…นำท่านขึ้นชมวิวเมือง ณ ปราสาท Reichsburg Castle ปราสาทที่มีอายุเกือบ 1,000ปี เป็นสัญลักษณ์ของเมือง ที่รายล้อมไปด้วยไรองุ่นที่มีพื้นที่มากถึง 80,000 ไร่ และมีแม่น้ำโมแซล (Mosselle river) ไหลผ่านใจกลางเมือง

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
…จากนั้นนำท่านเดินชมเมืองให้ท่านสัมผัสบรรยากาศอันสวยงามหรือเลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกตามอัธยาศัย
นำท่านเดินทางสู่เมือง Beilstein (ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ใช้เวลา 15 นาที) เป็นเมืองเล็กๆริมน้ำโมเซล บางครั้งก็รู้จักกันในชื่อ Rothenburgob der Tauber ขนาดจิ๋วหรือ Dornröschen der Mosel (“เจ้าหญิงนิทรา แห่ง Moselle”) ใกล้กันท่านจะได้พบกับปราสาท Hohenbeilsteinปราสาทนี้เชื่อกันว่ามีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 12 และถูกทำลายโดยกองทหารฝรั่งเศสในปี 1689 ขณะที่อยู่ภายใต้กรรมสิทธิ์ของตระกูลเมทเทอร์นิช ปัจจุบัน เหลือเพียงฐานรากของกำแพงปราสาทเท่านั้น จากนั้นอิสระท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย

…นำท่านเดินทางสู่เมือง เทียร์ (Trier) หรือเมืองทิเออร์ (ระยะทาง ประมาณ 82 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 20 นาที) เมืองที่มีชื่อเสียงมากๆอีกเมืองของเยอรมัน และถือว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในเยอรมันด้วย ถูกตั้งขึ้น 16 ปีก่อนคริสตกาล และในช่วงต้นศตวรรษที่3 ยังได้รับการสถาปนาเป็นโรมที่สองอีกด้วย และยังได้รับการขึ้น ทะเบียนเป็น มรดกโลก (Unesco) อีกด้วย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก MERCURE HOTEL TRIER PORTA NIGRA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
หมายเหตุ : โรงแรมมีจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์นอนเมืองใกล้เคียง
วันที่สี่ เทียร์ – สตราสบูร์ก
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านถ่ายรูปกับประตูโรมัน พอร์ทา นีกา (Porta Nigra) ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 2 ถือเป็นประตูโรมันมี่ เก่าแก่และมีขนาดใหญ่ที่สุดในทางตอนเหนือของเทือกเขาเอล์ป จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านอกกับ มหาวิหารเทียร์ (Trier Cathedral) เป็นมหาวิหารที่สำคัญที่สุด และมีความเก่าที่สุดแห่งหนึ่งในเยอรมัน ถูกสร้างตั้งแต่ช่วงสมัย โรมัน ปัจจุบันถือเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเทียร์อีกด้วย จากนั้นอิสระทุกท่านเดิน เล่น

…นำท่านเดินทางสู่เมือง สตราสบูร์ก (Strasbourg) (ระยะทาง 220 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2.45) เป็นเมือง แห่งความโรแมนติค และเมืองหลวงของแคว้นอัลซาส (Alsace)ประเทศฝรั่งเศส เมืองที่มีความสวยงามเมือง หนึ่งของยุโรป ซึ่งเมื่อท่านเดินทางมาแถบลุ่มแม่น้ำไรน์ไม่ควรพลาดเด็ดขนาด เมืองขนาดกลางแห่งนี้มีย่านเมือง เก่าทางประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันในนาม La Petite France (ปารีสน้อย)

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย
นำท่านชมเขต La Petite France ภูมิทัศน์สวยงามด้วยบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมฝั่งสองแม่น้ำ ซึ่งเป็นศูนย์กลาง เมือง มีลักษณะเป็นพื้นที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำอิลล์ทั้งสี่ด้านและมีเส้นทางคูคลองเชื่อมต่อกันไปมากมาย บริเวณ ใกล้เคียงเป็นเกาะที่มีสะพานหลายแห่งเป็นตัวเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ส่วนอื่นๆของเมือง ภายในย่านนี้มีลักษณะเป็น ตรอกซอกซอย พื้นถนนปูลาดด้วยหินกรวด เรียงรายด้วยบ้านไม้โบราณสไตล์อัลซาสที่สวยงามซึ่งทอดตัวเป็น ภาพเงาสะท้อนในคลองตลอดถนน Rue des Moulins
…นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารนอร์ทเทอดาม ได้รับการยกย่องให้เป็นมหาวิหารที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปและมี ยอดโดมสูงที่สุดในยุโรปตะวันตก อีกด้วยออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค สร้างด้วยหินทรายสีชมพูทั้ง หลังโดยสร้างขึ้นในช่วงกลางถึงปลายศตวรรษที่ 12 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานกว่า 260 ปีตัววิหารมีการรวบรวม รูปแบบการก่อสร้างที่งดงามหลายส่วนรวมถึงรูปแกะสลักต่างๆ ช่วงยุคกลาง จากนั้นอิสระถ่ายรูปหรือเลือกซื้อ สินค้าพื้นตามอัธยาศัย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง เมนู หอยเอสคาโก้
ที่พัก HILTON STRASBOURG HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2คืน)
หมายเหตุ : โรงแรมมีจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์นอนเมืองใกล้เคียง
วันที่ห้า สตราสบูร์ก – กอลมาร์ – เอกิซไฮม์ – ริคเวีย – สตราสบูร์ก
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่เมือง กอลมาร์ (COLMAR) (ระยะทาง 70 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.) เมืองในแคว้นอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองที่ถูกจัดอันดับ 1ใน 10เมืองโรแมนติคที่สุดในโลก ได้รับการขนานนามว่าเวนิสน้อย (LA PETITE VENISE) ตั้งอยู่บนเส้นทางไวน์ของอัลซาส และยังเป็นบ้านเกิดของศิลปิน เฟรดเดริก โอกุสต์ บาร์ตอลดี ผู้ออกแบบเทพีเสรีภาพ

เมืองกอลมาร์มีชื่อเสียงในการอนุรักษ์เมืองให้คงเป็นเมืองที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมการสร้างบ้านแบบ Half – Timber และบรรยากาศของเมืองโบราณ ในตัวเมืองมีพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า ที่อยู่อาศัยเหมือนในยุคกลาง ด้วย บรรยากาศที่สวยงามตัดกับบ้านเรือนสีสันสดใสจึงเป็นเมืองที่คู่รักจากทั่วโลกเดินทางมาฮันนีมูนที่นี่
…นำท่านเดินชมเมืองกอลมาร์เริ่มตั้งแต่ย่าน La Petite Venise และเข้าสู่จัตุรัสกลางเมือง
…จากนั้นอิสระให้ทุกท่านเดินเล่นตามอัธยาศัย หรือเลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกตามอัธยาศัย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
…นำท่านเดินทางสู่หมู่บ้าน เอกิซไฮม์ (Equisheim) (ระยะทาง 5 กม. ใช้เวลาประมาณ 10 นาที. ) Les Plus Beaux Village de France เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในประเทศฝรั่งเศส และได้ขึ้นชื่อว่าเป็น Typical Villageมีชื่อเสียงเรื่องการผลิตไวน์ บ้านเรือนเป็นแบบกึ่งไม่กึงปูนแบบสมัยในยุคกลางกว่า 70 หลัง พื้นที่กว่า 600 ไร่ ให้ท่านเดินชื่นชมบรรยากาศ บ้านเรือนตามอัธยาศัย

ได้เวลานำท่านสู่เมือง ริคเวีย (Riquewihr) (ระยะทาง 10 กม. ใช้เวลาประมาณ 20 นาที) เมืองที่ติดกับเมือง กอลมาร์ เป็นแหล่งปลูกไวน์ชั้นเลิศของแคว้นอาลซาส และเป็นหนึ่งใน Les Plus Beaux Village de France หรือหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส

…นำท่านเดินชมบ้านเรือนที่อยู่ในหุบเขา ล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่นที่ไว้สำหรับทำไวน์ โดยเฉพาะช่วงเดือน เม.ย – พ.ย. จะเห็นต้นองุ่นที่ถูกปลูกสวยงามยิ่งนัก นำท่านเดินเล่นชมเมือง ริคเวีย ท่านจะได้พบกับร้านเรือนที่มีสีสัน สวยงามล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น มีตรอกซอกซอยร้านค้า ร้านไวน์ ร้านกาแฟ ให้ท่านเลือกนั่งจิ๊บไวน์หรือกาแฟ หรือเลือกซื้อไวน์ที่มีชื่อเสียง

อิสระให้ท่านเดินถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองสตราสบูร์ก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก HILTON STRASBOURG HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่หก สตราสบูร์ก – เจนเก้นบาค – ไฟรบวร์ก – ทิทิเซ่
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
…นำท่านเดินทางสู่เมืองเจนเก้นบาค (Gengenbach) (ระยะทาง 40 กม. ใช้เวลาประมาณ 38 นาที) ตั้งอยู่ทาง ตอนใต้ของเยอรมนี ใกล้ป่าดำ เป็นเมืองที่มีความสวยงามตามแบบฉบับของเมืองเยอรมันแบบดั้งเดิมจึงได้รับ เลือกให้เป็นฉากหลังในภาพยนตร์เช่น ‘Charlie and the Chocolate Factory’ เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้คือ อัญมณี ยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี มีถนนสายหลักสามสาย Hauptstrase, Adlergrasseและ Victor KretzStraseตรอกซอกซอยเล็ก ๆ เริ่มต้นจากถนนทั้งสามแห่งนี้ซึ่งสามารถเดินทางได้ด้วยการเดินเท้าหรือขี่ จักรยานเท่านั้นซึ่งจะทำให้มีความสงบมากขึ้น ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองอิมพีเรียลเสรีในอดีตซึ่งหมายความว่ามีอิสระ ทางการค้าในการจัดเก็บภาษี ปัจจุบันเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ด้วยเสน่ห์ที่ทำให้มีผู้มาเยือนมากมาย จากนั้นอิสระท่าน เดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย

นำท่านเดินทางสู่เมืองไฟรบวร์ก อิมไบรส์เกา หรือ ไฟรบูร์ก อิม ไบรส์เกา (Freiburg im Breisgau) (ระยะทาง 75 กม.ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.) คืออีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยวมากเมืองหนึ่งของ ประเทศเยอรมนี

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
นำท่านชมโบสถ์ Freiburg Muenster เป็นโบสถ์ใหญ่ประจำเมืองที่ใช้เวลาสร้างนานถึง 313 ปี และมีความสูงถึง 116 เมตร โบสถ์นี้รอดพ้นจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้อย่าง เหลือเชื่อ ทั้งที่ตัวเมืองถูกทำลายลงถึง 90%

…จากนั้นนำท่านเดินเล่นถนนที่สวยสุดของเมืองที่เรียกว่า Konviktstrasseเป็นบริเวณที่มีร้านค้ามากมาย มีไม้ เลื้อยขึ้นตามบ้าน ทำให้ถนนเส้นนี้น่ารักยิ่งขึ้นไปอีก ละถือเป็นไฮไลท์ของเมืองแห่งนี้คือ รางน้ำเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริม ถนนเกือบทุกเส้นในเมือง สร้างขึ้นในสมัยยุคกลางเป็นที่ระบายของเสีย ดับไฟ และใช้ป้องกันไม่ให้ไฟลามตอน เกิดไฟไหม้ และให้สัตว์ได้ดื่มกิน ปัจจุบันกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นที่นั่งเล่นของเด็กๆในฤดูร้อน
…นำท่านเดินทางสู่ เมืองทิทิเซ่ (TITISEE) (ระยะทาง 40 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 40 นาที) เขตป่าดําตอนใต้ (SOUTH BLACK FOREST) เมืองเล็กๆที่อยู่ท่ามกลางป่าสนอันอุดมสมบูรณ์และทะเลสาบสุดสวย
…นําท่านชมทะเลสาบที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ทะเลสาบทิทิเซ่ (TITISEE LAKE) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในป่า ดํามีความยาว 2 กิโลเมตร และมีความกว้าง 700 เมตร ผ่านบริเวณนี้ ท่านจะได้พบกับยอดเขาที่สูงที่สุดในป่าดํา นั่นคือ ยอดเขา FELDBERG ซึ่งความสูงถึง 1500 เมตร เดินทางถึง ทะเลสาบทิทิเซ่ ท่านจะได้พบกับความ สวยงามของธรรมชาติที่ห้อมล้อมทะเลสาบแห่งนี้ซึ่งถือเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สวยติดอันดับในทวีปยุโรปอีกด้วย
…นําท่านชมทิวทัศน์ความงดงามของป่าดํา และทะเลสาบ มนต์เสน่ห์ที่ท่านจะต้องหลงใหลไม่มีวันลืม
ให้ท่านได้เลือกซื้อหรือชม นาฬิกากุ๊กกู เป็นของฝากหรือเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก MARITIM HOTELTITISEE HOFGUT STERNEN HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
หมายเหตุ : โรงแรมมีจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์นอนเมืองใกล้เคียง
วันที่เจ็ด ทิทิเซ่ – ร๊อตไว – ปราสาท โฮเฮนโซเลน – เอสลิงเก้น – ชตุตการ์ต
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
…นำท่านเดินทางสู่เมือง ร๊อตไว (Rottweil) เมืองที่เก่าแก่ที่สุดในรัฐ Baden-Wirttembergประเทศเยอรมนี เป็น รัฐอิสระกว่า 600ปี เมืองนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ในสมัยที่กองทัพโรมันเดินทางผ่านเส้นทางแถบนี้ เมื่อสงครามจบก็เริ่ม ก่อตั้งปักถิ่นฐานเป็นที่อยู่อาศัย และขยับขยาย จนเป็นเมืองในปัจจุบัน ร็อตไว (Rottweil) ได้รับการยอมรับเป็น เมืองแห่งแรกในประวัติศาสตร์ของรัฐนี้

…นำท่านเดินเล่นชมเมือง ท่านได้ได้พบการบ้านเรือนสีสันลูกกวาดสุดน่ารัก และยังมีรูปปั้นสุนัขไปทั่วเมืองเพราะ เมืองนี้เป็นต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ (Rottweiler) ที่เป็นที่รู้จักและโด่งดังไปทั่วโลกในด้านพละกำลัง และความดุดัน ซึ่งตั้งแต่โบราณสุนัขพันธุ์นี้มีความสำคัญอย่างมากต่อชาวเมืองในการใช้ขนของหรือลากรถเพื่อนำ สินค้าและเครื่องอุปโภคบริโภคขึ้นมาบนเมืองนี้ ที่นี่จึงมีพิพิธภัณฑ์บอกเล่าประวัติและข้อมูลสำคัญของสุนัขพันธุ์ นี้ตั้งอยู่ด้วย
…จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ที่ตั้งของ ปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น (Hohenzollen Castle) (ระยะทาง 95 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. )รัฐ บาเดิน-เวิอร์ทเทมแบร์ก (Baden – Wurttemberg)

…จากนั้นนำท่าน เข้าชมด้านในของปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น ปราสาทแห่งนี้เป็น 1 ใน 8 ปราสาทเทพนิยายของ ประเทศเยอรมัน ปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น ตั้งตระหง่านอยู่เหนือชนบทของ Zollemalbที่ความสูง 855 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ปราสาทแห่งนี้เป็นบ้านของราชวงศ์โฮเฮนโซลเลิร์นมาตั้งแต่เริ่มก่อสร้างในศตวรรษที่ 11 ต่อมาได้ถูกทำลายลงในปี ค.ศ.1423 และสร้างขึ้นใหม่ถึงสองครั้ง โดยรูปแบบปัจจุบันเป็นผลงานจากสมัย ศตวรรษที่ 19 ตอนปลาย ปราสาทแห่งนี้เคยเป็นที่พำนักประจำของราชวงศ์ปรัสเซีย และเป็นอนุสรณ์สถาน สำหรับราชวงศ์โฮเฮนโซลเลิร์น ในปัจจุบันมีการปรับใช้ปราสาทให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น โดยเป็นทั้งโรงละครแบบ เปิด สถานที่จัดคอนเสิร์ต ปัจจุบัน แต่ละปีมีมีผู้คนมาเยี่ยมชมปราสาทแห่งนี้ไม่ต่ำกว่าปีละ 300,000 คน จึงเป็น หนึ่งในปราสาทที่มีคนมาเยี่ยมชมอันดับต้นๆ ของประเทศเยอรมัน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
นำท่านเดินทางสู่เมืองเอสลิงเก้น อัม เน็คคาร์ (Essingen an Neckar) (ระยะทาง 75 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.) เมืองริมฝั่งแม่น้ำเน็คคาร์ เมืองแห่งนี้มีการพัฒนามาตั้งแต่ยุคโบราณ โดยเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร โรมัน ทำให้ขนาดเมืองนี้ค่อนข้างใหญ่ โดยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น สิ่งทอ อาหาร เหล็ก เอสลิงเก้น ได้รับความเสียหายบางส่วนจากเหตุสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ในเขตเมืองเก่านั้นได้รับการป้องกันเป็น อย่างดี
…นำท่านชม St.Agnes Bridge สะพานข้ามคลองที่สร้างขึ้นในปีค.ศ.1893 โดยถือว่าจุกนี้เป็นสัญลักษณ์ของ เมืองแห่งนี้ ชม Church of St.Dionysโบสถ์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 จากนั้นอิสระท่านเดินเล่นตาม อัธยาศัย

…นำท่านเดินทางสู่ ชตุตการ์ต (Stuttgart) (ระยะทาง 15 กม. ใช้เวลาประมาณ 20 นาที) คือเมืองหลวงและ เมืองใหญ่ที่สุดของรัฐ Baden-Württemberg ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Neckar เป็นต้นกำเนิดของรถยนต์ในยุคแรก ๆ มีบริษัทรถยนต์ที่มีชื่อเสียง เช่น เมอร์เซเดส-เบนซ์ , พอร์เช่ , มายบัค รวมถึงรถต้นแบบคันแรกของ
โฟล์คสวาเกน เช่นกัน

…นำท่านชม จตุรัสลอสส์พลาทซ์ (Schlossplatz) เป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในสตุทท์การ์ท ปัจจุบันจัตุรัสกลางแห่งนี้ มีอาคารประวัติศาสตร์ล้อมรอบ มีอนุสาวรีย์กระจายอยู่ทั่วไป มีการออกแบบที่สมมาตร โดยมีสนามหญ้าหลาย แห่งตัดกับทางเดินกว้าง ตรงกลางมีอนุสาวรีย์แห่งชัยชนะที่เป็นเสาสูง ซึ่งประดับด้านบนด้วยรูปปั้นคองคอร์เดีย เคลือบทอง ด้านข้างอนุสาวรีย์มีน้ำพุประดับทั้งสองข้าง ซึ่งน้ำพุนี้เป็นจุดไฮไลท์ของจัตุรัสแห่งนี้ที่นักท่องเที่ยว นิยมเดินทางมาเยียมชมเป็นจำนวนมาก

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก PARK INN BY RADISSON STUTTGART HOTEL (SUPERIOR ROOM) หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่แปด ชตุตการ์ต – เบซิกไฮม์ – บาด วิมเฟน – ไฮเดิลเบิร์ก
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
…นำท่านเดินทางสู่ เมือง Besigheim ซึ่งได้รับการโหวตว่าเป็นเมืองไวน์ที่สวยที่สุดของเยอรมนี เป็นเมืองเก่ายุค กลาง มีถนนแคบๆให้เดินเล่นขึ้นไปยังสันเขาซึ่งถูกล้อมรอบด้วยแม่น้ำสามด้าน นำท่านชม ศาลาว่าการเมือง ซึ่ง ถูกสร้างเมื่อปี 1459 นั่นคือมีอายุประมาณหกร้อยปี

อิสระท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
…นำท่านเดินทางสู่เมืองบาด วิมเฟน (Bad Wimpfen) ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเนคคาร์ ( River Neckar) ปัจจุบันเมืองบาด วิมเฟนได้กลายเป็นศูนย์รวมของสถาบันสปาต่างๆ รวมไปถึงเหล่าอาคารบ้านเรือนที่มี ความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรม ไม่ว่าจะเป็น อาคารศาลาว่าการเมือง โบสถ์ หอคอย โรงแรม พิพิธภัณฑ์ รวมไปถึงเหล่าอาคารบ้านเรือนที่สร้างในแบบโบราณ ซึ่งปัจจุบันยังคงได้รับการอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
…นำท่านออกเดินทางสู่เมือง ไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg) (ระยะทาง 55 กิโลเมตร ใช้เวลา 40 นาที)ตั้งอยู่ในรัฐ Baden-Wurttemburgทางใต้ของแฟรงค์เฟิร์ตเป็นเมืองที่มีบรรยากาศสวยงามริมฝั่งแม่น้ำเน็คคาร์ (Neckar) โดยมีปราสาทไฮเดลเบิร์กตั้งอยู่บนเชิงเขา

จากนั้นเข้าชม ปราสาทไฮเดลเบิร์ก ซึ่งตั้งอยู่บนเขาแบร์กบาห์น ปราสาทแห่งนี้ใช้เวลาสร้างนานถึง 400 ปีจึงเสร็จ สมบูรณ์ สถาปัตยกรรมที่เห็นจึงมีหลากหลายตามยุค โดยเริ่มก่อสร้างจากยุคโกธิค ในศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้า รูเพรชท์ที่ 3 ปราสาทได้รับความาเสียหายในปี 1622 ซึ่งอยู่ในช่วงสงคราม30ปีและมาถูกเผาทำลายถึง 2ครึ่งในปี 1689และ 1693 ในสงครามกับฝรั่งเศส จึงเหลือตาซากปรักหักพัง และได้การยอมรับว่านี้คือซากปรักหักพัง ของปราสามที่สวยงามที่สุดในโลก
…นำท่านชมวิวจากจุดชมวิวบนตัวปราสาท ท่านจะมองเห็นเมืองไฮเดลเบิร์กได้อย่างสวยงาม นำท่านชมเก็บ ถัง ไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดความจุราว 222,000ลิตร
…นำท่านลงสู่ตัวเมืองเก่าของไฮเดลเบิร์ก นำท่านชมสะพานเก่าอัลเทอบรุคเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเน็คคาร์ ที่ถูก สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 เมื่อเดินข้ามสะพานไปแล้วมองหันกลับมาท่านจะเห็ปราสาทไฮเดลเบิร์กสีชมพูอมแดง ตั้งโดดเด่นเหนือตัวเมืองไฮเดลเบิร์ก
…นำท่านชมรูปปั้นลิง บนตัวสะพานที่มีความเชื่อว่าหากได้มาสัมผัสรูปปั้นลิงนี้จะได้กลับมาเยือนอีกครั้งหนึ่ง
…จากนั้นนำท่านเดินเข้าสู่จตุรัสมาร์คพลัทซ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถไฮลิก ไกสท์เคียร์เค่อ โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูก สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 เป็นศิลปแบบโกธิค

ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคารอาหารไทย
ที่พัก HEIDELBERG MARRIOTT HOTELหรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่เก้า ไฮเดิลเบิร์ก – ชเวบิชฮาล – ดิงเกลส์บูล – โรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองชเวบิชฮาล (Schwabisch hall) (ระยะทาง 110 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 20 นาที) เมืองเล็กๆทางตอนใต้ของเยอรมัน โดยเมืองนี้ตั้งอยู่ที่ราบระหว่างหุบเขา โดยชื่อเมืองที่มีคำว่า Hall ต่อท้าย นั้น มีที่มาจากวิธีการผลิตเกลือที่อยู่ใต้ดินด้วยการใข้ความร้อนซึ่งเป็นที่แพร่หลายอย่างมากในช่วงยุคกลาง (คำว่า Hall ในภาษาเยอรมันแถบตะวันตกมีความหมายว่าการทำบางอย่างให้แห้งโดยใช้ความร้อน) นำท่านชมบ้านเรือน ยุคกลางศิลปะแบบ Half-Timbered ที่ตั้งเรียงกันตามแนวแม่น้ำ Kocher ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของเมืองแห่ง นี้ …อิสระท่านเดินเล่นตามอัธยาศัย

…นำท่านเดินทางสู่ เมืองดิงเกลส์บูล ( Dinkelsbühl ) (ระยะทาง 68 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1ชม.) เมือง ท่องเที่ยวที่เก่าแก่แห่งแคว้นบาวาเรีย (Bavaria) ของประเทศเยอรมนี (เป็น 1 ใน 10 หมู่บ้านที่สวยที่สุดใน เยอรมัน ) ส่วนใหญ่มักถูกล้อมรอบด้วยกำแพงและอาคารเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง ด้วยสีสันและศิลปะ ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน จึงส่งผลให้ดิงเกลส์บูลเป็นเมืองที่น่ามาเยือนมากที่สุด

…จากนั้นอิสระให้ทุกท่านเดินเล่นตามอัธยาศัย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
…นำท่านชมโบสถ์เซนต์จอร์จ (Saint George’s Cathedral) โบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ที่ถูกสร้างขึ้น ในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 โดยตัวโบสถ์นั้นออกแบบโดย Nikolaus Eseleซึ่งถือว่าเป็นโบสถ์ในแบบสไตล์โกธิค ที่สวยงามอีกแห่งของเมือง ชมภาพเขียนรูปพระเยซูถูกตรึงไม้กางเขนฝีมือ มิคาเอล โวลเกอมุท (Michael Wolgemut) ที่อยู่เหนือแท่นบูชาที่สร้างในปี ค.ศ.1892 นำท่านชมย่าน ไวน์มาร์ค (Weinmarkt) หรือไวน์ มาร์ เก็ต (Wine Market) ซึ่งเป็นตึกเก่าเรียงตัวกันอยู่ 5 หลัง มีสีสันตัดกันตั้งแต่สีส้ม สีเขียว สีแดง สีเหลือง ซึ่งการ ทาสีบ้านในเมืองนี้เน้นการทาสีเดียว (single color) และเขียนชื่อธุรกิจไว้หน้าบ้านด้วยตัวหนังสือแบบลายมือ (calligraphy letter) ในสีเอิร์ธโทน (earth tone) นอกจากตามหน้าต่างจะมีการประดับด้วยกระถางไม้ดอกสี สดใสแข่งขันชูช่อออกดอกบานสะพรั่งแล้ว อีกเอกลักษณ์สำคัญของอาคารเก่าก็คือ หลังคาสีแดงสดที่เหมือนกัน ไปหมดทั้งเมือง ในส่วนของจุดเด่นของอาคารแถบนี้คงเป็นที่หน้าจั่วแบบขั้นบันได โดยตึกสีส้มที่อยู่ตรงหัวมุมจะ มีลักษณะพิเศษเพิ่มนอกจากหน้าจั่วแล้วยังมีโดมเล็กๆ อยู่ด้านบนอีก ปัจจุบันเป็นโรงแรมที่ชื่อว่า อัลเดอร์เมน อินน์ (Aldermen’s Inn) ว่ากันว่าที่นี่เคยเป็นที่ประทับของบุคคลสำคัญๆ เช่น จักพรรดิ์คาร์ลที่ 5 (Emperor Karl V) เมื่อปี ค.ศ.1546 และกษัตริย์กุสตาฟ อดอล์ฟ แห่งสวีเดน เมื่อปี ค.ศ.1632 จนกระทั่งได้เวลา พอสมควร
…จากนั้นนำท่านเดินสู่เมือง โรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์ (Rothenburgob der Tauber) หรือเรียกๆว่า เมืองโรเธนเบิร์ก (ระยะทาง 49 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 40 นาที) เมืองเก่าแก่ของจักรวรรดิฟรังค์ ในเขตบาวา เรีย (Bavaria) ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นจุดหมายปลายทางที่ สำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพราะได้รับการ ยอมรับว่าเป็นเมืองในยุคกลางที่สวยที่สุดในเยอรมัน

…นำท่านเดินชมเมือง โรเธนเบิร์ก เป็นเมืองโบราณ ที่ตั้งอยู่ภายในวงล้อมของกำแพงเมืองถือว่าเป็นเมืองที่ ค่อนข้างมีประวัติศาสตร์อันแสนโรแมนติกของเยอรมนีเช่นกันอีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์และแนว กำแพงป้องกันเมืองดั้งเดิมบ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของเมืองที่ทำการค้า ไวน์ โค กระบือ และขนสัตว์ที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1274
…นำท่านชม ศาลาว่าการเมือง (Town Hall) ที่ตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง โดยตัวอาคารนั้นถูก สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1250 ในแบบอาคารโกธิค นำท่านขึ้นไปชมทัศนียภาพอันงดงามของอาคารบ้านเรือนหลาก สีสัน จัตุรัส Plönlein จัตุรัสเล็ก ๆ แต่มีชื่อเสียงในไปทั่วโลก บริเวณรอบ ๆประกอบไปด้วยลานน้ำพุและตลาด เก่า เก่า ….อิสระท่านเดินเล่นชมเมือง ซื้อของฝาก และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก ALTES BRAUHAUS HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
หมายเหตุ : โรงแรมเมืองโรเธนเบิร์กมีจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์นอนเมืองใกล้เคียง
วันที่สิบ โรเธนเบิร์ก – วูซเบิร์ก – แฟรงค์เฟิร์ต – จตุรัสโรเมอร์ – ช้อปปิ้ง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
…นำท่านเดินทางสู่เมือง วูร์ซเบิร์ก (Wuerzburg) (ระยะทาง 60 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. )เมืองบน เนินเขาทางตอนเหนือของแคว้นบาวาเรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเมนซึ่งเป็นอีกแหล่งเพาะปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์ของ เยอรมัน และเป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
…นำท่านชมความงดงามของเมือง วูร์ซเบิร์ก โดยเริ่มจาก ศาลาว่าการเมือง (City Hall) แวะถ่ายรูปกับมหาวิหาร แห่งเมืองวูร์ซเบริ์ก (Wurzburg Cathedral) สร้างขึ้นเมื่อ คศ. 788 และในการก่อสร้างระหว่างปี 1040 – 1225 ได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบโรมาเนสก์ จึงทำให้ภายนอกมหาวิหารสร้างแบบโรมาเนสก์

…จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ Wurzburg Residence สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 10 ซึ่งอดีตคือพระราชวังเก่า สร้างแบบสถาปัตยกรรมบาโรก และได้มีการบูรณะหลายครั้งเนื่องจากถูกทำลายจากสงครามโลกครั้งที่ 2
…นำท่านเดินทางสู่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt) เมืองธุรกิจการค้าที่สำคัญของเยอรมัน ( ระยะทาง 120 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. )
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย
…จากนั้นนำท่านชมจัตุรัสโรเมอร์ (ROMERBERG) ย่านใจกลางเมืองเก่า อันเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง (THE ROMER) ศิลปะแบบโกธิคที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นในปี 1405 ตรงกันข้ามกับศาลาว่าการเมือง ท่านจะพบ กับอาคารกึ่งไม้ซุงอันงดงามแบบฟาคแวร์กเฮ้าส์ที่เรียกว่า ออสไซเล่อ (OSTZEILE) ที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นมา ใหม่โดยสามารถรักษารายละเอียดของอาคารดั้งเดิมที่เคยถูกทำลายหมดสิ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สองได้ทุก รายละเอียด
…นำท่าน ถ่ายภาพความสวยงามของน้ำพุแห่งความยุติธรรม ที่ตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยู่กลางลาน ผ่านชมโบส์ถ เซนต์พอล และวิหารใหญ่ประจำเมือง อิสระให้ท่านช้อปปิ้งสินค้าหลากหลายบริเวณถนนสายช้อปปิ้ง ย่านถนน ซายล์ (ZEIL) ถนนสายช้อปปิ้งที่ยาวที่สุดของประเทศเยอรมนีที่เต็มไปด้วยร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง เรียงรายอยูมากมายไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, Hugo Boss, Chanel, Giorgio Armani เป็นต้น อิสระให้ ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

…นำท่านเดินทางสู่ สนามบิน เพื่อเดินทางสู่ ประเทศไทย
22:20 น. ออกเดินทางสู่ ประเทศไทย โดย สายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK048 / EK372
วันที่สิบเอ็ด สนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ)
*** แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินดูไบ 06.00-09.40 ***
18.55 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ

ทัวร์ยุโรป