Picture3

ทัวร์ยุโรป เยอรมัน-ออสเตรีย-ฝรั่งเศส 11 วัน (EK)

ราคาเริ่มต้น 149,900 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

สายการบิน: Image

…จากนั้นนำท่านเดินสู่เมือง โรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์ (Rothenburgob der Tauber) หรือเรียกๆว่า เมืองโรเธนเบิร์ก ( ระยะทาง 160 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ) เมืองเก่าแก่ของจักรวรรดิฟรังค์ ในเขต
บาวาเรีย (Bavaria) ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นจุดหมายปลายทางที่ สำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพราะได้รับ การยอมรับว่าเป็นเมืองในยุคกลางที่สวยที่สุดในเยอรมัน

วันที่เดินทาง

กุมภาพันธ์ 67 – มิถุนายน 67

ทัวร์ยุโรป
วันแรก สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ
21.30 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางหมายเลข 9 สายการบิน พบเจ้าหน้าที่บริษัท อำนวยความสะดวก
วันที่สอง มิวนิค (เยอรมัน) – ชมเมือง – เซนต์วูลฟ์กัง (ออสเตรีย)
01:05 น. ออกเดินทางสู่ เมืองมิวนิค โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK385/EK049
*** แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินดูไบ 0500-0840 ***
12:30 น. เดินทางถึง สนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมนี หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลการกรเรียบร้อยแล้ว
นำท่านชมเมือง มิวนิค (MUNICH) เมืองที่เต็มไปด้วยความสวยงามด้านสถาปัตยกรรมในหลายรูปแบบ ไม่ว่าแบบเรอเนซองส์ คลาสสิคหรือทันสมัย นำท่านเดินทางสู่ จตุรัสมาเรียน พลัทซ์ (Marienplatz) แลนด์ มาร์คใจกลางเมือง ในอดีตพื้นที่นี้เคยเป็นตลาดเรียกว่า “ตลาดสี่เหลี่ยม” ภายหลังได้กลายเป็นที่ตั้งของ New Town Hall ได้รับการออกแบบและตกแต่งในสไตล์โกธิค ใน บริเวณจตุรัสประกอบไปด้วย ศาลากลางเก่าที่มีซุ้มประตูและ หอคอย ศาลาว่าการ New Town สถาปัตยกรรมเสารูปปั้นของ พระแม่มารีสีทอง น้ำพุปลา และหอคอย Glockenspiel ที่มี ชื่อเสียงระดับโลก ในช่วงฤดูร้อนจะมีการโชว์ระบำตุ๊กตาใน ช่วงเวลา 11.00 น. – 12.00 น. และ 17.00 น.จากนั้นให้ท่าน อิสระช้อปปิ้งตามอัธยาศัย หรือเลือกเดินเล่นชม เมืองถ่ายรูปบริเวณจัตุรัสมาเรียน ตามอัธยาศัย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
จากนั้นให้ท่านอิสระช้อปปิ้งตามอัธยาศัย หรือเลือกเดินเล่นชมเมืองถ่ายรุปบริเวณจัตุรัสมาเรียน ตามอัธยาศัย
…จากนั้นเดินทางข้ามพรมแดนสู่เมือง เซนต์วูลฟ์กัง (ST.WOLFGANG) ประเทศออสเตรีย (ระยะทาง 200 กิโลเมตร ใช้เวลา 2.30 ชม.) เมืองรีสอร์ทเล็กๆริมทะเลสาบ เมือง รีสอร์ทเล็กๆ ในหุบเขาริมทะเลสาบวูลฟ์กัง ชมเมืองเซนต์ วูลฟ์กัง เมืองท่องเที่ยวที่สวยงามโรแมนติคที่สุดเมืองหนึ่งของ ออสเตรียที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง ทะเลสาบสวยใส และทุ่งหญ้า เขียวขจีเป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยว

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก SCALARIA HOTEL ST. WOLFGANG หรือระดับเทียบเท่า 4ดาว (พัก 2 คืน)
หมายเหตุ : โรงแรมเมืองเซนต์วูลฟ์กัง มีจำกัดหากโรงแรมเต็มทาง บริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปเมืองใกล้เคียง
วันที่สาม ทะเลสาบโกเซา – ฮอลสตัท – ขึ้นรถรางชมวิวพาโนรามา – เซนต์วูลฟ์กัง
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบโกเซา (Gosausee) (ระยะทาง 50 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 50 นาที) ทะเลสาบที่หลบซ่อนตัวในเทือกเขาเอล์ป เป็นหนึงในทะเลสาบที่มีชื่อเสียงเรื่องความสวยงามของวิวทิวทัศน์และสี ของน้ำทะเลสาบมีสีเทอคอยซ์ ยิ่งทำให้ทะเลสาบแห่งนี้สวยงามมาก อิสระให้ท่านเก็บภาพความประทับใจตาม อัธยาศัย
…จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ฮอลสตัท (HALLSTATT) เมืองมรดกโลก ริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก นำ ท่านเดินเท้าเลาะริมทะเลสาบ ที่เรียกว่า “ซี สตราซ” (See Strasse) อีกด้านมีร้านขายของที่ระลึก ที่ศิลปิน พื้นบ้านออกแบบเองเป็นระยะสลับกับบ้านเรือนสไตล์อัลไพน์ที่เก่าแก่ไม่ขาดสาย บ้างอยู่ระดับพื้นดิน บ้างอยู่บน หน้าผาลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ และบ้านแต่ละหลังล้วนประดับประดาด้วยของเก่า ดอกไม้หลากสีสันสวยงามปลาย สุดของถนนซีสตราซ ท่านจะได้ชมจัตุรัสประจำเมืองซึ่งเป็นลานหินขนาดย่อม ประดับด้วยน้ำพุกลางลาน และ อาคารบ้านเรือนที่สวยงาม
นำท่านขึ้นรถรางขึ้นสู่ภูเขาด้านบนชมวิวมุมสูง สามารถมองเห็นวิวพาโนรามา ให้ท่านได้ชมวิวเมืองฮอลสตัท และทะเลสาบจากด้านบน (รถรางเปิดให้บริการเฉพาะ ช่วงเดือนเดือน เม.ย. – ธ.ค. เท่านั้น)
(หมายเหตุ : หากเกิดเหตุสุดวิสัยต่างๆ เช่น เนื่องสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย หรือมีการปิดปรับปรุงหรือทาง รถรางไม่เปิด ให้ขึ้นชม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการงดให้ขึ้นชม โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง เมนูปลาเทราซ์
อิสระทุกท่านเดินชมหมู่บ้านฮอลสตัท ถ่ายรูปกับมุมต่าง หรือเลือกซื้อของที่ระลึกตามอัธยาศัย
…จากนั้นเดินทางสู่เมือง เซนต์วูลฟ์กัง (ST.WOLFGANG) (ระยะทาง 50 กิโลเมตร ใช้เวลา 50 นาที) เมืองรี สอร์ทเล็กๆ ในหุบเขาริมทะเลสาบวูลฟ์กัง เมืองเล็กริมทะเลสาบที่มีความสวยงามไม่แพ้ฮอลสตัท มีบ้านเรือน สวยงาม อิสระท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก SCALARIA HOTEL ST. WOLFGANG หรือระดับเทียบเท่า 4ดาว
วันที่สี่ เซนต์วูลฟ์กัง – ล่องเรือทะเลสาบโคนิงซี – หมู่บ้านรามเซา (Unseen) – อินน์สบรูค
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่เมือง เมืองเบิร์ชเทสกาเด้น (Berchtesgaden ) (เยอรมัน) (ระยะทาง 70 กิโลเมตร ใช้เวลา ประมาณ 1 ชม.) เจ้าของเส้นทางดิอัลไพน์โร้ด 1 ใน 6 เส้นทางแสนสวยและยังเป็น เส้นทางเก่าแก่ที่สุดที่ นักท่องเที่ยวนิยมใช้ เลาะเลียบเทือกเขาแอลป์ เมืองนี้ถูกก่อตั้งขึ้นให้เป็น ศูนย์กลางทางการค้าและการสำรวจหา เกลือและสินแร่
…นำท่านล่องเรือสู่ ทะเลสาบกษัตริย์ (Konigsee) ที่มีน้ำใสราวกับมรกต ได้ขึ้นว่าเป็นทะเลสาบที่น้ำใสและ สะอาดที่สุดในยุโรป ทะเลสาบแห่งนี้ เป็นดินแดนแห่งฟยอร์ดที่งดงาม ที่สุดในประเทศเยอรมนี ในเขตเทือกเขา แอลป์ มีแหล่งกำเนิดจากการละลายของกลาเซียบนยอดเขา ตั้งแต่ยุคน้ำแข็งก่อให้เกิดทะเลสาบอันงามพิสุทธิ์ และความมหัศจรรย์ของฟยอร์ดที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในโลกฟยอร์ดแห่งนี้มีความยาวกว่า 8 กม. กว้าง ถึง 1,250 เมตร ลึก 190 เมตร และตั้งอยู่บนความสูงกว่า 602 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
…นำท่านล่องเรือพลังงานไฟฟ้า ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวมา ตั้งแต่ปี ค.ศ.1909 เพื่อไม่เกิด มลภาวะ เรือจะนำท่านล่องไปชมบรรยากาศแห่งฟยอร์ด จนถึงโบสถ์บาโธโล มิว อันเป็นเสน่ห์ของดินแดน แห่งฟยอร์ดนี้ จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเรือ

(หมายเหตุ : หากเกิดเหตุสุดวิสัย เช่น เนื่องสภาพอากาศมาเอื้ออำนวยต่อการล่องทะเลสาบ โดยไม่สามารถ ล่องเรือได้ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิก)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
…จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หมู่บ้าน รามเซา (Ramsau) (ระยะทาง 10 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15 นาที) หมู่บ้านเล็กๆ Unseen ของเยอรมันที่ติดกับพรมแดนออสเตรียที่หลบซ่อนตัวในเขตเทือกเขาเอลป์ โดยหมู่บ้าน เล็กๆ แห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของความสวยงามของวิวทิวทัศน์ โดยมีโบสถ์เซนต์เซบาสเตียน (St.Sebatian) เป็นฉาก มีสะพานไม่เล็กทอดข้ามแม่น้ำ Arche ที่ไหลตัดผ่านหมู่บ้าน โดยมีฉากหลังของ เทือกเขาเอลป์เป็นฉากหลัง
…นำท่านเดินถ่ายรูปตามอัธยาศัย หรือสามารถเข้าชมด้านในโบสถ์ได้ฟรี จากนั้นอิสระเดินถายรูปตามอัธยาศัย
..จากนั้นนําท่านออกเดินทางสู่ เมืองอินน์สบรูค (Innsbruck) (ระยะทาง 150 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.) หนึ่งในสามเมืองเอกด้านการท่องเที่ยวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิน “Inn River” และโอบ ล้อมไปด้วยเทือกเขาเอลป์ เดิมเป็นเมืองตากอากาศของจักรพรรดิ แม็กซิมิเลียนแห่งราชวงศ์ฮอฟบวรก เพราะ อากาศดีมากผู้ที่เข้ามาปกครองจักรวรรดิออสเตรียต่างก็ต้องติดใจมาพักผ่อนในเมือง แห่งนี้ ระหว่างทางท่านจะ ได้พบกับวิวสองข้างทางที่สวยงาม ตามถนนเส้นทางอัลไพน์ ผ่านทั้งเทือกเขาเอลป์ ทะเลสาบ หมู่บ้าน ทุ่งหญ้า

…จากนั้นนำท่านเข้าสู่ตัวเมืองนําท่านถ่ายรูปด้านนอกกับ อาคารหลังคาทองคํา (Goldenness Dachl) ที่สร้างขึ้น ด้วยความประณีตละเอียดอ่อน และมีอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ประทับใจกับ
เฮลบลิงเฮ้าส์ (Helblinghaus)ตึกสมัยโกธิคตอนปลายที่มีการเพิ่มศิลปะแบบโรโค เข้าไปในศตวรรษที่18 ทําให้ดู โดดเด่นและหรูหรายิ่งขึ้น โรงแรมโกลเดน เนอร์แอดเลอร์ (Goldener Adler Hotel) สร้างตั้งแต่ ค.ศ.ที่16 เป็น โรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองและยังเคยใช้ต้อนรับ อะคันตุกะจากต่างแดน มาแล้วอย่างมากมาย

…จากนั้นอิสระให้ท่านเดินชมเมืองอินน์สบรูค ให้ท่านได้ชมบ้านเรือนสีลูกวาดริมแม่น้ำอินน์โดยมีฉากหลังเป็น แนวเทือกเขาเอล์ป หรือให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก GRAUER BAR HOTEL INNSBRUCK หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
หมายเหตุ : โรงแรม มีจำกัดหากโรงแรมเต็มทาง บริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปเมืองใกล้เคียง
วันที่ห้า อินน์สบรูค – มิดเท็นวาลด์ (Unseen) – การ์มิส – ยอดเขาซุกสปิตเซ่ (TOP OF GERMANY) – ฟุสเซ่น
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
…จากนั้นนำท่านเดินออกเดินทางสู่เมือง มิดเท็นวาลด์ (Mittenwald) (ระยะทาง 35 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) พรมแดนระหว่างเยอรมันกับออสเตรีย หมู่บ้านเล็กๆ ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาเอลป์ และได้ขึ้นชื่อว่า เป็นหมู่บ้านติดอันดับความสวยของเยอรมัน ถือเป็นสถานที่ UNSEEN ของเยอรมันด้วย นำท่านชมเมืองสูด อากาศอันบริสุทธิ์ เดินเล่นนั่งจิบกาแฟ ชมวิวทิวทัศน์หรือเลือกสินค้าที่ระลึก

…จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ยอดเขาซุกสปิตเซ่ (ZUGSPITZE) ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเยอรมนี ให้ท่านเก็บ ภาพประทับใจจากจุดชมวิวบนยอดเขาที่สูงที่สุดใน เยอรมนีคือ 9,721 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล ที่ทำให้เกิด กิจกรรมการท่องเที่ยวได้ทั้งปีคือ สกีในฤดูหนาวและเดินเขาในฤดูร้อน เมื่อมองจากยอดเขาจะเห็นทิวทัศน์งดงาม กว้างไกลไปถึง 4 ประเทศด้วยกันคือ เยอรมนี ออสเตรีย อิตาลีและสวิสเซอร์แลนด์โดยมียอดเขาที่อยู่เคียงกัน อีก 3 ยอดคือ แอล์ปสปิตซ์ (Alpspitz), ครอยเซ็ค (Kreuzeck) และแวงค์ (Wank) ซึ่งล้วนแต่เป็นสวรรค์ของ นักเดินทางและนักสกีทั้งสิ้น นิทรรศการศิลปะบนที่สูงที่สุดและซุกสปิตซ์ปลาต ธารน้ำแข็งสายเดียวของเยอรมนีที่ ยามหิมะตกหนา ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มิถุนายน กลายเป็นเส้นทางสกีให้เลือกเล่นหลายระดับ อิสระทุกท่าน ถ่ายรูปตามอัธยาศัย

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง บนยอดเขา
จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่ด้านล่าง
นำท่านเดินทางสู่เมือง ฟุสเซ่น (Fussen) (ระยะทาง 40 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) เมืองฟุสเซ่นตั้งอยู่ ทางตอนใต้ของเยอรมัน เป็นเมืองเก่ามาตั้งแต่ครั้งจักรวรรดิโรมัน เมืองฟุสเซ่นนั้นขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของ ตัวตึกรามบ้านช่องเพราะทั้งเมืองจะมีหลากสีสันมากเหมือนกับลูกกวาดสีสวยๆ ทั้งเมืองจนได้รับสมญานามว่า City of Candy

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก LUITPOLDPARK-HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
หมายเหตุ : เมืองฟุสเซ่น มีจำนวนจำกัด ทำให้ห้องพักมักเต็ม หากห้องพักเต็ม ทางบริษัทสงวนสิทธิ์ไปพัก ณ เมืองใกล้เคียง
วันที่หก ฟุสเซ่น – ปราสาทนอยชวานชไตน์ – ลินเดา
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Schloss Neuschwanstein) เป็นปราสาทตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ แถบแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี สร้างในสมัยพระเจ้าลุดวิจที่ 2 แห่งบาวาเรีย ในช่วง ค.ศ. 1845-86 เป็น ปราสาทที่งดงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก และเป็นต้นแบบของการสร้างปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทรา ที่ สวนสนุกดิสนีย์แลนด์และโตเกียวดิสนีย์แลนด์ รวมไปถึงที่แดนเนรมิต พระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรียมีพระ ประสงค์ให้จัดสร้างเพื่อเป็นที่ประทับอย่างสันโดษ ห่างจากผู้คน และเพื่ออุทิศให้แก่กวีชื่อริชาร์ด วากเนอร์ ผู้ซึ่ง เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างให้เป็นไปตามบทประพันธ์เรื่องอัศวินหงษ์ (Swan Knight Lohengrin) ดังนั้น ปราสาทแห่งนี้จึงได้รับการตกแต่งตามเรื่องราวในบทประพันธ์ดังกล่าว ปราสาทแห่งนี้ได้รับการออกแบบโดย คริสทีอัน ยังค์ (Christian Jank) ซึ่งเป็นนักออกแบบทางการละคร มากกว่าที่จะเป็นสถาปนิก นำท่านขึ้นรถมินิ บัส เพื่อขึ้นเข้าชมตัวของปราสาท ซึ่งอยู่บนเนินเขาสูงที่สร้างจากบัญชากษัตริย์ลุดวิคที่ 2 ที่ต้องการสร้างปราสาท ตามเทพนิยายของริชาร์ด วากเนอร์ ศิลปินคนโปรดของพระองค์
…จากนั้นนำท่านชมวิวสวยจากสะพานแมรี่จุดที่ถ่ายรูปกับปราสาทนี้ได้ดีที่สุด (เวลาเปิด-ปิดขึ้นอยู่กับสภาพ อากาศ) ดั่งรูปโปสเตอร์ โปสการ์ดต่างๆ ซึ่งความงามนี้ยังทำให้ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทต้นแบบที่วอลท์ดีสนีย์ ได้นำมาสร้างเป็นปราสาทในภาพยนตร์การ์ตูนและเป็นสัญลักษณ์ของบริษัทดิสนีย์ด้วย
…จากนั้นนำท่านเข้าชมด้านในของปราสาท ให้ท่านได้ชมห้องต่าง ๆ ซึ่งมีความวิจิตรพิสดาร
** หมายเหตุ : ปัจจุบันรอบการเข้าของปราสาทนอยชวานสไตน์มีการเปลี่ยนแปลง และมีกฎเกณฑ์เยอะมาก หากรอบการเข้าชมเต็มหรือเวลาเข้าชมที่ไม่เหมาะทำให้ไปกระทบกับรายการอื่น ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์งดเข้าชมด้านในให้ทุกท่านถ่ายรูปด้านนอกปราสาทเท่านั้น**
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
…จากนั้นได้เวลานำท่านลงจากปราสาทด้านล่างด้วยรถม้า ให้ท่านสนุกสนานเปลี่ยนบรรยากาศและไม่ต้องย้อน เส้นทาง
หมายเหตุ : เนื่องจากปราสาทนอยชวานสไตน์ตั้งอยู่บนภูเขา ซึ่งในหน้าหนาวทำให้มีหิมะปกคลุม อาจมีการ ปรับเปลี่ยนรายการการขึ้น-ลง หรือการเข้าชมปราสาทเนื่องมากจากสภาพอากาศ หรือวันหยุดสำคัญต่างๆ)
…จากนั้นนำท่านเดินสู่เมือง ลินเดา (Lindau) (ระยะทาง 100 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 20 นาที) เมือง ตากอากาศแสนสวยริมทะเลสาบคอนสแตนซ์ (Lake Constance) หรืออีกชื่อคือทะเลสาบโบเดนเซ (Bodensee) จากนั้นนำท่านเดินชม ลินเดา เมืองเล็กที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เป็นเมืองเล็กๆอยู่ระหว่างสามประเทศ คือเยอรมัน ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ ด้วยของเมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยทะเลสาบโดยมีฉากหลังเป็นเทือกเขาเอลป์จนได้รับ ฉายาว่า แชงกรีลา แห่งเยอรมัน นำท่านเดินเล่นถ่ายรูปกับศาลาว่าการเมือง ถ่ายรูปกับเสาประภาคารบาวาเรียและ เสารูปสิงโตซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองลินดา

…นําท่าน ชมเมืองลินเดา เดินเล่นตามถนนแมกซิมิเลียน ชมบ้านเรือนที่งดงามมากมาย ถ่ายภาพกับศาลาว่า การเมืองเก่า Alte Rathaus (Old Town Hall) ที่สร้างเสร็จในปีค.ศ. 1436 ที่เป็นตัวอย่างที่ดีของสถาปัตยกรรม ในแถบหุบเขาไรน์ของเทือกเขาแอลป์ (Alpine Rhine Valley) ที่ผสมผสานกันระหว่างศิลปะสไตล์กอธิค และ เรอเนสซองส์ที่งดงาม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง เฟรดริคฮาฟเฟ่น (Friedrichshafen) (ระยะทาง 20 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 20 นาที) เมืองสวยริมทะเลสาบคอนสแตนซ (Lake Constance) หรือทะเลสาบโบเดน(Bodensee)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก SEE HOTEL FRIEDRICHSHAFEN หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
หมายเหตุ : โรงแรมเมืองเฟดริคฮาฟเฟ่น มีจำกัด หากโรงแรมเต็มทาง บริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปนอนเมืองใกล้เคียง
วันที่เจ็ด ป่าดำ – ทิทิเซ่ (เยอรมัน) – สตราสบูร์ก (ฝรั่งเศส)
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมือง ทิทิเซ่ (TITISEE) (ระยะทาง 120 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.40 ชม.) เขตป่า ดําตอนใต้(SOUTH BLACK FOREST) เมืองเล็กๆที่อยู่ท่ามกลางป่าสนอันอุดมสมบูรณ์และทะเลสาบสุดสวย
…นําท่านชมทะเลสาบที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ทะเลสาบทิทิเซ่ (TITISEE LAKE) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในป่า ดํามีความยาว 2 กิโลเมตร และมีความกว้าง 700 เมตร ผ่านบริเวณนี้ ท่านจะได้พบกับยอดเขาที่สูงที่สุดในป่าดํา นั่นคือ ยอดเขา FELDBERG ซึ่งความสูงถึง 1500 เมตร เดินทางถึง ทะเลสาบทิทิเซ่ ท่านจะได้พบกับความ สวยงามของธรรมชาติที่ห้อมล้อมทะเลสาบแห่งนี้ซึ่งถือเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สวยติดอันดับในทวีปยุโรปอีกด้วย …นําท่านชมทิวทัศน์ความงดงามของป่าดํา และทะเลสาบ มนต์เสน่ห์ที่ท่านจะต้องหลงใหลไม่มีวันลืม ให้ท่านได้ เลือกซื้อหรือชม นาฬิกากุ๊กกู เป็นของฝากหรือเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกตามอัธยาศัย

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
…จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง สตราสบูร์ก (Strasbourg) (ระยะทาง 120 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม.) เป็นเมืองแห่งความโรแมนติค และเมืองหลวงของแคว้นอัลซาส (Alsace)ประเทศฝรั่งเศส เมืองที่มีความ สวยงามเมืองหนึ่งของยุโรป ซึ่งเมื่อท่านเดินทางมาแถบลุ่มแม่น้ำไรน์ไม่ควรพลาดเด็ดขนาด เมืองขนาดกลางแห่ง นี้มีย่านเมืองเก่าทางประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันในนาม la Petite France (ปารีสน้อย)
…นำท่านชมเขต La Petite France ภูมิทัศน์สวยงามด้วยบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมฝั่งสองแม่น้ำ ซึ่งเป็นศูนย์กลาง เมือง มีลักษณะเป็นพื้นที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำอิลล์ทั้งสี่ด้านและมีเส้นทางคูคลองเชื่อมต่อกันไปมากมาย บริเวณ ใกล้เคียงเป็นเกาะที่มีสะพานหลายแห่งเป็นตัวเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ส่วนอื่นๆของเมือง ภายในย่านนี้มีลักษณะเป็น ตรอกซอกซอย พื้นถนนปูลาดด้วยหินกรวด เรียงรายด้วยบ้านไม้โบราณสไตล์อัลซาสที่สวยงามซึ่งทอดตัวเป็น ภาพเงาสะท้อนในคลองตลอดถนน Rue des Moulins

…นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารนอร์ทเทอดาม ได้รับการยกย่องให้เป็นมหาวิหารที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปและมี ยอดโดมสูงที่สุดในยุโรปตะวันตก อีกด้วยออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค สร้างด้วยหินทรายสีชมพูทั้ง หลังโดยสร้างขึ้นในช่วงกลางถึงปลายศตวรรษที่ 12 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานกว่า 260 ปีตัววิหารมีการรวบรวม รูปแบบการก่อสร้างที่งดงามหลายส่วนรวมถึงรูปแกะสลักต่างๆ ช่วงยุคกลาง จากนั้นอิสระถ่ายรูปหรือเลือกซื้อ สินค้าพื้นตามอัธยาศัย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง เมนูพิเศษ หอยเอสคาโก้
ที่พัก HILTON STRASBOURG HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)
หมายเหตุ : เมืองสตราสบูร์กมักถูกจัดงานแฟร์บ่อยๆ หากโรงแรมเต็มทาง บริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปนอนเมืองใกล้เคีย
วันที่แปด กอลมาร์ – เอกิซไฮม์ – ริคเวีย – สตราสบูร์ก
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
…จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง กอลมาร์ (COLMAR) (ระยะทาง 70 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.) เมืองใน แคว้นอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส เป็น เมืองที่ถูกจัดอันดับ 1ใน 10เมืองโรแมนติคที่สุดในโลก ได้รับการขนาน นามว่าเวนิสน้อย (LA PETITE VENISE) ตั้งอยู่บนเส้นทางไวน์ของอัลซาส และยังเป็นบ้านเกิดของ ศิลปิน
เฟรดเดริก โอกุสต์ บาร์ตอลดี ผู้ออกแบบเทพีเสรีภาพ

เมืองกอลมาร์มีชื่อเสียงในการอนุรักษ์เมืองให้คงเป็นเมืองที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมการสร้างบ้านแบบ Half – Timber และบรรยากาศของเมืองโบราณ ในตัวเมืองมีพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า ที่อยู่อาศัยเหมือนในยุคกลาง ด้วย บรรยากาศที่สวยงามตัดกับบ้านเรือนสีสันสดใสจึงเป็นเมืองที่คู่รักจากทั่วโลกเดินทางมาฮันนีมูนที่นี่ นำท่านเดิน ชมเมืองกอลมาร์เริ่มตั้งแต่ย่าน La Petite Venise และเข้าสู่จัตุรัสกลางเมือง
…จากนั้นอิสระให้ทุกท่านเดินเล่นตามอัธยาศัย หรือเลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกตามอัธยาศัย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
…นำท่านเดินทางสู่หมู่บ้าน เอกิซไฮม์ (Equisheim) (ระยะทาง 5 กม. ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ) Les Plus Beaux Village de France เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในประเทศฝรั่งเศส และได้ขึ้นชื่อว่าเป็น Typical Villageมีชื่อเสียงเรื่องการผลิตไวน์ บ้านเรือนเป็นแบบกึ่งไม่กึงปูนแบบสมัยในยุคกลางกว่า 70 หลัง พื้นที่กว่า 600 ไร่ ให้ท่านเดินชื่นชมบรรยากาศ บ้านเรือนตามอัธยาศัย

…จากนั้นได้เวลานำท่านสู่เมือง ริคเวีย (Riquewihr) (ระยะทาง 30 กม. ใช้เวลาประมาณ 0 นาที) เมืองที่ติดกับ เมืองกอลมาร์ เป็นแหล่งปลูกไวน์ชั้นเลิศของแคว้นอาลซาส และเป็นหนึ่งใน Les Plus Beaux Village de France หรือหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส นำท่านเดินชมบ้านเรือนที่อยู่ในหุบเขา ล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่นที่ไว้ สำหรับทำไวน์ โดยเฉพาะช่วงเดือน เม.ย – พ.ย. จะเห็นต้นองุ่นที่ถูกปลูกสวยงามยิ่งนัก
…นำท่านเดินเล่นชมเมือง ริคเวีย ท่านจะได้พบกับร้านเรือนที่มีสีสันสวยงามล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น มีตรอกซอก ซอยร้านค้า ร้านไวน์ ร้านกาแฟ ให้ท่านเลือกนั่งจิ๊บไวน์หรือกาแฟ หรือเลือกซื้อไวน์ที่มีชื่อเสียง อิสระให้ท่านเดิน ถ่ายรูป
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก HILTON STRASBOURG HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่เก้า สตราสบูร์ก – ไฮเดลเบิร์ก – ปราสาทไฮเดิลเบิร์ก – โรเธนเบิร์ก
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
…จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เมือง ไฮเดลเบิร์ก(Heidelberg) (ระยะทาง 130 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1ชม. 30 นาที ) ตั้งอยู่ในรัฐ baden-Wurttemburgทางใต้ของแฟรงค์เฟิร์ตเป็นเมืองที่มีบรรยากาศสวยงามริมฝั่ง แม่น้ำเน็คคาร์ (Neckar) โดยมีปราสาทไฮเดลเบิร์กตั้งอยู่บนเชิงเขา

…จากนั้นเข้าชม ปราสาทไฮเดลเบิร์ก ซึ่งตั้งอยู่บนเขาแบร์กบาห์น ปราสาทแห่งนี้ใช้เวลาสร้างนานถึง 400 ปีจึง เสร็จสมบูรณ์ สถาปัตยกรรมที่เห็นจึงมีหลากหลายตามยุค โดยเริ่มก่อสร้างจากยุคโกธิค ในศตวรรษที่ 12 โดย พระเจ้ารูเพรชท์ที่ 3 ปราสาทได้รับความาเสียหายในปี 1622 ซึ่งอยู่ในช่วงสงคราม30ปีและมาถูกเผาทำลายถึง 2 ครึ่งในปี 1689และ 1693 ในสงครามกับฝรั่งเศส จึงเหลือตาซากปรักหักพัง และได้การยอมรับว่านี้คือซาก ปรักหักพังของปราสาทที่สวยงามที่สุดในโลก นำท่านชมวิวจากจุดชมวิวบนตัวปราสาท ท่านจะมองเห็นเมือง
ไฮเดลเบิร์กได้อย่างสวยงาม
…นำท่านชมเก็บ ถังไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดความจุราว 222,000ลิตร
…จากนั้นนำท่านลงสู่ตัวเมืองเก่าของไฮเดลเบิร์ก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย
…นำท่านชมสะพานเก่าอัลเทอบรุคเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเน็คคาร์ ที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 เมื่อเดินข้าม สะพานไปแล้วมองหันกลับมาท่านจะเห็ปราสาทไฮเดลเบิร์กสีชมพูอมแดงตั้งโดดเด่นเหนือตัวเมืองไฮเดลเบิร์ก นำ ท่านชมรูปปั้นลิง บนตัวสะพานที่มีความเชื่อว่าหากได้มาสัมผัสรูปปั้นลิงนี้จะได้กลับมาเยือนอีกครั้งหนึ่ง
…จากนั้นนำท่านเดินเข้าสู่จตุรัสมาร์คพลัทซ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถไฮลิก ไกสท์เคียร์เค่อ โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูก สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 เป็นศิลปแบบโกธิค
…จากนั้นนำท่านเดินสู่เมือง โรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์ (Rothenburgob der Tauber) หรือเรียกๆว่า เมืองโรเธนเบิร์ก ( ระยะทาง 160 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ) เมืองเก่าแก่ของจักรวรรดิฟรังค์ ในเขต
บาวาเรีย (Bavaria) ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นจุดหมายปลายทางที่ สำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพราะได้รับ การยอมรับว่าเป็นเมืองในยุคกลางที่สวยที่สุดในเยอรมัน

…นำท่านเดินชมเมือง โรเธนเบิร์ก เป็นเมืองโบราณ ที่ตั้งอยู่ภายในวงล้อมของกำแพงเมืองถือว่าเป็นเมืองที่ ค่อนข้างมีประวัติศาสตร์อันแสนโรแมนติกของเยอรมนีเช่นกันอีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์และแนว กำแพงป้องกันเมืองดั้งเดิมบ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของเมืองที่ทำการค้า ไวน์ โค กระบือ และขนสัตว์ที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1274 นำท่านชม ศาลาว่าการเมือง (Town Hall) ที่ตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง โดยตัว อาคารนั้นถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1250 ในแบบอาคารโกธิค นำท่านขึ้นไปชมทัศนียภาพอันงดงามของอาคาร บ้านเรือนหลากสีสัน จัตุรัส Plönlein จัตุรัสเล็ก ๆ แต่มีชื่อเสียงในไปทั่วโลก บริเวณรอบ ๆประกอบไปด้วยลาน น้ำพุและตลาดเก่า
ค่ำ รับประทานอาหารคํ่า ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก ALTES BRAUHAUS HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
หมายเหตุ : โรงแรมเมืองโรเธนเบิร์กมีจำกัด หากโรงแรมเต็มทาง บริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปนอนเมืองใกล้เคียง
วันที่สิบ วูร์ซบวร์ก – แฟรงค์เฟิร์ต – จตุรัสโรเมอร์ – ช้อปปิ้ง – สนามบิน
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
…นำท่านเดินทางสู่เมือง วูร์ซบวร์ก (Wuerzburg) (ระยะทาง 60 กิโลเมตร / ใช้เวลาประมาณ 45 นาที )เมืองบน เนินเขาทางตอนเหนือของแคว้นบาวาเรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเมนซึ่งเป็นอีกแหล่งเพาะปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์ของเยอรมัน
…นำท่านชมความงดงามของเมือง วูร์ซบวร์ก โดยเริ่มจาก ศาลาว่าการเมือง (City Hall) แวะถ่ายรูปกับมหาวิหาร แห่งเมืองวูร์ซบวร์ก (Wurzburg Cathedral) สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 788 และในการก่อสร้างระหว่างปี 1040 – 1225 ได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบโรมาเนสก์ จึงทำให้ภายนอกมหาวิหารสร้างแบบโรมาเนสก์ …จากนั้นนำท่านเดินชม เมือง
…จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt) เมืองธุรกิจการค้าที่สำคัญของเยอรมัน ( ระยะทาง 120 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. )
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย
…จากนั้นนำท่านชมจัตุรัสโรเมอร์ (ROMERBERG)ย่านใจกลางเมืองเก่า อันเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง (THE ROMER)ศิลปะแบบโกธิคที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นในปี 1405 ตรงกันข้ามกับศาลาว่าการเมือง ท่านจะพบกับอาคาร กึ่งไม้ซุงอันงดงามแบบฟาคแวร์กเฮ้าส์ที่เรียกว่า ออสไซเล่อ (OSTZEILE) ที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นมาใหม่โดย สามารถรักษารายละเอียดของอาคารดั้งเดิมที่เคยถูกทำลายหมดสิ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สองได้ทุก รายละเอียดนำท่าน ถ่ายภาพความสวยงามของน้ำพุแห่งความยุติธรรมที่ตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยู่กลางลาน ผ่าน ชมโบส์ถเซนต์พอล และวิหารใหญ่ประจำเมือง อิสระให้ท่านช้อปปิ้งสินค้าหลากหลายบริเวณถนนสายช้อปปิ้ง ย่านถนนซายล์ (ZEIL) ถนนสายช้อปปิ้งที่ยาวที่สุดของประเทศเยอรมนีที่เต็มไปด้วยร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์ เนมชื่อดังเรียงรายอยูมากมายไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, Hugo Boss, Chanel, Giorgio Armani เป็นต้น
อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

…นำท่านเดินทางสู่ สนามบิน เพื่อเดินทางสู่ ประเทศไทย
21:35 น. ออกเดินทางสู่ ประเทศไทย โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK076 / EK372
วันที่สิบเอ็ด กรุงเทพฯ – สุวรรณภูมิ
18.40 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ

ทัวร์ยุโรป