JAP-XJ-P002

ทัวร์ญี่ปุ่น SONGKRAN KANSAI SHITTORI ช้อปปิ้งจุใจ นั่งกระเช้าชมวิว ไหว้พระขอพร 5D3N (XJ)

ราคาเริ่มต้น 58,900 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

สายการบิน:

นำท่านเดินทางสู่ “วัดคิโยมิสึ” (Kiyomizu-dera) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “วัดน้ำใส” นับเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามชวนตะลึงจนยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ขึ้นเป็นมรดกโลก (UNESCO world heritage sites) ซึ่งที่มาของชื่อวัดน้ำใสก็มาจากการที่วัดแห่งนี้นั้นได้ถูก สร้างขึ้นปี ค.ศ. 780 แล้วได้มีน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ไหลผ่านตัววัด จุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์การท่องเที่ยวของที่นี่จะเป็นอาคารไม้ขนาดใหญ่ที่แค่การสร้างก็น่าทึ่งแล้ว เพราะการสร้างทั้งหมดนี้ไม่มีการใช้ตะปูใด ๆ ทั้งสิ้น ถือว่าเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณที่สุดยอดเลยจริง ๆ เสาของอาคารมีความสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน และโถงอาคารถูกสร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นเมืองเกียวโตในฤดู … นำท่านกราบขอพรพระเพื่อความเป็นสิริมงคลในวิหารและเชิญท่านดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ “น้ำ 3 สาย” ที่เชื่อกันว่าถ้าดื่มแล้วจะเกิดความเป็นสิริมงคลในด้าน ความร่ำรวย ความมีชื่อเสียง และมีสุขภาพดี อิสระให้ท่านได้บันทึกภาพความงามของทิวทัศน์ตามอัธยาศัย

วันที่เดินทาง

12-16 เม.ย. 67

เดินทางโดยสายการบิน AIR ASIA X
XJ 612 BANGKOK – KANSAI 00.55 – 08.40
XJ 613 KANSAI – BANGKOK 09.50 – 13.50

กำหนดการเดินทาง ราคา
12 – 16 เมษายน 2567 (วันสงกรานต์) 58,900. – บาท

วันที่ กำหนดการเดินทาง เช้า เที่ยง ค่ำ โรงแรม
1 สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพ ฯ ✈
2 สนามบินคันไซ (00.55 – 08.40) – วัดคิโยมิสึ – ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ – ศาลเจ้าเฮย์อัน – ช้อปปิ้ง SHIKIDO – ย่านกิออน – HOTEL VISCHIO KYOTO OR SIMILAR
3 เกียวโต – นั่งกระเช้าชมวิวอามาโนะฮาชิดาเตะ – ล่องเรือหมู่บ้านอิเนะ – ช้อปปิ้ง LALAPORT EXPOCITY SARASA HOTEL SHINSAIBASHI
OR SIMILAR
4 ตลาดคุโรมง – ศาลเจ้านัมบะ – ช้อปปิ้งชินไซบาชิ – จุดชมวิวอาเบะโนะ ฮารุกัส SARASA HOTEL SHINSAIBASHI
OR SIMILAR
5 สนามบินคันไซ – สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ (09.50 – 13.50)
✈ – –
กรุณาเตรียมค่าทิปคนขับรถและมัคคุเทศก์ (ไกด์) จำนวน 1,500 บาท/ท่าน
20.00 พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิชั้น 4 ประตู 10 ผู้โดยสารขาออก เพื่อพบไกด์และรับเอกสาร
จะมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน
*** หมายเหตุ : เคาน์เตอร์เช็คอินปิดบริการก่อนเวลาเครื่องออก 60 นาที และไม่มีประกาศเตือนผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ดังนั้นผู้โดยสาร จำเป็นต้องพร้อม ณ ประตูขึ้นเครื่องก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 45 นาที ***

00.55 ออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ โดยสายการบิน AIR ASIA X เที่ยวบิน XJ 612
(มีอาหารและเครื่องดื่มบริการบนเครื่อง)
08.40 ถึง สนามบินคันไซ ประเทศญี่ปุ่น ดินแดนอาทิตย์อุทัย (เวลาท้องถิ่นที่ญี่ปุ่นเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง)
ผ่านพิธีศุลกากรและตรวจคนเข้าเมือง พร้อมตรวจเช็คสัมภาระ

นำท่านเดินทางสู่เมือง “เกียวโต” (Kyoto) เมืองหลวงแห่งที่ 2 ของญี่ปุ่นที่เคยรุ่งโรจน์มากว่า 1,000 ปี เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลกในเรื่องของวัฒนธรรมที่ประณีตและศิลปะแบบญี่ปุ่นอย่างแท้จริง … เพื่อนำท่านเดินทางสู่ “วัดคิโยมิสึ” (Kiyomizu-dera) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “วัดน้ำใส” นับเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามชวนตะลึงจนยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ขึ้นเป็นมรดกโลก (UNESCO world heritage sites) ซึ่งที่มาของชื่อวัดน้ำใสก็มาจากการที่วัดแห่งนี้นั้นได้ถูก สร้างขึ้นปี ค.ศ. 780 แล้วได้มีน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ไหลผ่านตัววัด จุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์การท่องเที่ยวของที่นี่จะเป็นอาคารไม้ขนาดใหญ่ที่แค่การสร้างก็น่าทึ่งแล้ว เพราะการสร้างทั้งหมดนี้ไม่มีการใช้ตะปูใด ๆ ทั้งสิ้น ถือว่าเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณที่สุดยอดเลยจริง ๆ เสาของอาคารมีความสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน และโถงอาคารถูกสร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นเมืองเกียวโตในฤดู … นำท่านกราบขอพรพระเพื่อความเป็นสิริมงคลในวิหารและเชิญท่านดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ “น้ำ 3 สาย” ที่เชื่อกันว่าถ้าดื่มแล้วจะเกิดความเป็นสิริมงคลในด้าน ความร่ำรวย ความมีชื่อเสียง และมีสุขภาพดี อิสระให้ท่านได้บันทึกภาพความงามของทิวทัศน์ตามอัธยาศัย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (1)
หลังอาหารกลางวันนำท่านเดินทางสู่ “ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ” (Fushimi Inari Shrine) หรือที่คนไทยทั้งหลายชอบเรียกกันว่าศาลเจ้าแดงหรือศาลเจ้าจิ้งจอกเป็นศาลเจ้าชินโต เป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เทพเจ้าแห่งข้าวตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น ภายในท่านจะได้ชมรูปปั้นของสุนัขจิ้งจอกมากมายที่เชื่อกันว่าคือผู้รับใช้ของเทพเจ้าแห่งข้าวในสมัยนั้น และศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นที่ขึ้นชื่อของประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธ์ โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่าง ๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย
จากนั้นพาท่านเดินทางสู่ “ศาลเจ้าเฮย์อัน” (Heian Shrine) เป็นศาลเจ้าที่ถูกสร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบปี 1100 ของเมืองเกียวโต โดยเฉพาะจุดไฮไลท์อย่างประตูโทริอิยักษ์สีแดงที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของวัดที่สามารถเห็นแต่ไกลลิบๆ โดยสถาปัตยกรรมของศาลเจ้านี้ค่อนข้างจะโดดเด่นจากศาลเจ้าอื่นๆ ของญี่ปุ่น ตัวอาคารหลักนั้นมีต้นแบบมาจากพระราชวังสมัยยุคเฮอัน เพียงแต่จะมีขนาดที่เล็กกว่าของจริงอยู่เล็กน้อย ส่วนบริเวณสวนที่รายรอบวัดนั้นก็แลดูร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์เน้นการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม ที่เด็ดสุดก็เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่นับเป็นอีกหนึ่งจุดชมซากุระที่โด่งดังของเกียวโตเลยก็ว่าได้
จากนั้นนำท่านสัมผัสประสบการณ์พิเศษ “พิธีชงชาแบบญี่ปุ่น” ให้ท่านได้เรียนรู้วิธีชงชาแบบธรรมเนียมญี่ปุ่น นอกจากนี้ท่านยังสามารถเลือกซื้อชารสชาติต่างๆ กลับไปได้อีกด้วย และยังได้เพลิดเพลินไปกับการช้อปปิ้งสินค้ามากมายที่ “SHIKIDO KYOTO” แหล่งช้อปปลอดภาษีที่รวบรวมสินค้าราคาพิเศษ เช่น สินค้าเพื่อสุขภาพ แบรนด์เนม เครื่องสำอาง ครีมบำรุงต่างๆ เครื่องใช้ไฟฟ้า ขนม ชาเขียว และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วคนญี่ปุ่นนิยมรักษาสุขภาพด้วยการเพิ่มวิตามินให้แก่ร่างกาย จะเห็นได้ว่าวิตามินบำรุงร่างกายในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีมากมายหลากหลายยี่ห้อ ส่วนเครื่องสำอางของประเทศญี่ปุ่นก็ไม่แพ้ที่อื่นๆ เช่นกัน มีแบรนที่ขึ้นชื่อหลากหลายมากมายในญี่ปุ่นให้ทุกท่านได้เลือกซื้อตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “ย่านกิออน” (Gion) ย่านท่องเที่ยวยามราตรีของเมืองเกียวโตที่ไม่ว่าใครได้ลองมาเยือนซักครั้งล้วนแต่ติดใจกันทั้งนั้นที่แห่งนี้เป็นถนนสายเกอิชาอันเลื่องชื่อโดยที่สองข้างทางจะเรียงรายด้วยโรงน้ำชาและร้านอาหารสุดหรูมากมาย นอกจากจะมีแหล่งช้อปปิ้งเด็ด ๆ แล้ว ยังมีการผสมผสานความเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนญี่ปุ่นอย่างเกอิชาไว้ด้วย โดยอาจจะเห็นเกอิชาเดินไปเดินมาในบริเวณนี้ได้ อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ย่านกิออนนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังน่าจะเป็นเพราะบรรยากาศความคลาสสิกจากการที่อาคารบ้านเรือนจะเป็นอาคารไม้แบบดั้งเดิม แต่ละหลังจะขนาดไม่ใหญ่ความกว้างประมาณ 5-6 เมตรเท่านั้น นับเป็นย่านท่องเที่ยวยามค่ำคืนที่น่าหลงใหลและมีเสน่ห์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร อิสระให้ท่านได้เดินชมและเลือกซื้อสินค้ากันตามอัธยาศัย
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (2)
ที่พัก : HOTEL VISCHIO KYOTO หรือเทียบเท่า
หลังอาหารไม่ควรพลาดประสบการณ์ “การอาบน้ำแร่ธรรมชาติ” เพื่อสุขภาพ / “ออนเซ็น” (Onsen) น้ำแร่สไตล์ญี่ปุ่นให้ท่านได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าน้ำแร่ธรรมชาตินี้มีส่วนช่วยเรื่อง โรคภัยไข้เจ็บและผิวพรรณเปล่งปลั่ง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (3)

พาท่านเปลี่ยนบรรยากาศนั่งกระเช้าชมวิวที่ “จุดชมวิวอามาโนะฮาชิดาเตะ” (Amanohashidate Sandbar) หรือที่เรียกกันว่าสะพานสู่สรวงสวรรค์ (bridge in heaven) ตัวชื่อน่าจะมาจากการเป็นจุดชมวิวที่สวยจนเลื่องชื่อมาก ๆ สามารถมองเห็นอ่าวมิยาสึยาวกว่า 3 กิโลเมตร ซึ่งมีลักษณะเป็นสันทรายคดเคี้ยวเชื่อมต่อกันมีความกว้าง 20 เมตร และบริเวณนั้นจะมีต้นสนญี่ปุ่นอยู่มากถึง 8,000 ต้น บางต้นจะมีรูปร่างเฉพาะที่ไม่ซ้ำกัน ด้านมุมที่ถือเป็นไฮไลท์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือบริเวณ
จุดชมวิวของภูเขาทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งได้รับการยอมรับมานานหลายศตวรรษว่าเป็นสถานที่ที่สวยที่สุดอันดับต้น ๆ ของประเทศญี่ปุ่น การันตีจากการติด 1 ใน 3 ของวิวชายทะเลที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ครองตำแหน่งร่วมกับเกาะมิยาจิมะในจังหวัดฮิโรชิม่า และมัตสึชิมะในจังหวัดมิยางิ เป็นจุดชมวิวที่งดงามและไม่ควรพลาดมาชมเมื่อมาเยือนเกียวโต
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (4)

หลังอาหารกลางวันพาท่านเดินทางสู่ “เมืองอิเนะ” (Ine) เป็นเมืองเล็ก ๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกียวโต มีประชากร 2,500 คน เพื่อพาท่านไป “หมู่บ้านอิเนะ” (Ine Fishing Village) เป็นหมู่บ้านชาวประมง หมู่บ้านเล็ก ๆ ริมอ่าวทางตอนเหนือของจังหวัดเกียวโต เดิมเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในด้านการประมง ทำการประมงกันเยอะมาก แต่เดี๋ยวนี้การทำการประมงไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อนเลยมีการปรับเปลี่ยนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และยังเป็นหมู่บ้านอนุรักษ์ที่ยังคงความสวยงามของตัวบ้านเรือนไม้เก่าแบบดั้งเดิม “ฟุนายะ” (Funaya) คือ บ้านชั้นล่างของบ้านหรือใต้ถุนบ้านเป็นท่าจอดเรือ ชั้นบนจะเป็นที่พักอาศัย โดยบ้านเรือนส่วนใหญ่อยู่ติดอ่าว ริมน้ำ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการออกเรือไปหาปลา เวลามองไกล ๆ จะเห็นเป็นเหมือนหมู่บ้านลอยน้ำโดยมีฉากหลังเป็นภูเขา
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “โอซาก้า” (Osaka) จัดเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่นรองจากโตเกียวใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นฝั่งตะวันตกเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเป็นศูนย์กลางการเดินทางและการค้าที่รุ่งเรืองมาตั้งแต่อดีตของภูมิภาคคันไซ … เพื่อพาท่านเดินทางไปช้อปปิ้งที่ “LALAPORT EXPOCITY” แหล่งช้อปปิ้งห้างร้านต่าง ๆ แบรนด์เนม ร้านอาหาร FOOD PAVILION (ฟู้ดพาวิลเลี่ยน) ที่เป็นศูนย์อาหารขนาดใหญ่มาก ๆ รวมทั้งยังมีร้านกาแฟ ซุปเปอร์มาร์เก็ต บอกเลยว่าเป็นแหล่งความบันเทิงที่ไม่ได้มีแค่แหล่งช้อปปิ้ง ศูนย์อาหาร โรงหนังเท่านั้น แต่ยังมีสวนสนุก ชิงช้าสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ ศูนย์เรียนรู้ ครบจบในหนึ่งเดียวมาก ๆ
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (5)
ที่พัก : SARASA HOTEL SHINSAIBASHI หรือเทียบเท่า

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (6)

นำท่านเดินทางสู่ “ตลาดคุโรมง” (Kuromon Ichiba Market) เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองโอซาก้า ได้รับสมญานามว่าเป็นครัวของโอซาก้า บรรยากาศภายในเป็นทางเดิน Arcade เล็ก ๆ ทอดยาวประมาณ 600 เมตร ทั้งสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้าต่าง ๆ กว่า 160 ร้านค้า ขายทั้งของสดและแบบพร้อมทานมีของกินเล่นและอาหารพื้นเมืองมากมายหลายชนิดให้ได้ชิมกันในตลาดคุโรมงจะเป็นของสดโดยเฉพาะอาหารทะเลเนื้อและ ผักต่าง ๆ ร้านอาหารต่าง ๆ ภายในตลาดจึงเน้นขายอาหารทะเลกันทั้งแบบสด ๆ เช่น ซาชิมิ ซูชิ และหอยนางรมและแบบปรุงสุก เช่น ปลาไหลย่าง ปลาหมึกย่าง หอยเชลย่าง กุ้งเทมปุระ เป็นต้น นอกจากนี้ก็จะเป็นพวกผลไม้ต่าง ๆ ตามฤดูกาลของญี่ปุ่นที่ควรค่าแก่การลองอย่างมาก เช่น แอปเปิ้ล มะเขือเชอรี่สตอเบอรี่ เมล่อน กีวี และลูกแพร ซึ่งราคามักจะถูกกว่าและหอมหวานกว่าบ้านเรา ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย
จากนั้นพาท่านเดินทางสู่ “ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ” (Namba Yasaka Shrine) ตั้งอยู่ในย่านนัมบะของเมืองโอซาก้า สามารถเดินเท้าจากจุดถ่ายรูปยอดฮิตอย่างป้ายโฆษณากูลิโกะประมาณ 15 นาทีเท่านั้น มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างหัวสิงโตปั้นหน้าตาดุดันขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้า ด้วยความสูง 17 เมตร ความกว้าง 11 เมตรและความลึก 7 เมตร โดยเชื่อกันว่าปากของสิงโตตัวใหญ่นั้นจะสามารถกลืนกินสิ่งไม่ดีต่างๆ ปัดเป่าความชั่วร้ายให้หายไป และนำพามาโชคลาภเข้ามา ซึ่งกลายเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาสักการะขอพระเรื่องการเรียนหรือด้านการงานให้เกิดความสำเร็จตามที่มุ่งหวัง อีกทั้งด้วยงานปั้นสิงโตที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแม้จะมีใบหน้าท่าทางที่จะดูดุไปอยู่บ้างก็กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมสำหรับผู้คนที่มาเยือนศาลเจ้าแห่งนี้เลยทีเดียว
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (7)

หลังอาหารกลางวันนำท่านเดินทางไปช้อปปิ้ง ณ “ชินไซบาชิ” (Shinsaibashi) ย่านช้อปปิ้งขนาดมหึมาระยะทางกว่า 600 เมตรทั่วย่านดาวน์ทาวน์ของเมือง ประวัติศาสตร์ของชินไซบาชิในฐานะแหล่งช้อปปิ้งนั้นมีมายาวนานเกือบสี่ศตวรรษ พื้นที่แห่งนี้ดึงดูดคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวให้เข้าสู่ร้านค้าที่คึกคักมายาวนาน และขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายที่นำกระแสแฟชั่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของโอซาก้า โดยท่านจะได้พบกับร้านค้าที่มีชื่อเสียง ร้านขายยา ร้านเครื่องสำอาง ร้านขายเสื้อผ้า ร้านอาหาร ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านเครื่องคอมพิวเตอร์ ร้านเครื่องสำอาง ร้านขายขนม ร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ร้าน 100 เยน ฯลฯ เชิญท่านสนุกสนานกับการเลือกชมและซื้อสินค้าต่าง ๆ มากมาย และสัมผัสบรรยากาศคึกคักของจุดหมายปลายทางที่สำคัญแห่งนี้
จากนั้นพาท่านเดินทางสู่ “จุดชมวิวอาเบะโนะ ฮารุกัส” (Abeno Harukas) ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ JR Tennoji Station ในย่านตัวเมืองของโอซาก้า (Osaka) ด้วยความสูงมากถึง 300 เมตร จึงกลายมาเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ท่านสามารถมองเห็นได้รอบทิศรอบทางแบบ 360 องศา โดยการมาชมวิวจะอยู่ที่ดาดฟ้าชมวิวมีชื่อว่า Harukasu 300 อยู่บนชั้น 58-60 (รวมสามชั้น) ซึ่งเข้าชมโดยขึ้นลิฟท์ที่ชั้น 16 บนชั้นที่ 58 จะมีลานระเบียงไม้ ร้านคาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึก บนชั้นที่ 60 สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา นอกจากเป็นจุดชมวิวแล้ว ยังมีห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์ศิลปะและโรงแรมอีกด้วย
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (8)
ที่พัก : SARASA HOTEL SHINSAIBASHI หรือเทียบเท่า

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (9)
(กรุณาตรวจสอบสัมภาระให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมเดินทางไปสนามบิน)
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ “สนามบินคันไซ”
09.50 เดินทางจากสนามบินคันไซ โดยสายการบิน AIR ASIA X เที่ยวบิน XJ 613
13.50 ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม