Picture1 (2)

ทัวร์ยุโรป GERMANY NETHERLANDS BELGIUM LUXEMBOURG ชมเทศกาลดอกทิวลิป 9 วัน 6 คืน (TG)

ราคาเริ่มต้น 119,999 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

สายการบิน: tg

เทศกาลดอกทิวลิป (Tulip Festival) หรือ เทศกาลดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟ (Keukenhof Festival) ที่ 1 ปี จัดขึ้นเพียงครั้งเดียว และในปี 2023 มีกำหนดการจัดงานในระหว่าง วันที่ 21 มีนาคม ถึง 12 พฤษภาคม 2567 ภายในประกอบไปด้วยดอกทิวลิปที่มีมากกว่า 7 ล้านต้น ซึ่งบานสะพรั่งหลากหลายสีสันตระการตาที่ยาวนับสิบกิโลเมตร ที่ท่านจะประทับใจไปอีกนาน ให้ท่านได้เดินเล่น และถ่ายรูปคู่กับดอก ทิวลิป ที่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีในเรือนกระจกภายในสวนพฤกษชาติ นอกจากนี้ยังมีดอกไม้เมืองหนาวแสนสวยงามน่ารัก เช่น ลิลลี่ ไฮเดรนเยีย ไฮยาซินน์ฯลฯอิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับเหล่าพฤกษชาติมากมาย

วันที่เดินทาง

30 มี.ค.-7 เม.ย.67, 09-17 เม.ย.67, 29 เม.ย.-7 พ.ค.67, 30 เม.ย.-8 พ.ค.67

โปรแกรม

วันแรก กรุงเทพ(สนามบินสุวรรณภูมิ)
-21.00 น. คณะพร้อมกัน ณ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศชั้น4 ประตู 3 สนามบินสุวรรณภูมิเคาน์เตอร์สายการบินไทย (TG) พบเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก
-23.45 น. ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศแฟรงค์เฟิร์ต แอม เมน ประเทศเยอรมนี
โดยสายการบิน ไทย (TG) เที่ยวบินที่ TG920 ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 11.30 ชั่วโมง บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง

วันที่สอง ปราสาทเอ็ลทซ์-เมืองเซนท์กอร์-ล่องเรือแม่น้ำไรน์
-06.15 น. เดินทางถึง ท่าอากาศแฟรงค์เฟิร์ต แอม เมน ประเทศเยอรมนี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) เมืองที่ได้รับการพัฒนาจนกลายมาเป็นชั้นแนวหน้าเมืองนานาชาติ เนื่องจากมีทำเลที่ตั้งเป็นเสมือนเส้นตัดกันของถนน รถไฟ และเครื่องบินที่สำคัญๆ เป็นที่ตั้งของโลกทางด้านเศรษฐกิจ ตึกสูงระฟ้าที่มีธนาคารต่างชาติ และสถาบันการเงินต่างๆตั้งอยู่ อาทิ ธนาคารบุนเดส สถาบันตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศเยอรมนี รวมไปถึงสถาบันทางการเงินมากมาย หลังผ่านพิธีการตรวจคน เข้าเมืองเรียบร้อย นำท่านเดินทางสู่ ปราสาทเอ็ลทซ์ (Burg Eltz) ปราสาทสวยแห่งเยอรมนีที่สามารถอยู่รอดปลอดภัยจากสงครามมาได้หลายศตวรรษ แต่ภายใต้ความงดงามราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายนั้น ยังมีตำนานอันแสนเศร้าและน่าขนหัวลุกแฝงอยู่ด้วยเช่นกัน ปราสาทในยุคเก่าส่วนใหญ่มักจะเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา หรือถูกทำลายจากการผ่านยุคแห่งสงครามมานักต่อนัก แต่สำหรับปราสาทเอ็ลทซ์ (Eltz Castle) หรือ Burg Eltz ประเทศเยอรมนี กลับสามารถคงอยู่มาได้โดยปราศจากการถูกทำลาย และได้รับการดูแลและอนุรักษ์โดยตระกูลเอ็ลทซ์ (Eltz Family) จนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนประวัติความเป็นมาของปราสาทนั้น ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อศตวรรษที่ 9 ยามที่ปราสาทแห่งนี้ยังเป็นเพียงแค่คฤหาสน์หลังหนึ่ง ซึ่งเป็นที่พำนักของเหล่าท่านเคานต์แห่งเอ็ลทซ์ (Counts of Eltz) ก่อนจะได้เริ่มการบูรณะต่อเติมจนกลายเป็นปราสาทหลังใหญ่ของตระกูลเอ็ลทซ์ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1157 เป็นต้นมา ให้ท่านเข้าชมและถ่ายภาพคู่กับปราสาทยุคกลางของเยอรมนีแสนสวยแห่งนี้
หมายเหตุ : หากคิวเข้าชม ณ วันเดินทางเต็ม หรือคิวในการรอเข้าชมปราสาทนาน จนเกินไป ขอสงวนสิทธิ์ให้ท่านถ่ายภาพด้านหน้าปราสาทเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและกระทบต่อโปรแกรมเที่ยวอื่น
-กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเซนต์กอร์ (ST.Goar) เป็นเมืองทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไรน์ที่มีประชากรอาศัยอยู่เพียง 3,000 กว่าคนเท่านั้น และยังเป็นเมืองเล็กๆที่มีชื่อเสียงเพราะบทกวีของ Henrich Hene เป็นเมืองที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีเยี่ยม ยังคงให้ภาพประทับใจเหมือนที่เคยเป็นมาในคริสตศวรรษที่ 19
-นำคณะ ล่องเรือแม่น้ำไรน์ เริ่มจากท่าเรือเซนกอล (St. Goar) ลัดเลาะไปตามริม ชายฝั่งแม่น้ำสองข้างทางการท่านได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพสองข้างทาง ชมความงามของไร่องุ่นและธรรมชาติตลอดเส้นแม่น้ำไรน์จนมาถึงท่าเรือบ๊อบพาร์ด (Boppard)
-เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
-พักที่ Mercure Hotel Nijmegen Centre หรือระดับเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
(**โรงแรมที่นำเสนอเป็นการนำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่พักทางบริษัทจะทำการแจ้ง 3 – 5 วันก่อนการเดินทาง เนื่องจากโรงแรมมีจำนวนจำกัด หากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไปนอนเมืองใกล้เคียงแทน**)

วันที่สาม  ไนเมเกน-หมู่บ้านกีธูร์น-ล่องเรือชมหมู่บ้านกีธูร์น-เมืองอัมสเตอดัม-จัตุรัสดัมสแควร์-พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม-ล่องเรือหลังคากระจก-สถาบันเจียรไนเพชร
-เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
-นำท่านออกเดินทางสู่ หมู่บ้านกีธูร์น (Giethoorn) Unseen หมู่บ้านที่แอบซ่อนอยู่ ไม่มีรถ ไม่มีถนน ไม่มีมลพิษหรือความวุ่นวายใด ๆ มีแต่ลำคลองน้ำใส เรือพายลำน้อย ต้นไม้ใบหญ้า และอากาศบริสุทธิ์เป็นดั่งสวรรค์สำหรับการพักผ่อนแบบสโลว์ไลฟ์อย่างแท้จริง พิเศษ!! ล่องเรือชมหมู่บ้านกีธูร์น หมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัยอยู่ราว ๆ 2,600 คน ส่วนมากเป็นชาวไร่ที่มีฐานะดี บ้านแต่ละหลังมีการออกแบบและตกแต่ง ให้เป็นกระท่อมสไตล์ตะวันตกที่แสนน่ารัก อบอุ่น มีคลองขนาดเล็กที่มีความยาวกว่า 7.5 กิโลเมตร แทรกตัวไปทั่วหมู่บ้าน มีสะพานไม้ทรงสวยมากกว่า 170 สะพานไว้เชื่อมระหว่างบ้านเรือนเข้าหากัน ชาวบ้านที่นี่ใช้เรือเป็นพาหนะในการเดินทางสัญจรเท่านั้น มีร้านอาหารที่ตกแต่งสไตล์น่ารักอบอุ่นที่มีอาหารพื้นเมืองอร่อย ๆ กลิ่นไอดัตช์ (Dutch) แท้ ๆ
-กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
-นำท่านเดินทางสู่เมืองอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) เมืองที่สวยงามและโรแมนติก เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ชื่อเมืองนั้นก็นำมาจากชื่อแม่น้ำ Amstel รวมกับคำว่า Dam ที่หมายถึงเขื่อนของแม่น้ำ Amstel จึงกลายเป็นชื่อเมือง Amstelreadamme โดยแต่เดิมอัมสเตอร์ดัมเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆริมคลอง ปัจจุบันอัมสเตอร์ดัมเป็นศูนย์กลางทางการเงินและการค้าเพชรของโลก ที่สำคัญได้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
ผ่านชมจัตุรัสดัมสแควร์ (Dam Square) ศูนย์กลางของเมืองที่มีอนุสรณ์สงครามเพื่อรำลึกถึงทหารที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 และอดีตศาลาว่าการเมืองที่หลุยส์ โบนาปาร์ต เคยใช้เป็นพระราชวังหลวงในช่วงที่จักรพรรดิโปเลียนแห่งฝรั่งเศสเรืองอำนาจ
นำท่าน ล่องเรือหลังคากระจก (Amsterdam Boat Cruise) ลัดเลี้ยวเข้าตามลำคลอง สัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ รวมทั้งสภาพบ้านเรือนเก่าแก่อันงดงามสืบทอดมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 และทัศนียภาพของบ้านเรือนอันสวยงามอย่างมีเอกลักษณ์ นำเข้าชม สถาบันสอนการเจียระไนเพชรที่มีชื่อเสียง ท่านจะได้สัมผัสและเรียนรู้พื้นฐานในการดูและการเจียระไนเพชรในรูปแบบต่างๆ พร้อมกันนั้นยังได้มีโอกาสเลือกซื้อเพชรเม็ดงามในราคาโรงงาน และท่านสามารถเลือกชมสินค้าอื่น อย่างนาฬิกายี่ห้อดังมากมาย อาทิ เช่น ROLEX,PANERAI,TAG HEUER, IWC, PIAGET, LONGINES, OMEGA, TISSOT, CARTIER, BREITLING, CHOPARD รวมไปถึงนาฬิกาแฟชั่นอย่าง GUCCI , DIESEL, DKNY, CHANEL, ICE, EMPORIO ARMANI, SWATCH, MICHEAL KORS, TOMMY HILFIGER ฯลฯ

-แวะถ่ายรูปด้านหน้าพระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม (Royal Palace of Amsterdam) หรือที่เรียกในภาษาดัตช์ว่า “Koninklijk Paleis van Amsterdam” เป็นสถานที่อันงดงามหรูหรา ตัวอาคารได้รับการออกแบบอย่างโอ้อ่าสะท้อนถึงอำนาจและความรุ่งเรืองอย่างขีดสุดในช่วงยุคทองดัตช์ เป็นหนึ่งในสามพระราชวังในประเทศเนเธอร์แลนด์
-เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
-พักที่ Mercure Hotel Amsterdam West หรือระดับเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
(**โรงแรมที่นำเสนอเป็นการนำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่พักทางบริษัทจะทำการแจ้ง 3 – 5 วันก่อนการเดินทาง เนื่องจากโรงแรมมีจำนวนจำกัด หากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไปนอนเมืองใกล้เคียงแทน**)

วันที่สี่ หมู่บ้านกังหันลมซานซคัน-เมืองลิซเซ่-เทศกาลดอกทิวลิป(เคอเคนฮอฟ)-เมืองรอทเทอดาม-บ้านลูกเต๋า
-เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
-จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านกังหันลมซานซคัน (Zaanse Schans) นำท่านเที่ยวชมธรรมชาติแบบฮอลแลนด์แท้ ๆ ที่ หมู่บ้านกังหันลมซานซคัน (Zaan Schan) ซึ่งมีการอนุรักษ์กังหันลมและบ้านเรือนดั้งเดิมของฮอลแลนด์ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Zaan ไม่ไกลจากตัวเมืองอัมสเตอร์ดัม ที่นี่เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่รวมความเป็นฮอลแลนด์หลายอย่างเข้าไว้ด้วยกัน บ้านไม้สีเขียวริมน้ำ สวนเล็ก ๆ หน้าบ้านสไตล์ฮอลแลนด์ กังหันลมเก่าแก่ กังหันลมสวย ๆ แบบดั้งเดิม โดยกังหันลมที่นี่เป็นกังหันที่ยังใช้งานได้ ทำหน้าที่เลื่อยไม้ บดเม็ดสี บดพืช น้ำมัน ฯลฯ นับเป็นเครื่องจักรกลที่คลาสสิคและน่าสนใจมาก ยังมีรองเท้าอีกที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ ให้ท่านได้เดินเที่ยวชมบรรยากาศอันสดชื่นบริสุทธิ์ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี นำท่านชม พิพิธภัณฑ์ซานส์ (Zaans Museum) ซึ่งเป็นอาหารร่วมสมัย ยังมีโรงสาธิตวิธีการทำชีส และทำรองเท้าไม้ให้ท่านได้เข้าชม อิสระให้ท่านเที่ยวชมหมู่บ้านน่ารักแห่งนี้ จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร
-นำท่านเดินทางสู่ เมืองลิซเซ่ (Lisse) เมืองเล็กๆบรรยากาศเหมือนรีสอร์ทของประเทศเนเธอร์แลนด์ (Netherlands) ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ประชากรส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เพาะปลูกดอกไม้เมืองหนาวในไร่กว้าง เป็นหลัก
-นำท่าน เข้าชม เทศกาลดอกทิวลิป (Tulip Festival) หรือ เทศกาลดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟ (Keukenhof Festival) ที่ 1 ปี จัดขึ้นเพียงครั้งเดียว และในปี 2023 มีกำหนดการจัดงานในระหว่าง วันที่ 21 มีนาคม ถึง 12 พฤษภาคม 2567 ภายในประกอบไปด้วยดอกทิวลิปที่มีมากกว่า 7 ล้านต้น ซึ่งบานสะพรั่งหลากหลายสีสันตระการตาที่ยาวนับสิบกิโลเมตร ที่ท่านจะประทับใจไปอีกนาน ให้ท่านได้เดินเล่น และถ่ายรูปคู่กับดอก ทิวลิป ที่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีในเรือนกระจกภายในสวนพฤกษชาติ นอกจากนี้ยังมีดอกไม้เมืองหนาวแสนสวยงามน่ารัก เช่น ลิลลี่ ไฮเดรนเยีย ไฮยาซินน์ฯลฯอิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับเหล่าพฤกษชาติมากมาย
-กลางวัน อิสระรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (ไม่รวมในค่าทัวร์)
ให้ท่านดื่มด่ำกับการเดินชมอุทยานดอกทิวลิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งที่อยู่ในเรือนกระจก และถ่ายรูปคู่กับกังหันลม สัญลักษณ์ของเนเธอร์แลนด์ พร้อมเก็บภาพความประทับใจจนเต็มอิ่ม ได้เวลาพอสมควรจนกระทั่งถึงเวลานัดหมาย
-นำท่านเดินทางสู่ เมืองรอทเทอร์ดาม (Rotterdam) เป็นเมืองที่ใหญ่อันดับสองของประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์บริเวณปากแม่น้ำเมิซไหลลงสู่ทะเลเหนือ Rotterdam (รอตเทอร์ดาม) ถือเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญอันดับหนึ่ง เนื่องจากมีท่าเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ มีเรือสินค้ามากมายจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางเข้าออกตลอดเวลา ที่ท่าเรือรอตเทอร์ดาม
-นำท่านชม บ้านลูกเต๋า (Cube House) ด้านในมีผู้พักอาศัยอยู่จริง

-เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
-พักที่ Hotel Art Rotterdam-Fully Renovated หรือระดับเทียบเท่า
(**โรงแรมที่นำเสนอเป็นการนำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่พักทางบริษัทจะทำการแจ้ง 3 – 5 วันก่อนการเดินทาง เนื่องจากโรงแรมมีจำนวนจำกัด หากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไปนอนเมืองใกล้เคียงแทน**)

วันที่ห้า บรูจส์ เมืองมรดกโลก-จัตุรัสมาร์ก-โบสถ์พระโลหิตศักดิ์สิทธิ์-กรุงบรัสเซลส์-อนุสรณ์อะโตเมียม
-เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
-นำท่านเดินทางสู่ เมืองบรูจส์ (Bruges) เมืองที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นเวนิสแห่งตอนเหนือ เป็นเมืองที่เงียบสงบและมีมนต์เสน่ห์ของอารยธรรมในสมัยยุคกลาง จนรับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO จนกระทั่งเดินทางถึงเมืองบรูจส์
-นำท่านชมเมืองบรูจส์ เมืองหลวงของแคว้นฟลันเดอร์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดเมืองหนึ่ง ของยุโรป ในอดีตบรูจส์เคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญของเบลเยี่ยม แต่เมื่อเมืองถูกปิดล้อมไม่มีทางออกทะเล จึงเสียความเป็นเมืองท่าให้แก่แอนท์เวิร์ป ซึ่งกลายมาเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของเบลเยี่ยม
-นำท่านเยี่ยมชม ย่านใจกลางเมืองเก่า จัตุรัสมาร์ก (The Markt) ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดค้าขายและที่จัดงานต่างๆของเมือง รวมถึง จตุรัสเบิร์ก (THE BURG) ลานกว้างหน้าบริเวณวังเก่าสไตล์กอธิคซึ่งกลายเป็นศาลาว่าการของเมืองในปัจจุบัน ผ่านชมหอประชุมสงฆ์และถ่ายภาพกับ หอระฆังประจำเมือง (THE BELFRY) ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองบรูจส์ มีความสูงถึง 83 เมตร และบันได 366 ขั้นเพื่อขึ้นสู่ยอดของหอระฆัง
จากนั้นนำท่านเยี่ยมชม โบสถ์พระโลหิตศักดิ์สิทธิ์ (Basilica of the Holy Blood) เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 12 ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบรูจส์ เป็นที่เก็บพระโลหิตศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซู นำท่านเข้าชมความงดงามและเก่าแก่ของโบสถ์ จนกระทั่งสมควรแก่เวลา
-กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
-นำท่านเดินทางสู่ กรุงบรัสเซลส์ (Brussels) เมืองหลวงของประเทศเบลเยียม สถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ นำท่านชมและถ่ายรูปอนุสรณ์อะโตเมี่ยม (Atomium) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในการจัดงานแสดงสินค้าโลก “เอ็กซ์โป” เมื่อปี ค.ศ.1958 ถูกสร้างขึ้นโดยจำลองโลหะในลักษณะใสเหมือนคริสตัล โดยขนาดใหญ่กว่าโมเลกุลของจริงถึง 165 พันล้านเท่า
-เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
-พักที่ Hotel Ramada Brussels Woluwe หรือระดับเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
(**โรงแรมที่นำเสนอเป็นการนำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่พักทางบริษัทจะทำการแจ้ง 3 – 5 วันก่อนการเดินทาง เนื่องจากโรงแรมมีจำนวนจำกัด หากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไปนอนเมืองใกล้เคียงแทน**

วันที่หก รูปปั้นเมนิเกนพีส-พระราชวังหลวงแห่งบรัสเซลส์-จัตุรัสกรองด์ ปลาซ-กรุงลักเซมเบิร์ก-เมืองเก่าลักเซมเบิร์ก-ป้อมปราการสมัยโรมัน-เพลส เดอ อาร์ม
-เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
-นำท่านชม รูปปั้นแมนิเกนพีส (Manneken Pis fountain) ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมของถนนเลทุฟตัดกับถนนแซน รูปปั้นแมนิเกนพีส มีความสวยงามเเละมีความเก่าเเก่มาก คำว่า Manneken Pis มีความหมายว่า เด็กชายกำลังฉี่ เป็นประติมากรรมมีลักษณะเป็นน้ำพุขนาดเล็ก ตัวประติมากรรมหล่อด้วยทองเเดงเป็นรูปเด็กผู้ชายเปลือยกาย กำลังยืนฉี่ลงอ่าง โดยมีความสูงประมาณ 60 เซนติเมตร
-นำท่านถ่ายภาพที่ระลึกกับสถาปัตยกรรมงดงามอาคารที่สวยที่สุดในบรัสเซลล์หลังหนึ่งก็คือ พระราชวังหลวงแห่งบรัสเซลล์ (Royal Palace of Brussels) ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าสวนสาธารณะบรัสเซลล์ตรงข้ามกับอาคารรัฐสภา พระราชวังหลวงแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของระบบรัฐบาลของเบลเยียมที่มีการปกครองในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
-นำท่านเดินทางสู่ จัตุรัสกรองด์ ปลาซ (Grong Plas) หรือที่จะเรียกกันอีกอย่างว่า จัตุรัสแกรนด์ พาเลส (Grand Palace) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบรัสเซลล์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของประเทศเบลเยียม ได้ชื่อว่ามีความสวยงามมากที่สุดของยุโรป แวดล้อมไปด้วยอาคารเก่าแก่ สถาปัตยกรรมแบบบาร็อค , โกธิค และ นีโอโกธิค เรียกว่าเป็นจุดรวมของบรรดาสถาปัตยกรรมแนวต่างๆ ซึ่งอาคารส่วนใหญ่นั้นจะสร้างมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง โดยแต่ละอาคารที่ล้อมรอบจัตุรัสแห่งนี้อยู่จะมีความสูงสง่างามเป็นอย่างยิ่ง
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
-นำท่านเดินทางสู่ กรุงลักเซมเบิร์ก (Luxembourg) ประเทศลักเซมเบิร์ก นครรัฐที่มีพื้นที่ขนาดเล็กที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป นำท่านผ่านชม พระราชวังที่ประทับของแกรนด์ดยุค (Grand Ducal Palace) สำหรับพระราชวังแห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1506 เป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ที่มีความงดงามอลังการที่สุดแห่งหนึ่งของลักเซมเบิร์ก ภายในมีห้องต่าง ๆ มากมาย ซึ่งแต่ละห้องก็ตกแต่งได้อย่างวิจิตรงดงามที่สุดจนทุกคนคาดไม่ถึงเลยล่ะค่ะ อีกทั้ง ที่นี่ยังเป็นที่ประทับของแกรนด์ดยุคอ็องรีที่ 1 แห่งลักเซมเบิร์กอีกด้วย
-ชมย่านเมืองเก่าแห่งลักเซมเบิร์ก เมืองแห่งแกรนด์ดยุค ผ่านชมสะพานสมัยโรมัน โบสถ์โนเตรอะดาม ประติมากรรมสำริดของแกรนด์ดัชเชส ชาร์ล็อตต์ และป้อมปราการสมัยโรมัน ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองที่บ้านเรือนตั้งเรียงรายอยู่ในแนวหุบเขาดูสวยงามยิ่ง น่าท่านชม เพลส เดอ อาร์ม (Place D’ Arms) หรือ จัตุรัสใจกลางเมืองจัดเป็นย่านเมืองเก่าแห่งลักเซมเบิร์ก หรือ ที่หลายคนเรียกว่า “เมืองแห่งแกรนด์ดยุค”ในขณะที่ย่านเก่าแก่ที่สุดที่เรียกว่า “Wenzel Walk” ซึ่งมีหมู่อาคารหลายแห่งในเขตเมืองเก่า ได้รับการอนุรักษ์อย่างดีเยี่ยมมีทั้งปราสาทและป้อมปืนส่าคัญ มหาวิหารที่สร้างในศตวรรษที่ 17 และบ้านเรือนต่างๆ รวมถึงสถานที่สำคัญทางราชการ
-นำท่านเดินทางสู่เมืองเทรียร์ (Trier)
-เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
-พักที่ Hotel Mercure Trier Porta Nigra หรือระดับเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
(**โรงแรมที่นำเสนอเป็นการนำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่พักทางบริษัทจะทำการแจ้ง 3 – 5 วันก่อนการเดินทาง เนื่องจากโรงแรมมีจำนวนจำกัด หากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไปนอนเมืองใกล้เคียงแทน**

วันที่เจ็ด เมืองเทรียร์- Porta Nigra หรือ ประตูสีดำ-เมืองโคโลญจน์-มหาวิหารแห่งโคโลญจ์-เมืองบอนน์
-เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
-นำท่านชม เมืองเทรียร์ (Trier) เมืองนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโมเซลล์ ทางภาคตะวันตกของประเทศเยอรมนี เทรียร์เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศเยอรมนี มีอายุมากกว่าสองพันปี และเคยเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิโรมัน ไม่มีเมืองไหนที่ตั้งอยู่ทางเหนือ ของเทือกเขาแอลป์ที่มีสิ่งปลูกสร้างสมัยโรมัน ที่สมบูรณ์ที่สุดและมีจำนวนมากเท่ากับเมืองเทรียร์แล้ว อนุสรณ์จากสมัยจักรวรรดิ์โรมัน Roman Monuments ใน เมืองเทรียร์ รวม 9 แห่ง ประกอบด้วย Porta Nigra, Roman Amphitheatre, Moselle Bridge, Imperial Bathhouse, Barbara Baths, Igel Column, Trier Basilica of Constantine, Trier Cathedral และ Church of Our Lady ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้
-นำท่านชม Porta Nigra หรือ ประตูสีดำ เป็นประตูเมืองแบบโรมัน สร้างมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมันยังเรืองอำนาจ ทำจากหินทรายขนาดใหญ่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปหินทรายนี้ก็กลายเป็นสีดำ จึงเป็นที่มาของชื่อประตู ประตูนี้มีขนาดความสูง 36 เมตร ยาว 30 เมตร ซุ้มประตูโค้งสองประตู ขนาบด้วยหอคอยสูงสี่ชั้นหนึ่งด้าน และ อีกด้านสูงสามชั้น Porta Nigra ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าเมือง ถือว่าเป็นประตูเมืองแบบ โรมันที่ใหญ่ที่สุดประตูหนึ่ง ในสมัยโรมันเมืองเทรียร์นี้จะมีประตูเมืองสี่ทิศ โดยที่ Porta Nigra จะตั้งอยู่ทางเหนือของเมือง Porta Alba (ประตูสีขาว) อยู่ที่ทิศตะวันออก, the Porta Media (ประตูกลาง) อยู่ที่ทิศใต้ และ Porta Inclyta (ประตูที่มีชื่อเสียง) อยู่ทิศตะวันตกของเมิองโรมัน-เทรียร์ ในปัจจุบันประตูอื่น ๆ ไม่มีให้เห็นแล้ว เหลือเพียงแค่ประตู Porta Nigra นี้เท่านั้น เข้าประตูเมืองมาเราจะพบกับเมืองเก่าที่ยังคงบรรยากาศยุคกลางไว้ให้เห็น
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
-นำท่านเดินทางสู่ เมืองโคโลญจน์ (Cologne) เมืองใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ในประเทศเยอรมันและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐนอร์ธไรน์ – เวสต์ฟาเลีย โคโลญมี ประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี และผู้ที่มาเยือนที่นี่จะได้พบกับทุกสิ่งตั้งแต่หอคอยโรมันไปจนถึงโบสถ์แบบกอธิก ไปจนถึงตัวอย่างที่ดีของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ โคโลญมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง อาทิ พิพิธภัณฑ์ศิลปะประยุกต์ พิพิธภัณฑ์ลุดวิก และพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลต รวมทั้งยังมีร้านขายของที่ระลึกอีกมากมาย
-จากนั้นนำท่านชม เมืองโคโลญจน์เข้าชม มหาวิหารแห่งโคโลญจ์ (Cologne Cathedral) สัญลักษณ์แห่งเมืองโคโลญจน์ เป็นมหาวิหารสไตล์กอธิคแบบดั้งเดิม โดยเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1248 ถึงปี 1880 ใช้เวลาสร้างยาวนานถึง 632 ปี เป็นหอคอยแฝด สูง 157 เมตร กว้าง 86 เมตร ยาว 144 เมตร ปัจจุบันมหาวิหารโคโลญจน์ นับเป็นจุดหมายสำคัญของเมืองโคโลญจ์ และประเทศเยอรมนี และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1996
-นำท่านเดินทางสู่ เมืองบอนน์ (Bonn) ประเทศเยอรมนี
-เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
-พักที่ Hotel Maritim Bonn หรือระดับเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
(**โรงแรมที่นำเสนอเป็นการนำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่พักทางบริษัทจะทำการแจ้ง 3 – 5 วันก่อนการเดินทาง เนื่องจากโรงแรมมีจำนวนจำกัด หากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไปนอนเมืองใกล้ เคียงแทน**

วันที่แปด วีสบาเด้น-ท่าอากาศยานแฟรงค์เฟิร์ต แอม เมน ประเทศเยอรมนี
-เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
-นำท่านเที่ยวชม เมืองวีสบาเด้น (Wiesbaden) เป็นเมืองหลวงของรัฐ Hessen ในด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนี เป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาค Frankfurt Rhine-Main ซึ่งเป็นย่านศูนย์กลางทางด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจที่คึกคักของยุโรป วีสบาเดน หรือวีสบาเด้น แปลว่า “การอาบทุ่งหญ้า” ที่นี่เป็นเมืองสปาที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป น้ำพุร้อนดั้งเดิมสิบสี่แห่งจากทั้งหมดยี่สิบหกแห่งยังคงมีน้ำไหลอยู่ในปัจจุบัน
ได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานแฟรงค์เฟิร์ต แอม เมน ประเทศเยอรมนี
-14.45 น. ออกเดินทางจากกรุงปารีส กลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินไทย (TG) เที่ยวบินที่ TG921 (14.45-06.25(+1)) ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ -10.40 ชั่วโมง บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง

วันที่เก้า กรุงเทพ(สนามบินสุวรรณภูมิ)
-06.25 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ