ประเทศเวียดนาม

เมืองโฮจิมินห์ สะท้อนถึงความอดทนความขยันขันแข็งของชาวเวียดนาม และการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเวียดนาม คนไทยไปเที่ยวเวียดนามไม่ต้องใช้วีซ่า อยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน นักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศเวียดนาม ต้องถือหนังสือเดินทางติดตัวตลอดเวลา โรงแรมที่พักจะขอให้แขกต่างชาติแสดงหนังสือเดินทาง เพื่อการลงทะเบียนและแจ้งทางการตำรวจ

 

เงินบาทไทย ใช้ซื้อของในเวียดนามได้และเป็นที่ต้องการของผู้ขายมาก ไม่ต้องพกเงินไปมาก เพราะสินค้าที่จะซื้อเป็นของฝาก เป็นสินค้าพื้นเมืองราคาไม่แพง

บัตรเครดิต ใช้ได้ตามโรงแรมและห้องอาหารใหญ่ๆ และแหล่งช็อปปิ้งบางแห่ง

สกุลเงิน เวียดนามดอง อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 16,000 เวียดนามด่อง

เวลา เท่ากับประเทศไทย

น้ำประปา ควรซื้อนํ้าดื่มที่บรรจุขวดหรือดื่มนํ้าต้มภายในห้องพักเท่านั้น

ไฟฟ้า ใช้กระแสไฟฟ้า 220 โวลต์ เหมือนเมืองไทย ควรเตรียมตัวแปลงไฟฟ้าไปด้วย

โทรศัพท์ โทรศัพท์สาธารณะใช้บัตรหาซื้อได้ตามที่ทำการไปรษณีย์ โทรกลับประเทศไทย กด 00+66+รหัสเมือง+หมายเลข โทรจากมือถือกดเครื่องหมายบวก+66+รหัสเมือง+หมายเลข

การเตรียมตัว เสื้อผ้าต้องเตรียมให้เหมาะสมกับอุณหภูมิ อากาศจะใกล้เคียงกับประเทศไทยอุปกรณ์ถ่ายรูปควรเตรียมไปให้พร้อม ฟิล์ม แบตเตอรี่ สำหรับกล้องถ่ายรูป ควรเตรียมให้เพียงพอกับการใช้งาน และอย่าลืมที่ชาร์ทแบตเตอรี่กล้องถ่ายรูป ผู้ที่มีโรคประจำตัว เตรียมยาประจำตัวพร้อมใบกำกับการใช้จากแพทย์ไปด้วย

ภูมิอากาศ มีอากาศร้อนและแดดแรง ควรเตรียม อุปกรณ์กันแดด แว่น หมวก ร่ม เสื้อแขนยาว ครีมกันแดด อาจมีอากาศหนาวชื้นถ้าอยู่บนเขา เตรียมรองเท้าที่สวมใส่สบาย พร้อมถุงเท้า นํ้าหนักกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ควรมีนํ้าหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม สินค้ายกเว้นภาษี นำเข้าประเทศไทย ได้แก่ บุหรี่ ไม่เกินท่านละ 1 แถว

เดินทางจากไทย ทางรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้บริการรถโดยสารประจำทางไปจังหวัดหนองคาย จากนั้นข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ไปยังนครเวียงจันทน์มีรถโดยสารจากนครเวียงจันทน์ไปยังกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม

ทางเครื่องบิน ใช้บริการของสายการบินไทย สายการบินไทยแอร์เอเชีย และสายการบินเวียดนามที่มีบริการเที่ยวบินสู่กรุงฮานอย

 

เมืองน่าเที่ยว ฮานอย โฮจอมอินห์ ดานัง เว้ ฮอยอัน ซาปา กั่นเทอ ฮาลอง ดาลัด

อาหาร อาหารเวียดนามมีความละเอียดละไมทาน พร้อมกับผักสด เครื่องเทศ และนํ้าปลา ยิ่งมาเพิ่มรสชาติด้วย ส่วนผสมของนํ้ามะนาว แครอทซอย พริก กระเทียม และนํ้าตาล

อาหารหลัก คือ ข้าวสวยและก๋วยเตี๋ยวน้าจานเด็ดจากถิ่นต่างๆ ทำให้เพิ่มความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ลองคุยกับชาวเวียดนามแล้วจะได้รับคำแนะนำเมนูน่าลิ้มลอง

** ห้ามถือหิ้วประเจิดประเจ้อ ควรนำสิ่งของมีค่าติดตัวไปให้น้อยที่สุด และนำเงินติดตัวไปเฉพาะเท่าที่จำเป็น เนื่องจากอาชญากรรมบนท้องถนนเพิ่มมากขึ้น โดยจะมาในรูปแบบของเด็กหรือหญิงอุ้มลูกเข้ามาขอทาน บ้างก็ซ้อนท้ายจักรยานยนต์ออกหาเหยื่อที่เป็นนักท่องเที่ยว ข้ามถนนด้วยความระมัดระวังมอเตอร์ไซค์เยอะมาก **

 

ซินจ่าวเวียดนาม เยี่ยมสุสาน “โฮจิมินห์”

ทุก ครั้งที่ไปเวียดนามต้องระลึกถึงเรื่องราวการต่อสู้ของชาวเวียดนามใน พิพิธภัณฑ์ สงครามที่จัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ในสมัยสงครามเวียดนาม มีทั้งของรัสเซีย จีนและสหรัฐอเมริกา ภายนอกพิพิธภัณฑ์มีเครื่องบินและรถถังรุ่นต่างๆ ของสหรัฐอเมริกาและรัสเซียจัดวางเรียงรายอยู่โดยรอบบริเวณพิพิธภัณฑ์ โฮจิมินห์ เดิมเรียกว่า เมืองไซง่อนเมืองหลวงของเวียดนาม แต่ได้รับการเรียกชื่อใหม่อย่างเป็นทางการว่า นครโฮจิมินห์ ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ผู้นาขบวนการกู้ชาติจนเวียดนามได้เอกราชและอธิปไตย เป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเวียดนาม และยังเป็นเมืองที่มีความเจริญมากกว่าเมืองอื่นๆ อีกด้วย …..

 

ส่วนหนึ่งของกลยุทธการต่อสู้ในขบวนการนั้น อุโมงค์ขูจี มีบทบาทสำคัญของเวียดนามที่น่าไปเยือนเป็นอย่างยิ่ง ก่อนเกิดสงคราม ขูจีเคยเป็นบ้านนาอันสงบสุข แต่แล้วขูจีต้องกลายเป็นเมืองสำคัญขึ้นมา เพราะชาวบ้านแถบนี้ได้ให้ความช่วยเหลือทหารเวียดกงในการต่อสู้กับทหาร อเมริกันอย่างอดทนและกล้าหาญ จนฝ่ายที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ เหนือกว่าไม่สามารถเอาชนะได้ อุโมงค์นี้ขุดโดยชาวบ้านที่มีเพียงจอบเสียมเป็นเครื่องมือ อุโมงค์ขูจีถือว่าเป็นแบบอย่างของการใช้ไหวพริบและความมีนํ้าอดนํ้าทน เป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้ชาวเวียดนามเอาชนะในสงครามได้อย่างไม่น่าเชื่อที่ จัตุรัสบาดิงห์ เป็นที่ตั้งของ สุสานโฮจิมินห์ อดีตประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ของเวียดนามที่ล่วงลับไปแล้ว สถานที่แห่งนี้เป็นที่ซึ่ง โฮจิมินห์ อ่านคำประกาศอิสรภาพในปี ค.ศ. 1945 สุสานโฮจิมินห์ถูกสร้างขึ้นด้วยแท่งหินอ่อน และหินแกรนิตขนาดใหญ่ โดดเด่นสง่างามจนดูน่าเกรงขาม ก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1973-1975 ภายในสุสานเป็นที่เก็บศพอาบนํ้ายาของลุงโฮนอนสงบนิ่งเหมือนคนนอนหลับอยู่ ภายในโลงแก้ว (ภายในสุสาน ปิดทุกวันจันทร์และวันศุกร์) แม้จะเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของเวียดนาม แต่บ้านพักโฮจิมินห์ เป็นบ้านที่ปลูกสร้างขึ้นอย่างเรียบง่าย ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เหมือนสามัญชนธรรมดาโดยทั่วไป แสดงถึงความสมถะเรียบง่ายของผู้นำวีรบุรุษของชาวเวียดนามผู้นี้ สมกับเป็นแบบอย่างที่ดีจนได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของประเทศเวียดนาม

 

พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ ตัวอาคารเป็นแบบสมัยใหม่สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ ภายในจัดแสดงชีวประวัติของท่านโฮจิมินห์ ผสมผสานกับวัฒนธรรมประเพณีและชาติพันธุ์วิทยา ซึ่งเชิดชูชีวิตนักปฏิบัติผู้นี้ ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ ความเป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีอัตราการเจริญเติบโต “วิ่ง” มาเทียบเท่าประเทศไทย สะท้อนให้เห็นได้ที่ ตลาดเบนถัน เมืองโฮจิมินห์ตลาดที่รวบรวมสินค้านานาชนิด เช่น ชุดอ๋าวหญ่าย (ชุดประจำชาติ), รองเท้า, กระเป๋าสุภาพสตรี, ขนม, อาหารแห้ง, เรือไม้นานาชนิด รองเท้าน่ารักแบบเวียดนาม และสินค้ายี่ห้อต่างๆ ที่มีโรงงานอยู่ในเวียดนาม เช่น ไนกี้ อาดิดาส ช็อปปิ้งที่นี่ต่อราคาสนุกส่วนใหญ่คนขายพูดภาษาอังกฤษได้ บางร้านพูดภาษาไทยได้ เช่น ถูกแล้ว ไม่แพง สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างมรดกโลกเวียดนามมีความงามไม่เหมือนใคร นักท่องเที่ยวนิยมไปฮานอย เมืองหลวงเก่าแก่ของเวียดนามมากที่สุด ในตัวเมืองฮานอยจะได้เห็นรถมอเตอร์ไซด์ จำนวนมากวิ่งกันไปมาอย่างหนาแน่น พร้อมทั้งมีเสียงแตรดังตลอดทาง ตึกรามบ้านช่องส่วนใหญ่เป็นตึกเก่าที่ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส มีเสน่ห์สวยงาม และรัฐบาลได้ห้ามมิให้มีการต่อเติมตามอำเภอใจ ที่สำคัญในเมืองเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่จำนวนมาก ใจกลางเมืองที่ ถนนสามสิบหกสาย เป็นแหล่งช็อปปิ้ง ที่มีร้านค้าแยกประเภทสินค้าตามถนน เดินซื้อกันได้อย่างจุใจ ร้านค้าส่วนใหญ่จะรับเงินบาท พูดภาษาไทยได้ และต้อนรับคนไทยเป็นอย่างดี บนไหล่ทางจะมีร้านขายก๋วยเตี๋ยวและร้านนํ้าชาแบบม้านั่งจำนวนมาก เพราะทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่ของเวียดนามชอบดื่มนํ้าชา

 

สิ่งหนึ่งที่ต้องชมเมื่อมาถึงกรุงฮานอย คือ การแสดงหุ่นกระบอกน้ำ เป็นการเชิดหุ่นกระบอกในนํ้าแบบพื้นบ้านเป็นละครที่แสดงถึงการบรรยายชีวิต เทพนิยายที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของเวียดนาม ซึ่งประกอบด้วยฉากการทำนา การประมง พิธีกรรมต่างๆ เป็นต้น ถึงแม้ฟังไม่เข้าใจแต่ก็สร้างความสนุกสนานได้ แสดงพร้อมด้วยวงดนตรีพื้นเมืองบรรเลงประกอบ ที่หาชมได้เฉพาะในประเทศเวียดนามเท่านั้น แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในฮานอย คือ “อ่าวฮาลอง” มณฑลกว่างนิงห์ เมืองที่ขึ้นชื่อว่างดงามมหัศจรรย์ที่สุดเมืองหนึ่งของโลก เมืองที่มีความสวยงาม สงบนิ่ง มีมนต์ขลัง เป็นเมืองที่องค์การยูเนสโก ประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติของประเทศเวียดนาม เมื่อปี ค.ศ. 1994 ชาวเวียดนามเรียกอ่าวนี้ว่า “วินห์ฮาลอง” วินห์ แปลว่า อ่าว ส่วนฮาลอง แปลว่า มังกร รวมความแล้วหมายถึง อ่าวมังกร อ่าวฮาลองเป็นที่รู้จักของชาวโลก เมื่อวงการภาพยนต์ตะวันตกได้ใช้ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำในฉากสำคัญของเรื่อง “อินโดจีน” และได้รับสมญานามว่า “กุ้ยหลินเวียดนาม” นํ้าทะเลสีมรกตที่ประกอบไปด้วยเกาะหินปูนน้อยใหญ่เรียงรายสลับซับซ้อนดังเขา วงกตจำนวนมากมายกว่า 3,000 เกาะ นักท่องเที่ยวจะลงเรือไปเข้าชม “ถ้าโด่วโก๋” ถํ้าที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติอันสวยงาม ถํ้าที่ได้รับการขนานนามจากนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสที่ได้เดินทางไปเยือน เป็นกลุ่มแรกเมื่อร้อยกว่าปีเศษว่า “ถ้าวิมานสวรรค์” เสน่ห์อีกอย่างของอ่าวฮาลอง คือ จะมีแม่ค้าพายเรือประมงพื้นบ้าน มีลักษณะคล้ายกระจาดมาขายอาหารทะเลสดๆ ถึงเรือเมื่อนักท่องเที่ยวตกลงซื้อ ก็จะต้มให้รับประทานทันทีพร้อมนํ้าจิ้ม ชม โฮฮว่านเกี๋ยม หรือ ทะเลสาบคืนดาบ มีตำนานเล่าว่า พระเจ้าเลไทโตทรงได้รับดาบวิเศษมาในช่วง 10 ปีแห่งการต่อสู้กับพวกราชสำนักหมิงของจีนเมื่อต้นทศวรรษ 1400 จนสามารถปลดปล่อยประเทศให้เป็นอิสระ พระองค์ทรงลงเรือไปกลางทะเลสาบเพื่อคืนดาบวิเศษให้กับเต่าเทวดา เต่าก็ขึ้นมาคาบดาบจากพระหัตถ์แล้วดำหายไป จึงเป็นที่มาของทะเลสาบแห่งนี้ ซึ่งใจกลางทะเลสาบแห่งนี้นั้นมีหอคอย สร้างในสมัยศตวรรษที่ 18 ชื่อทาพ-รัว (หอคอยเต่า) ว่ากันว่า เต่าตัวใหญ่ยังคงอาศัยอยู่ในทะเลสาบ พอถึงวันพิเศษต่างๆ เต่าตัวนี้ก็จะโผล่ขึ้นจากนํ้าเพื่อมาที่หอคอยแห่งนี้

 

“เว้” เมืองหลวงเก่าของเวียดนาม ล่องเรือชมความงามของแม่นํ้าหอม ชมพระราชวังเก่าพร้อมที่ตั้งป้ายเคารพของกษัตริย์เจดีย์เทียนมู เคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิ์ถึง 13 รัชกาลและความเจริญรุ่งเรืองในอดีต ศิลปะการตกแต่ง ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก “ฮอยอัน” เมืองที่ได้รับการบันทึกให้เป็นมรดกโลก ได้รับการอนุรักษ์ทั้งบ้านไม้เก่าทรงจีนและแบบโบราณของญี่ปุ่นที่มีอายุกว่า 200 ปี โดยมีเจ้าของอาศัยอยู่สืบทอดกันมาร่วม 6 ชั่วอายุคน สะพานญี่ปุ่น สะพานเก่าแก่ที่เชื่อมโยงถนนสองแห่ง สร้างขึ้นอย่างแข็งแรงตั้งแต่ปี 1593 โดยชาวญี่ปุ่นที่มาอาศัยอยู่ในเมืองฮอยอัน ต่อมามีการขยายถนนลอดใต้สะพานเพื่อให้รถผ่านได้โดยชาวฝรั่งเศสเมื่อครั้งที่ เข้ามามีบทบาทในการปกครองเวียดนาม และต่อมาได้มีการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ในปี 1986

 

ลุ้นหิมะตกที่ “ซาปา” ซาปาอยู่ทางทิศเหนือสุดของเวียดนามใกล้พรมแดนจีน ห่างจากกรุงฮานอยประมาณ 360 กม. อยู่ในเขตจังหวัดลาวไค อยู่สูงกว่าระดับน้าทะเลถึง 1,650 เมตร จึงมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี กลายเป็นแหล่งเพาะปลูกพืชผักผลไม้เมืองหนาวได้เป็นอย่างดี เมืองเล็กๆ น่ารักบนภูเขาสูงมีอากาศเย็นตลอดปีเป็นเมืองกลางสายหมอก เป็นถิ่นอาศัยของชาวเขาเผ่าม้ง มีความเป็นอยู่ง่ายๆ ผู้คนยิ้มแย้มเป็นมิตร รอบๆ พื้นที่เต็มไปด้วยภูเขาที่งดงาม อย่าง ภูเขาฮามรอง ที่เต็มไปด้วยสวนดอกไม้นานาชนิด ชาวพื้นเมืองมีความเป็นอยู่ง่ายๆ สัมผัสได้ด้วยการเดินลัดเลาะไปตามภูเขาที่มีบ้านอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่ เขียวขจี ต้นไม้ใหญ่ ทุ่งนาและการเลี้ยงสัตว์ เมื่อครั้งที่เป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ชาวฝรั่งเศสได้สร้างเมืองซาปาให้เป็นเมืองตากอากาศ ชาวฮานอยและชาวฝรั่งเศสนิยมขึ้นมาตากอากาศพักผ่อนในวันหยุด ตลอดแนวเทือกเขามีความสวยงามของการทำนาแบบขั้นบันได ทอดตัวตามแนวเขาอย่างสวยงาม เดือนมีนาคม – พฤษภาคม และเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ของทุกปีเป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการเดินป่า ส่วนในฤดูหนาวจะหนาวจับใจแต่คงเสน่ห์แห่งเมืองบนเขาอย่างเหลือเชื่อ บางครั้งเมืองปกคลุมไปด้วยหิมะ ที่นี่มีอาคารสมัยใหม่ โรงแรม และร้านอาหารแบบตะวันตก รวมทั้งคาราโอเกะด้วย

 

โฮจิมินห์ยามค่ำคืน

nightvietnam


อ่าวฮาลอง

halong

บทความอื่นๆ