319398

ทัวร์อินเดีย Premium Leh Ladakh (ทัวร์พรีเมียม เลห์-ลาดัก) 9 วัน 7 คืน (TG)

ราคาเริ่มต้น 89,900 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

สายการบิน: tg

HIGHTLIGHT…

  • พักโรงแรม 4-5 ดาว
  • อาหารดี หลากหลาย
  • บินภายใน 2 ขา
  • เที่ยวครบสถานที่สำคัญ
  • โปรแกรมไม่แน่น มีเวลาให้ปรับสภาพร่างกาย
วันที่เดินทาง

เมษายน 67 – ตุลาคม 67

ทัวร์อินเดีย

วันที่ 1 กรุงเทพฯ – เดลี
14.55 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตูทางเข้าที่ 3 – 4 แถว D เคาน์เตอร์สายการบิน Thai Airways เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับ
17.55 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเดลี ประเทศอินเดีย โดยสายการบิน Thai Airways เที่ยวบินที่ TG 315 (ใช้เวลาบินประมาณ 4 ชม.) รับประทานอาหารและพักผ่อนบนเครื่องบิน
20.55 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติ อินทิราคานธีร์ ในกรุงเดลี ตามเวลาท้องถิ่น (ช้ากว่าไทยประมาณ 1.30 ชม.) นำท่านผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง และนำท่านเข้าสู่ที่พัก
พักที่ Vivanta Dwarka Hotel มาตรฐาน 5 ดาว หรือเทียบเท่า เดลี
วันที่ 2 เดลี – เลห์
เช้าตรู่ นำท่านเดินทางสู่สนามบิน เพื่อขึ้นเครื่องไปเลห์
06.30 น. ออกเดินทางสู่ เมืองเลห์ โดยสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบินที่ AI 445 (ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชม.)
08.10 น. เดินทางถึงสนามบินเลห์ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ในระดับความสูง 3,505 เมตร จากระดับน้ำทะเล และยังคงมีกลิ่นอายวัฒนธรรมของชาวทิเบตหลงเหลือให้เห็น
นำท่านเดินทางไปยังที่พัก รับประทานอาหารเช้าและพักผ่อน เพื่อปรับสภาพร่างกายให้เข้ากับความเบาบางของอากาศ ในระดับความสูงของเมืองเลห์ พักผ่อนดื่มชา กาแฟ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรม
บ่าย นำท่านชม Shanti Stupa (Gompa) ซึ่งเป็นเจดีย์สันติภาพ สร้างโดยพระลามะชาวญี่ปุ่น เป็นจุดชมวิวที่สามารถเห็นตัวเมืองเลห์ และพระราชวังเลห์ได้อย่างชัดเจน

จากนั้น นำท่านชม พระราชวังเลห์ (Leh Palace) ซึ่งถูกสร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่ 17 เป็นพระราชวัง ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นกลางเมืองเลห์ ขนาดความสูง 9 ชั้น ถูกสร้างในปี ค.ศ.1630 มีลักษณะรูปแบบสถาปัตยกรรมใกล้เคียงกับพระราชวังโปตาลาในทิเบต คือมีผนังเอียงเข้าหากันทุกด้าน เดินชมความงดงามเมืองเลห์ ชมร้านค้าต่างๆ และผู้คนท้องถิ่นที่ ตลาดพื้นเมืองเลห์
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร/โรงแรม
พักที่ The Grand Dragon Hotel (ระดับมาตรฐาน 4 ดาว)หรือเทียบเท่า เลห์
วันที่ 3 เลห์ – อูเล – ลามายูรู – เลห์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอูเล (ULE) ระยะทาง 70 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ระหว่างแวะชม วัดลิคีร์ (Likir Monastery) วัดนี้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเลห์ อ อกมาทางทิ ศตะวันตกประมาณ 53 กิโลเมตร ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1065 โดยพระลามะ Duwang Chosje และถูกบูรณะในศตวรรษที่ 18 มีการตกแต่งด้วยศิลปกรรมของชาวทิเบต อายุมากกว่า 300 ปี
จากนั้น ชม วัดอัลชิ (Alchi Monastery) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงขนาดใหญ่ ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 ในบริเวณประกอบไปด้วยอาคารต่างๆ เช่นหอประชุม วิหารต่างๆ รูปปั้นและไม้แกะสลักต่างๆ มีตำนานว่านำมาจากแคชเมียร์เมื่อศตวรรษที่ 11
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองลามายูรู (LAMAYURU) ระหว่างทางแวะชม Magnetic Hill เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติสร้างขึ้นมาได้แปลก และสวยอลังการมาก เป็นถนนวิ่งเข้าไปสู่ภูเขา ถ้าจอดรถเอาไว้ตรงจุดที่เค้ากำหนดไว้แล้วดับเครื่องยนต์ จะเห็นเหมื อนว่า รถจะไหลขึ้นภูเขาได้เอง ซึ่งจริงๆมันเป็นภาพลวงตา ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นทางลงเขา แต่มุมมองทำให้เห็นเหมือนกับขึ้นภูเขา จากนั้นแวะให้ท่านถ่ายรูปกับ Sangam Viewpoint จุดชมวิวหลักล้าน เป็นจุดที่แม่น้ำสองสายคือแม่น้ำซันสการ์และแม่น้ำสินธุมาบรรจบกัน ซึ่งสีของแม่น้ำทั้งสองสาย นั้นแตกต่างกันทำให้เห็นจุดที่มาบรรจบกัน สวยงามและแปลกตา จากนั้นนำท่านชม วัดลามายูรู (Lamayuru Monastery) ซึ่งอยู่ห่างจากเลห์ 125 ก.ม. ถูกสร้างโดยหินทราย วัดนี้เป็นของนิกาย Drigungpa อดีตเคยอยู่ในความดูแลของ Kadampa โรงเรียนของพุทธศาสนาแบบทิเบต ก่อนที่จะถูกนิกาย Drigungpa เข้ายึดครองหลังจากนั้น แวะชมความงามของ Basgo Palace อยู่ทางทิศตะวันตกของเลห์ ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางกลับสู่เมืองเลห์ โดยเส้นทางเดิม
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร/โรงแรม
พักที่ The Grand Dragon Hotel (ระดับมาตรฐาน 4 ดาว) หรือเทียบเท่า เลห์
วันที่ 4 เลห์-ทะเลสาบแปงกอง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบแปงกอง ระดับความสูง 4,350 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ระยะทาง 320 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง โดยผ่านเส้นทาง Changla Pass ซึ่งเป็นเส้นทางที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน แบบปิคนิค
ชมความงามของ ทะเลสาบแปงกอง (Pangong Lake) ซึ่งมีความยาวถึง 40 ไมล์ และกว้าง 2-4 เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่สูงสุดในโลกคือ มีความสูงถึง 14,256 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ชมความงามของทะเลสาบที่มีภูเขาสูงเป็นฉากหลัง ทางการเพิ่งเปิดให้ นักท่องเที่ยวเข้าชมเมื่อไม่นานมานี้ น้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีสีสันที่งดงามมาก โดยเฉพาะในช่วงเย็นน้ำจะมีสีน้ำเงินเข้ม ส่วนในช่วงเช้าจะมีสีที่อ่อนกว่า และพื้นที่ 75% ของทะเลสาบอยู่ในดินแดนทิเบต อีก 25% อยู่ในเขตของประเทศอินเดีย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร/โรงแรม
พักที่ Pangong Retreat หรือเทียบเท่า แปงกอง
วันที่ 5 ทะเลแปงกอง – เมืองเชย์ – เลห์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเชย์ (SHEY) ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของลาดัคห์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเลห์ไปทางทิศใต้ประมาณ 15 ก.ม. อยู่ห่างออกไปทางใต้ของเลห์

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
ชม วัดเฮมิส (Hemis Monastery) ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของลาดัคห์ เป็นวัดของนิกาย Dukpa ของพุทธศาสนาแบบทิเบต
จากนั้น นำท่านเยี่ยมชม วัดธิคเซย์ (Thiksey Monastery) ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางตอนใต้ของเลห์ ซึ่งถือว่าเป็นวัดที่สวยที่สุดของลาดัคห์ ซึ่งเป็นวัดของนิกายเกลุคปา (Gelukspa) ภายในวัดมีรูปปั้นของพระศรีอารยะเมตไตรย์ ซึ่งชาวพุทธสายมหายาน เชื่อว่าเป็นพระโพธิสัตว์องค์ต่อไป ที่จะคอยช่วยเหลือมนุษย์

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร/โรงแรม
พักที่ The Grand Dragon Hotel (ระดับมาตรฐาน 4 ดาว) หรือเทียบเท่า เลห์

วันที่ 6 เลห์ – นูบรา วัลเลย์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ หุบเขานูบรา ใช้เวลาเดินทาง 5- 6 ชั่วโมง ระหว่างทางสัมผัสความยิ่งใหญ่ของเทือกเขาคาราโครัมและเทือกเขาหิมาลัยที่โอบล้อมเมืองลาดัก ชมเส้นทางรถยนต์ที่สูงที่สุดในโลก Khardungla Pass สูง 5,602 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จากจุดนี้เราสามารถมองเห็นเทือกเขาคาราโครัมในประเทศปากีสถานได้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้น นำท่านสนุกสนานกับการขี่อูฐ ที่ทะเลทรายบนเทือกเขาหิมาลัย (ไม่รวมอยู่ในค่าบริการ ราคาประมาณ USD 7 ต่อท่าน) นูบรา วัลเล่ย์ อยู่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณสองพันกว่าเมตร
จากนั้น ชมวัดดิสกิต ตั้งอยู่บนเนินเขาเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม วัดดิสกิต เป็นวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในหุบเขานูบรา ภายในประดิษฐานพระศรีอาริยเมตไตยขนาดใหญ่มาก เดินทางถึงเมืองเลห์
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร/โรงแรม
พักที่ Stone Hedge Hotel หรือเทียบเท่า นูบรา
วันที่ 7 นูบรา วัลเลย์ – เลห์ – พระราชวังเชย์ – พิพิธภัณฑ์สตอคพาเลส -เลห์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองเลห์
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชม พระราชวังเชย์ (Shey Palace) ซึ่งถูกสร้างขึ้นราวๆ ต้นศตวรรษที่ 17 สร้างโดยกษัตริย์ Deldan Namgyal เพื่อเป็นการระลึกถึงผู้เป็นพระบิดา Singay Namgyal กำแพงพระราชวังถูกฉาบด้วยทองคำผสมทองแดง ก่อสร้างเพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อน ของกษัตริย์แห่งลาดัคห์ ภายในมีรูปปั้นของพระศากยมุณี ที่ ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้
ได้เวลาสมควร นำท่านเดินสู่ที่พัก
จากนั้น ชม พิพิธภัณฑ์สตอคพาเลส (Stok Palace) ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของราชวงศ์ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1825 ปัจจุบันยังเป็นที่เก็บสะสมของใช้ เครื่องแต่งกายของราชวงศ์ มงกุฎของกษัตริย์ ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร/โรงแรม
พักที่ Royal Palace Hotel (ระดับมาตรฐาน 4 ดาวพื้นเมือง) หรือเทียบเท่า เลห์

วันที่ 8 เลห์ – เดลี – กรุงเทพฯ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้น นำท่านเดินทางไปสนามบิน เพื่อขึ้นเครื่องกลับเดลี
บริการอาหารกลางวันท่านด้วยอาหารแบบ Lunch Box
12.00 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเดลี โดยสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบินที่ AI 446
13.35 น. เดินทางถึง กรุงเดลี
นำท่านชม เมืองเดลีใหม่ (NEW DELHI) ที่มีความใหม่ตามวัฒนธรรมอังกฤษ เมืองหลวงของประเทศอินเดีย ชมศิลปะการก่อสร้างเมืองที่อังกฤษ ได้สร้างและมีการวางผังเมืองที่ทันสมัย และสวยงามตามวัฒนธรรมของอังกฤษ และติดอับดับหนึ่งในนครหลวงของโลก
ผ่านชม ตึกที่ทำการของคณะรัฐบาล ราษฎร์ปติภวัน (Rashtrapati Bhavan) หรือทำเนียบประธานาธิบดีของอินเดีย ตั้งอยู่ ที่ต้นถนน Rajpath ชม ประตูชัยอินเดีย หรือ “India Gate” อันสูงใหญ่สง่างาม คล้ายประตูชัยในปารีส “India Gate” หรือประตูเมืองอินเดีย เป็นสิ่งก่อสร้างมีลักษณะคล้ายคลึง L’ Arc de Triomphe ของฝรั่งเศส มีความมุ่งหมายให้เป็นอนุสรณ์แก่ทหารที่พลีชีวิตในสงครามครั้งสำคัญๆของอินเดีย
นำท่านชม กุตับ มีนาร์ (Gutab Minar) ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเดลี หอสูงกุตุป มีนาร์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1193 โดยสุลต่านองค์แรกของอินเดีย ทรงสร้างขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะของชาวมุสลิมบนแผ่นดินอินเดีย กุตับ มีนาร์หรือเดิมชื่อ ปฤถวีสตัมภ์ (ปฤถวี-ชื่อของ กษัตริย์ ฮินดู, สตัมภ์-เสา) เป็นลักษณะถาวรวัตถุที่มีความงดงามได้สัดส่วน ภายนอกเป็นหินทรายแดง สร้างเป็นลูกฟูกขึ้นไปอย่างเกลี้ยงเ กลา ซึ่งได้มีการสร้างต่อขึ้นไปหลายทอด หลายยุคสมัย แต่ละลูกฟูกจารึกเป็นอักษรอารบิก จากบทสวดในพระคัมภีร์อัลกุรอาน

เดิมพระเจ้าปฤถวีราช กษัตริย์ฮินดูทรงสร้างหอไว้สูงเพียง 95 ฟุต เพื่อให้พระธิดาขึ้นไปดูแม่น้ำยมุนาอันศักดิ์สิทธิ์ ในขณะสวดมนต์ ต่อมากษัตริย์องค์อื่นในราชวงศ์เดียวกันได้สร้างต่ออีกสองครั้ง กษัตริย์ฟิโรซ ซาห์ แห่งราชวงศ์ตุกลัข ได้เสริมต่อจนเป็นรูปอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นศิลปกรรมแบบมุสลิมผสมฮินดูที่หาดูได้ยาก
หลังจากนั้น นำท่านช้อปปิ้งที่ ตลาดจันพาธ ซื้อของฝากคนน่ารักที่บ้าน

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
จากนั้น นำท่านไปสนามบิน เพื่อตรวจเอกสารการเดินทาง
23.30 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Thai Airways เที่ยวบินที่ TG316
วันที่ 9 กรุงเทพฯ
05.25 น. เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ/กรุงเทพฯ โดยสวัสดิ์ภาพ

ทัวร์อินเดีย