Picture5

ทัวร์ยุโรป ฝรั่งเศสใต้-อิตาลี 11 วัน (EK)

ราคาเริ่มต้น 149,900 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

สายการบิน: Image

…จากนั้นนำท่านเดินทางสู่แหล่งปลูกลาเวนเดอร์  (LAVENDER FIELD) โดยในเขตโพรวองซ์  เป็นแหล่งปลูกที่            ใหญ่ที่สุดของประเทศฝรั่งเศส  เป็นพื้นที่ในการจัดนิเทศกาลลาเวนเดอร์ทุกปี  ให้ท่านชมทุ่งลาเวนเดอร์ที่กว้าง                   ใหญ่สุดลูกหูลูกตา  ให้ท่านเก็บภาพความประทับใจอย่างเต็มอิ่ม หรือเลือกซื้อของฝากที่แปรรูปมาจากลาเวน            เดอร์

วันที่เดินทาง

กุมภาพันธ์ 67 – มิถุนายน 67

ทัวร์ยุโรป
วันแรก สนามบินสุวรรณภูมิ – กรุงเทพฯ – ดูไบ – เจนีวา
06.55 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตู 9 สายการบินเอมิเรตส์ (EK) พบ เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก
09.55 น. ออกเดินทางสู่ เมืองเจนีวา ประเทสสวิตเซอร์แลนด์ โดย สายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 375/EK083
*** แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินดูไบ 13.00-14.55 ***
19.45 น. ถึง สนาบินเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง
ที่พัก CROWNE PLAZA HOTEL GENEVA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่สอง เจนีวา – อีวัวร์ (ฝรั่งเศส) – อานซี่ – ชาโมนิกซ์
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านชมเมือง เจนีวา (GENEVA) เมืองศูนย์กลางการประชุมนานาชาติเมืองที่ตั้งองค์กรระดับโลก อาทิ องค์การการค้าโลก(WTO)
จากนั้นนำท่านชมเมืองเจนีวา เริ่มจากนำท่าน ชมน้ำพุเจทโด (เปิดเฉพาะวันอากาศดี) อนุสาวรีย์การรวมชาติและ นาฬิกาดอกไม้ อิสระเดินเล่นช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่หมู่บ้าน อีวัวร์ (Yvoire) (ระยะทาง 25 กิโลเมตร // ใช้เวลา 40 นาที ) ประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองที่มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี เป็นเมืองในยุคกลางของยุโรป ที่ยังมีการอนุรักษ์เก็บรักษา ปราสาท ประตูเมือง และกําแพงเก่าแก่เอาไว้ ปัจจุบันถูกจัดให้เป็นหนึ่งในหมู่บ้าน 18 ที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส โดยได้ฉลองอายุครบ 700 ปี ในปี 2006 และยังได้รับรางวัลชนะเลิศในปี 2006 ในการดูแลรักษาได้ดีที่สุด ตัว บ้านเรือนถูกประดับด้วยดอกไม้ไม่ว่า จะฤดูไหนก็ตามจนได้รับรางวัล “Four Flowers” ระดับยุโรป จนได้รับการ ขนานนามว่า หมู่บ้านดอกไม้ และได้รับรางวัล International Trophy for Landscape และพืชสวน และยัง ได้รับเป็น “หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส” (Les Plus Beaux Village de France)

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
จากนั้นนำท่านสู่เมือง อานซี่ (Annecy) (ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.) เมืองเก่าเล็กๆ น่ารักที่ อยู่ท่ามกลางทะเลสาบ Annecy Lake (ติดอันดับความสวยงามของโลก) และเทือกเขาเอลป์ เป็นเมืองตาก อากาศที่สวยและบรรยากาศดีมากๆ อยุ่ห่างจากเมืองเจนีวาเพียง 35 กิโลเมตร จากนนั้นนำท่านชมเมืองเก่า
…นำท่านถ่ายรูปกับ Palais de L’Isle เป็นมุมกลางน้ำ ตั้งโดดเด่นอยู่ในคลอง เคยเป็นที่อาศัยของ ตระกูล เดล ลิส์ล สร้างในศตวรรษที่ 12 แต่อีก 200 ปีกลายสภาพเป็นศาล จากนั้นก็เป็นคุก แล้วมาเป็นโรงกษาปณ์ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นที่ทำการของรัฐในศตวรรษที่ 15 แล้ว กลับมาเป็นคุกใหม่อีกครั้งในช่วงปฏิวัต ฝรั่งเศส จนถึงปี 1986 ทางการฝรั่งเศสได้เข้าบูรณะใหม่ ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงนิทรรศการ ประวัติศาสตร์ของ เมืองอ้าน ซี และซาวัว และปัจจุบันมุมของอาคารแห่งนี้ก็ยังใช้เป็นสัญญาลักษณ์ ของเมืองด้วย ถือเป็นอีกหนึ่ง สัญลักษณ์ที่ถูกถ่ายไว้มากที่สุดในฝรั่งเศส อิสระให้ท่านเดินเล่นในตัวเมือง ริมทะเลสาบ หรือเลือกซื้อของที่ ระลึกสินค้าพื้นเมือง ตามอัธยาศัย หรือ เลือกจิบกาแฟ นั่งชมบรรยากาศ โรแมนติคสุดๆ
จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมือง ชาโมนิกซ์ (CHAMONIX) (ระยะทางประมาณ 95 กิโลเมตร ใช้เวลา 1.15 ชม.) เมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงของประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองที่นักเล่นสกีและนักปีนเขานิยมมาเล่นสกีหรือปีน เขาที่แห่งนี้โดยมียอดเขามองบลังค์ (MONT BLANC) เป็นจุดหมายปลายทาง

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก MERCURE HOTEL CHAMONIX CENTRE หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่สาม เคเบิ้ลไฟฟ้า AIGUILLEDU MIDI ชมวิวมองบลังค์ – เกรอนอบ
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านนั่งเคเบิ้ลไฟฟ้าขึ้นสู่สถานี ไอกุย ดู มิดิ (Aiguille du Midi) ด้วยความสูงระดับ 3,842 เมตร เป็นกระเช้าที่สูงที่สุดในโลก ถูกสร้างขึ้นเมือปี คศ 1955 ใช้เวลาประมาณ 45 นาที จากสถานีนี้ท่านสามารถ มองเห็นยอด เขา ยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป (สูงกว่าจุงฟราวน์) และสูงเป็นอันดับที่ 11 ของโลก ที่มีความสูง 4,807 เมตร

อิสระให้ท่านชมวิวหรือทำกิจกรรมต่างๆ ตามอัธยาศัย
…จากนั้นได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่ด้านล่างเมืองชาโมนิกซ์
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
นำท่านชมเมืองชาโมนิกส์ ที่ล้อมรอบด้วยขุนเขาสูง อิสระให้ท่านเพลิดเพลินเดินเล่น ชมเมือง ชาโมนิกซ์ ที่เป็น เมืองตากอากาศสีสันสดใส และมีการตกแต่งบ้านเรือนไว้อย่างสวยงาม ให้ท่านเดินเล่นช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองของ ฝากของที่ระลึกมากมายกับบรรยากาศโอบล้อมไปด้วยภูเขาสูง หากอากาศดี ๆ ท่านสามารถมองเห็น ยอดเขา
มองบลัง ที่สูงถึง 4,807 เมตร สูงสุดในยุโรป และ อันดับที่ 11 ของโลก
อิสระให้ท่านชมเมืองหรือช้อปปิ้ง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง เกรอนอบ (Grenoble) (ระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม.) เมือง ศูนย์กลางของเฟรนช์แอลป์ เป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่มีชื่อ และเป็นแหล่งเล่นสกีที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีก และเคยได้ เป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1968 อีกด้วย ผ่านชมสถานที่สำคัญๆของเมือง เช่น อาคารรัฐสภาของ เมือง ฯลฯ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมืองของโรงแรมที่พัก
ที่พัก PARK HÔTEL GRENOBLE – MGALLERY หรือระดับเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
หมายเหตุ : โรงแรมมีจำกัดหากเต็ม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์พักเมืองข้างเคียง
วันที่สี่ เกรอนอบ – ปงดูการ์ – อาวิญง – PALAIS DES PAPES
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
…จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สะพานส่งน้ำโรมัน ปงดูการ์ (PONT DU GARD) (ระยะทางประมาณ 230 กิโลเมตร ใช้เวลา 3 ชม.) เป็นสะพานตั้งขวางแม่น้ำการ์ดง ทางตะวันตกของอาวีญงราว 20 กิโลเมตร เป็น สะพานส่งน้ำโบราณในยุคโรมันเก่าแก่กว่า 2,000 ปี สร้างด้วยหินห้อนมหึมาทอดข้ามแม่น้ำการ์ดง (Gardon) เป็น ส่วนหน่งของระบบส่งน้ำจากเมืองนีมส์ด้วยระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร มีความสูง 50 เมตร ยาว 275 ได้รับ การขึ้นทะเบียนมรดกโลก (UNESCO) ปี 1985
อิสระให้ท่านถ่ายรูปกับปงดูการ์จนเป็นที่พอใจ

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
…จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอาวิญง (AVIGNON) (ระยะทาง 25 กิโลเมตร ใช้เวลา 30 นาที) เมืองยุคกลาง ที่พระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 5 แห่งโรม อพยพหนีความวุ่นวายทางการเมืองมาตั้งศูนย์กลางทางศาสนาขึ้นในช่วง ศตวรรษที่ 14 ปัจจุบันมีชื่อเสียงอย่างมากทางด้านศิลปะ และบันเทิงจุดสนใจที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาชมกัน มาก คือ เมืองโบราณที่มีกำแพงล้อมรอบ และช่วงเวลาที่มีผู้คนหลั่งไหลมามากที่สุด คือ ช่วงเดือนกรกฎาคม เนื่องจากเป็นช่วงเวลาแห่งเทศกาลดนตรี และการแสดง ซึ่งมีมากมายหลากหลายชนิด เพราะไม่ได้จำกัดเฉพาะ แค่ดนตรีคลาสสิคเท่านั้น นำท่าน ชมเมืองที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองเก่าในยุคกลางที่ยังคงความงดงาม และ คลาสสิกที่สุดจนได้รับการขนานนามว่า “The Jewels of the Southern Rhone” ปัจจุบันกำแพงเมืองล้อมรอบ วังพระสันตะปาปา และสิ่งก่อสร้างยังคงไว้ซึ่งความสมบูรณ์ในอดีต จึงทำให้เมืองอาวิญงกลายเป็นสถานที่สำคัญ ของแคว้นโปรวองซ์ ดังเดิม
…นำท่านข้าชม พระราชวังของสันตะปาปา (PALAIS DES PAPES) ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค และเคยเป็นที่ประทับขององค์พระสันตะปาปาถึง 10 พระองค์ แม้จะถูกทำลายไปจากการเกิดเพลิงไหม้ใน บางส่วนแต่ก็ได้รับการบูรณะ และกลับเป็นเหมือนดังเดิม ให้ท่านถ่ายรูปกับสะพานเซนต์เบเนเซ่ (Pont Saint- Bénézet) หรือสะพานแห่งเมืองอาวิญง (Pont d’Avignon) สะพานคอนกรีตโบราณขาดเหลือไม่ถึงครึ่ง ที่ใช้ใน การข้ามแม่น้ำโรนน์ ปัจจุบันกลายเป็นเครื่องหมายการแบ่งแยกดินแดนของฝรั่งเศสกับคริสตจักรที่ไม่ราบรื่น เป็น สะพานที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากบทเพลง (ซูริ เลอ ปองต์ ดาวิญง) ที่โดดเด่นสะดุดตามากที่สุด

…นำท่านเดินเล่นชมเมืองอาวิญง เมืองที่คงอนุรักษ์ศิลปะในยุคกลางไว้ได้อย่างดี ให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้า พื้นเมืองหรือเลือกนั่งดื่มกาแฟ ชมบรรยากาศของเมืองตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
ที่พัก GRAND HOTEL AVIGNON หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
หมายเหตุ : โรงแรมมีจำกัดหากเต็ม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์พักเมืองข้างเคียง
วันที่ห้า อาวิญง – Abbaye de Sénanque – หมู่บ้านกอร์ด – บอนนิเยอ – Wine Tasting – อาวิญง
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ แอ๊บบี้เดอซีนอคค์ (Abbaye de Sénanque) (ระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร ใช้ เวลา 45 นาที ) ให้ท่านแวะถ่ายรูปด้านนอกกับ สำนักสงฆ์เก่าที่ได้รับการก่อสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่12

…จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านกอร์ด (Gordes) (ระยะทาง 10 กิโลเมตร ใช้เวลา 15 นาที ) เมืองเก่าแก่ที่ มากด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ลักษณะเมืองจะสร้างจากยอดเขา และปลูก ลดหลั่นกันมาตามไหล่เขามีบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและบรรยากาศแบบชนบทดั้งเดิมของโพรวองซ์ รอบนอกของหมู่บ้าน นี้เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านหิน 6,000 ปี (Le village des Bories) หมู่บ้านหินเก่าแก่ที่สร้างด้วย การน่าหินมาวางเรียงรายโดยไม่ได้ใช้วัสดุเชื่อมใดๆความสวยงามและความเป็นเอกลักษณ์ทำให้ได้รับคัดเลือกให้ เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส(Les Plus Beaux Village de France)

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
จากนั้นนำท่านออกเดินทางต่อสู่ เมือง บอนนิเยอ (Bonnieux) (ระยะทาง 18 กิโลเมตร ใช้เวลา 25 นาที ) หนึ่ง ในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส (Les Plus Beaux Village de France) เป็นหนึ่งใน “หมู่บ้านบนเนินเขา” อัน เก่าแก่ สร้างขึ้นบนที่ราบสูง ซึ่งท่านจะสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของหุบเขาเบื้องล่าง
…นำท่านเดินทางสู่ Château la Canorgue เพื่อชิมไวน์คุณภาพดี (Wine Tasting) โดยตั้งอยู่ที่ใจกลางอุทยาน ธรรมชาติประจำภูมิภาค Luberonในปี 1970 Jean-Pierre Marganผู้บุกเบิกด้านเกษตรอินทรีย์เริ่มต้นการดูแล ไร่องุ่นและเริ่มผลิตไวน์คุณภาพสูงที่มีลักษณะเฉพาะตัว ถือเป็นกิจการของครอบครัวมากว่ากว่า 200ปี

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองอาวีญง (ระยะทาง 49 กิโลเมตร ใช้เวลา 45 นาที )
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก GRAND HOTEL AVIGNON หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่หก อาวีญง – ชมสวนลาเวนเดอร์ – เอ็กซ์ ออง โพรวองส์ – มาร์กเซย
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
…จากนั้นนำท่านเดินทางสู่แหล่งปลูกลาเวนเดอร์ (LAVENDER FIELD) โดยในเขตโพรวองซ์ เป็นแหล่งปลูกที่ ใหญ่ที่สุดของประเทศฝรั่งเศส เป็นพื้นที่ในการจัดนิเทศกาลลาเวนเดอร์ทุกปี ให้ท่านชมทุ่งลาเวนเดอร์ที่กว้าง ใหญ่สุดลูกหูลูกตา ให้ท่านเก็บภาพความประทับใจอย่างเต็มอิ่ม หรือเลือกซื้อของฝากที่แปรรูปมาจากลาเวน เดอร์

จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองเอ็กซ์ ออง โพรวองส์ (AIX EN PROVENCE) (ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. ) เมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีความสวยงามที่สุดเมืองหนึ่งของฝรั่งเศส

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
นำท่านเดินทางสู่เมืองมาร์กเซย (Marseille) (ระยะทางประมาณ 38 กิโลเมตร ใช้เวลา 40 นาที) เป็นเมืองท่าที่ สำคัญของประเทศฝรั่งเศส อาหารทะเลสด มีความสวยงามของธรรมชาติและสถาปัตยกรรม

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
ที่พัก NH COLLECTION MARSEILLE HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่เจ็ด มาร์กเซย – คานส์ – นีซ
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าชม มหาวิหารนอเทรอดาม เดอ ลา การ์ด (The Church of Notre-Dame de la Garde) ว่ากันว่า มหาวิหารแห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์เรื่องการขอพร และถ้าอยากให้สัมฤทธิ์ผลโดยง่าย ชาวเมืองเชื่อกันว่า การเดินเท้าขึ้นไป สักการะจะขลังกว่า (น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 45 นาที) เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในมหาวิหาร ทั้งสองฝั่งของโถงกลาง จะ เต็มไปด้วยป้ายหินสลักชื่อพร้อมคำขอบคุณ บางคนนำสิ่งของมาสักการะแทน เราจึงจะได้เห็นภาพเขียนเก่าแก่ ของตกแต่งอย่างเรือไม้แกะสลัก รวมทั้งของมีค่าต่างๆ ประดับอยู่ทั่ว มหาวิหารนอเทรอดาม เดอ ลา การ์ด เป็น สถาปัตยกรรมแบบนีโอไบเซนไทน์ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 บนยอดโดมมีรูปปั้นพระแม่มารีและพระบุตร สร้าง ขึ้นจากทองแดงและทองคำเปลว ภายในสวยงามเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเพดานที่เต็มไปด้วยลวดลายสุดวิจิตร บรรจง ข้อสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยว นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จึงควรใช้เวลาอย่างเงียบสงบเพื่อแสดงความเคารพ วิวระดับ to die for 360 องศา มองเห็นได้รอบเมืองมาร์กเซยจากบริเวณมหาวิหารนอเทรอดาม เดอ ลา การ์ด คือที่สุดของหัวใจ เราจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของเมืองที่ไม่ได้มีตึกสูงแบบเมืองทันสมัย แต่เต็มไปด้วยบ้านเรือน หลังคากระเบื้องสีคุมโทนไปจนสุดลูกหูลูกตา

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองคานส์ (CANNES) (ระยะทางประมาณ 190 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม. 20 นาที ) เมืองชายทะเลเล็กๆที่มีอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี และเป็นเมืองที่ใช้สถานที่ในการประกวดภาพยนตร์นานาชาติที่ โด่งดังไปทั่วโลก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
อิสระให้ท่านได้เก็บภาพกับ PALAIS DES FESTIVALS ที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานประกวดภาพยนตร์ และ ศูนย์ ประชุมนานาชาติ โดยรอบอาคารจะมีรอยฝ่ามือของบรรดาเหล่าศิลปินที่มีชื่อเสียงจากฮอลลีวู้ดมาประทับเอาไว้บน พื้นซีเมนต์ ผ่านชมวิวทิวทัศน์ของเมืองบริเวณถนนลา กรัว เซต ย่านเดินเที่ยวริมทะเลที่ทันสมัยที่สุดในโลก เรียง รายไปด้วยทิวแถวของต้นปาล์ม ร้านบูติก และร้านค้ามีระดับ
…จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองนีซ (NICE) (ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้เวลา 50 นาที )เมืองพักตาก อากาศทางที่เรียกว่า เฟรนช์ริเวียร่า มีชายทะเลที่สวยงาม ซึ่งเริ่มกลายเป็นสถานตากอากาศยอดนิยมของคน อังกฤษ และ ชาวยุโรปมาตั้งแต่สมัยวิคทอเรีย ซึ่งส่วนใหญ่จะเดินทางมานีส เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ชายหาด ของ นีซไม่ใช่หาดทราย แต่จะเป็นหินก้อนเล็กๆที่ไม่คม ซึ่งคือเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองนีส
…นำท่านชมเมืองนีซ เมืองซึ่งอุดมไปด้วยสถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมชั้นเยี่ยม ซากปรักหักพัง พิพิธภัณฑ์ ร้านเสื้อผ้า ตลาดกลางแจ้ง ภัตตาคาร อันเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชม ถ่ายภาพกับโบสถ์นอร์ทเทรอ ดามของเมืองนีซ (BASILQUE NOTRE-DAME DE NICE) เป็นโบสถ์ที่ได้รับการออกแบบสไตล์โกธิคอย่าง ชัดเจน เคยถูกสร้างขึ้นใหม่จากโครงสร้างเดิมในปี ค.ศ. 1868 ออกแบบโดยสถาปนิก C. Lenormandเป็นโบสถ์ ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองและเป็นอาคารทางศาสนาแห่งแรกที่มีความทันสมัย ตั้งโดดเด่นสง่างามกลางถนนสายหลัก ในเมือง จากนั้นนำท่าน ช้อปปิ้งบริเวณจัตุรัสมาสเซนา (Place Massena) บริเวณที่เป็นจุดคมนาคมที่สำคัญแห่ง หนึ่ง ที่เต็มไปด้วยร้านแฟชั่น และน้ำหอม อันเป็นที่ตั้งของห้างชื่อดัง Nice Etoile และ Galeries Lafayette …อิสระทุกท่านเดินเล่นช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก LE MERIDIEN HOTEL NICE หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่แปด นีซ– เอเซ่ – โมนาโก – มองเต คาร์โล – มองตอง – เจนัว (อิตาลี)
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านเอเซ่ (EZE VILLAGE) (ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร ใช้เวลา 20 นาที ) หมู่บ้านโบราณแห่งนี้ มีประวัติศาสตร์มายาวนาน มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 และ มีทัศนียภาพที่งดงามโอบล้อมไป ด้วยทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ที่ต้องบอกกันปากต่อปาก เดินทางถึง หมู่บ้านเอเซ่ หมู่บ้านที่แสนจะน่ารัก อบอุ่น คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวหลากหลายชาติ เป็นหมู่บ้านเล็กๆกะทัดรัดแต่แฝงด้วย เสน่ห์ในแบบของตัวเอง ที่ท่านไม่ควรพลาดมาเยือน หากได้มาเยือนแถบนี้ อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองตาม อัธยาศัย

จากนั้นนำท่านทางสู่ โมนาโค (Monaco) (ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลา 10 นาที )ที่ตั้งอยู่ท่ามกลาง ท้องทะเลอันงดงาม ผ่านชมมหาวิหารเซนต์นิโคลัส ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ 1875 ที่เคยใช้จัดงานพระราชพิธี อภิเษกสมรสของเจ้าหญิงเกรซ เคลลี ราชธิดาแห่งโมนาโค

นำท่าน ถ่ายภาพกับปาเล เดอ แปรงซ์ (PALAIS DE PRINCES) ปราสาทที่ประทับของเจ้าชายแห่งรัฐ
…จากนั้นอิสระให้ท่านชมวิวทิวทัศน์ที่ขนาบด้วยท่า จอดเรือยอร์ชอันหรูหราซึ่งแสดงถึงความมั่งคั่ง และร่ำรวย ของดินแดนแห่งนี้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
…จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมองเต คาร์โล (MONTE CARLO) เมืองใหม่ที่ตั้งอยู่ทางตอนปลายของฝรั่งเศส …นําท่านถ่ายภาพกับความหรูหราของคาสิโนแห่งมองเต คาร์โล ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญของเมือง

…จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง มองตอง (MONTON) (ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ใช้เวลา 20 นาที ) เมือง ที่ได้รับการขนานนามว่า Pearl of France หรือ ไข่มุกแห่งฝรั่งเศส และได้รับการยอมว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุด ของริเวียร่าฝรั่งเศส เมืองมองตอง เป็นเมืองพรมแดนฝรั่งเศส อิตาลี ซึ่งครั้งหนึงเคยเป็นของอิตาลี โดยเมืองมอง ตองถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 11 จากการตั้งถิ่นฐานของชาวอิตาลี แต่ต่อมากลายเป็นของฝรั่งเศส ในช่วงนโปเลียนที่3 เมืองมองตองเป็นเมืองที่มีอากาศดีจึงเป็นแหล่งปลูกมะนาวที่สำคัญของฝรั่งเศส และทุกๆปี จะมีการจัดงานเกี่ยวกับมะนาว ถือเป็นงานที่สำคัญของเมืองแห่งนี้ นำท่านถ่ายรูปบริเวณชายหาด และท่าเรือจุด จอดเรือยอช ซึ่งเป็นจุดที่ท่านสามารถเก็บภาพบรรยากาศของเมืองเมืองได้ทั้งหมด จนได้เวลาสมควร

…จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมืองเจนัว (GENOA) (ระยะทางประมาณ 170 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม. )หนึ่งในเมือง ใหญ่ของอิตาลี ทั้งยังเป็นรัฐอิสระที่ตั้งอยู่ที่ลิกูเรีย ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของฝั่งทะเลอิตาลีที่มีความรุ่งเรือง มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 และด้วยสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสมต่อการเดินเรือนี่เอง จึงส่งผลให้เมืองเจนัว กลายเป็นเมืองท่าที่สําคัญริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางฝั่งตะวันตกของอิตาลี
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก THE BRISTOL HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่เก้า เจนัว – ลา สเปเซีย – หมู่บ้านชิงเกว่ แตร์เร – เจนัว
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ลา สเปเซีย (La Spezia ) (ระยะทาง 100 กม. ใช้เวลา 1 ชม. 30 นาที) เมืองท่าที่ เป็นประตูสู่ 5 หมู่บ้านริมทะเลที่สวยที่สุดในโลก หมู่บ้าน MANAROLA จากนั้นนำท่าน นั่งรถไฟสู่หมู่บ้านชิง เกว่ แตร์เร (CINQUE TERRE) หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่บน ชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี CINQUE TERRE มี ความหมายว่า ห้าดินแดน(FIVE LANDS) ประกอบด้วยหมู่บ้าน 5 แห่งได้แก่ VERNAZZA,MANAROL, RIOMAGGIORE , CORNIGLIA. MONTEROSSO AL MARE โดยทั้งห้าหมู่บ้านนี้มีหุบเขาล้อมรอบ ประกอบกันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฯ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ด้วย (UNESCO) เรานำท่านชมหมู่บ้านเพียงบางส่วน เช่น หมู่บ้าน RIOMAGGIORE , หมู่บ้าน VERNAZZA , หมู่บ้าน MANAROLA

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
…ช่วงเย็น ๆ นำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมพัก อิสระให้ทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมืองโรงแรมที่
ที่พัก THE BRISTOL HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันที่สิบ เจนัว – Serravalle Designer Outlet – มิลาน
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ Serravalle Designer Outlet (ระยะทาง 55 กิโลเมตร ใช้เวลา 50 นาที) เต็มไปด้วย ร้านค้าใน Serravalle มีทั้งหมดกว่า 180 ร้าน สินค้าแฟชั่นแบรนด์อิตาลีและแบรนด์เนมระดับโลกอื่นๆ เช่น Gucci, Burberry, Prada,Benetton, Armani, Nike, Adidas, Michael Kors, Calvin Klein เป็นต้น อีก ทั้งยังมีร้านอาหาร และคาเฟ่หลากหลายให้เลือกใช้บริการอีกด้วย

กลางวัน อิสระรับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัย (คืนเงินให้ท่านละ 30 ยูโร)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง มิลาน (MILAN) ( ระยะทาง 96 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 30 นาที) เมืองสำคัญใน ภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ในแคว้นที่ราบลอมบาร์ดีเป็น เมืองที่มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิ ลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และ โรม

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ลานจตุรัสบริเวณ มหาวิหารแห่งมิลานหรือมิลานดูโอโม (DUOMO) สัญลักษณ์ที่โดด เด่นที่สุดของเมืองซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร สร้างขึ้นด้วย หินอ่อนสีขาวในศิลปะแบบโกธิคใช้เวลาสร้างนานกว่า 500 ปีปัจจุบันเป็นโบสถ์แคธอล์ลิกที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกและเป็นมหาวิหารใหญ่อันดับ 4 ของโลก สูง 157 เมตรกว้าง 92 เมตรเริ่มสร้างในปีค.ศ. 1386 ใช้เวลาก่อสร้าง นานถึง 500 ปีชมความงดงามยอดปราสาทที่มี ปลายยอดแหลมกว่า 135 ยอด อิสระให้ทุกท่านช้อปปิ้งเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
…นำท่านเดินทางสู่ สนามบิน เพื่อเดินทางสู่ ประเทศไทย
22.20 น. ออกเดินทางสู่ ประเทศไทย โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK092 / EK372
วันที่สิบเอ็ด ดูไบ – สนามบินสุวรรณภูมิ – กรุงเทพฯ
*** แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินดูไบ 06.25-09.40 ***
19.15 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ

ทัวร์ยุโรป