ทัวร์ตุรเคีย
/
ขึ้นบอลลูนชมวิวหลักล้าน ณ คัปปาโดเกีย แดนสวรรค์ของคนรักความโรแมนติก
ขึ้นบอลลูนชมวิวหลักล้าน ณ คัปปาโดเกีย แดนสวรรค์ของคนรักความโรแมนติก
ที่สุดของการไปเที่ยว คัปปาโดเกีย ถ้าไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมสุดคูลอย่างการขึ้น บอลลูน ชมวิวทิวทัศน์รอบๆเมือง ก็อาจจะเรียกได้ว่าไปไม่ถึง เพราะวิวทิวทัศน์ของเมืองแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นที่สุดแห่งความงดงามและเป็นเอกลักษณ์ที่คุณไม่อาจจะหาชมความ Unseen นี้ได้จากที่ไหน…
คัปปาโดเกียเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่ประกาศโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปีค.ศ. 1985 เมืองที่มีลักษณะแปลกตาน่าพิศวงนี้ เกิดจากฝีมือของธรรมชาติล้วนๆ ภายหลังที่ภูเขาไฟระเบิดขึ้นเมื่อราวๆ 2 ล้านปีที่ผ่านมา ก็มีลาวาและเถ้าถ่านพวยพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก พอเย็นตัวลงก็กลบแผ่นดินเดิมหนาขึ้นร่วม 150 เมตร กลายเป็นชั้นดินใหม่ กว่าจะเป็นริ้วคลื่น หินเป็นลอนสวยงาม หินเป็นแท่ง ปล่องไฟ กรวย หินรูปเห็ด รูปเจดีย์ ก็ต้องถูกทั้งกัดกร่อนจากลม ฝน หิมะ และสายน้ำมานับล้านปี
สิ่งที่ทำให้คัปปาโดเกียมีชื่อเสียงนอกจาก โรงแรมถ้ำ สุดอลังการแล้ว การขึ้นบอลลูน ชมวิวหลักล้าน!! ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่เปรียบเสมือนจุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนที่แห่งนี้ ให้คุณได้สัมผัสกับวิวทิวทัศน์และบรรยากาศยามเช้าในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นที่สุดแสนจะโรแมนติก ชมความสวยงามของแท่งหินปูนมากมายที่เรียงรายอยู่ทั่วเมือง บอลลูนจะพาคุณล่องลอยอยู่บนฟ้าพร้อมภาพตรงหน้าที่เหมือนกับว่าเราได้ท่องอยู่บนแดนสวรรค์
บอลลูนที่คัปปาโดเกียมีให้บริการตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปสัมผัสกับความอัศจรรย์นี้ได้เสมอ แต่ช่วงที่เหมาะแก่การขึ้นบอลลูนมากที่สุดจะเป็นช่วงเช้ามืด เพราะเราจะได้ดื่มด่ำกับวิวอันวิเศษพร้อมพระอาทิตย์ที่กำลังทอดตัวขึ้นมาจากฝากฟ้า และยังมีสีสันอันสดใสของบอลลูนนับไม่ถ้วนที่กำลังลอยตัวขึ้นช่วยเคล้าคลอให้บรรยากาศ ณ ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่โรแมนติก และประทับใจอย่างไม่รู้ลืม
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ ขึ้นบอลลูนชมวิวหลักล้าน ณ คัปปาโดเกีย แดนสวรรค์ของคนรักความโรแมนติก เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับการนั่งบอลลูนชมวิวเมืองคัปปาโดเกีย งดงามและโรแมนติกมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวตุรกี แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์อิหร่าน
/
NASIR OL MOLK MOSQUE สุเหร่าสีชมพูที่สวยที่สุดในโลก
NASIR OL MOLK MOSQUE สุเหร่าสีชมพูที่สวยที่สุดในโลก
NASIR OL MOLK MOSQUE หรือ ที่รู้จักกันในชื่อสุเหร่าสีชมพู หนึ่งในมัสยิดที่มีความสำคัญมากที่สุดของ ประเทศอิหร่าน และเป็นมัสยิดที่มีความงดงามมากที่สุดในโลก…
Pink Mosque ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Shiraz เมืองทางตอนใต้ของเมืองหลวง Tehran ประเทศอิหร่าน สร้างขึ้นโดย มรีซ์า ฮาซาน อลี นาซีร์ อัลมอล์ค ใน ค.ศ. 1876-1888 ซึ่งใข้เวลาสร้างถึง 12 ปี และมีอายุมากกว่า 100 ปี เลยทีเดียว
สิ่งที่ทำให้สุเหร่าสีชมพูแห่งนี้มีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วโลกก็คือ สีสีนของกระเบื้องที่ถูกตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามตามส่วนต่างๆ มีทั้งกระเบื้องสีชมพู สีแดง สีเหลือง ซึ่งไม่ว่าจะมองมาจากมุมใดของมัสยิดก็ตามจะได้เห็นสีของกระเบื้องที่ตกแต่งภายในเป็นสีชมพูสวยงามเป็นอย่างมาก
ยิ่งถ้าใครได้เข้าไปสัมผัสในช่วงที่แสงแดดสาดแสงผ่านกระจกสีลงมากระทบพื้นจะรู้ว่าที่แห่งนี้มัน unseen มากๆ สีสันของกระเบื้องกระทบกับแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องภาพเข้ามา ช่วยเผยความงดงามและเติมแต่งให้ที่แห่งนี้มีมนต์เสน่ห์ดั่งดินแดนในความฝัน
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ NASIR OL MOLK MOSQUE สุเหร่าสีชมพูที่สวยที่สุดในโลก เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ขอสุเหร่าสีชมพู งดงามชวนหลงไหลมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวอิหร่าน แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 087-078-1777 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ยุโรป
/
ปราสาทปราก (prague castle) สุดยอดอัญมณีแห่งดินแดนเช็ก
ปราสาทปราก (prague castle) สุดยอดอัญมณีแห่งดินแดนเช็ก
ปราสาทปราก (prague castle) ปราสาทเก่าแก่ที่แฝงไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์สำคัญของกรุงปราก โดดเด่นเป็นสง่าด้วยสถาปัตยกรรมโกธีกและในอดีตเป็นยังเคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งโบฮีเมียอีกด้วย…
ปราสาทแห่งกรุงปรากเป้นแลบนด์มาร์กสำคัญของเมือง สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ด้วยศิลปะแบบโกธิค อายุราวๆ 800 กว่าปี กินเนสส์บุ๊คได้บันทึกไว้ว่า เป็นปราสาทที่มีการเชื่อมโยงกันระหว่างส่วนประกอบต่างๆ ของปราสาทที่ใหญ่ และซับซ้อนที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่ถึง 70,000 ตารางเมตร (437.5 ไร่) ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่ทำงานของประธานาธิบดีของสาธารณรัฐเช็กและเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ
สิ่งที่ทำให้ปราสาทปรากโดดเด่นสะดุดตานักท่องเที่ยวก็คือ มหาวิหารเซนต์ไวตัส (St. Vitus Cathedral) มหาวิหารสไตล์โกธีกที่ใหญ่และงดงามมากที่สุด ตั้งอยู่บริเวณภายในปราสาท ซึ่งที่แห่งนี้เป็น ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่ถือได้ว่าใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดของประเทศ จุดเด่นคือหอคอยหลักที่สูงถึง 96.5 เมตร และหอคอยคู่ที่ด้านหน้าก็สูงถึง 82 เมตร
ด้านในมหาวิหารถูกใช้เป็นที่เก็บพระศพของเหล่ากษัตริย์โบฮีเมียหลายพระองค์ แต่ละส่วนมีการตกแต่งอย่างปราณีตด้วยกระจกสีเป็นภาพนักบุญ รูปปั้น และเรื่องราวทางศาสนาคริสต์ ซึ่งต้องขอบอกว่าแต่ละภาพนั้นมีความงดงามมากจริงๆ
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเลยเมื่อมาเยี่ยมชมปราสาทปรากก็คื การชมพิธิพลัดเปลี่ยนเวรยามของเหล่าทหารรักษาพระองค์ ซึ่งพิธีการนี้จะเริ่มตั้งแต่เวลา 05.00 น. - 23.00 น. ของทุกวัน และจะมีการประโคมแตรเดี่ยวพร้อมด้วยพิธีเชิญธงในบริเวณลานปราสาทชั้นแรกด้วย ใครมีเวลาเหลือจากการเที่ยวเล่นภายในปราสาทก็ลองแวะไปรอชมกันได้นะคะ พี่ทหารเท่สุดๆ ไปเลย
อัตราค่าเข้าชม : ราคาบัตรเข้าชมจะแบ่งเป็น 2 แบบคือ 1.แบบใข้เวลาระยะยาวราคา 350 CZK และ 2.แบบใช้เวลาระยะสั้น 250 CZK
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับปราสาทปราก (prague castle) สุดยอดอัญมณีแห่งดินแดนเช็ก เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของปราสาทปราก งดงาม อลังการงานสร้างมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวเช็ก แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ยุโรป
/
Bled Island เกาะสวรรค์กลางทะเลสาบแห่งเทือกเขาจูเลียนแอลป์
Bled Island เกาะสวรรค์กลางทะเลสาบแห่งเทือกเขาจูเลียนแอลป์
Bled Island เกาะสวรรค์กลางทะเลสาบแห่งเทือกเขาจูเลียนแอลป์ แดนสวรรค์แห่งความโรแมนติกบนผืนแผ่นดิน “สโลวีนีย” ประเทศเล็กๆ ที่แฝงไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงาม…
เกาะเบลด เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางทะเลสาบเบลด ทะเลสาบอันเป็นที่เลืองชื่อเรื่องความงดงามของธรรมชาติ ซึ่งเกาะแห่งที่ตั้งอยู่ในเมืองเบลด เมืองทางตอนเหนือของประเทศสโลวีนีย
ทะเลสาบเบลดมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีพื้นที่เพียงแค่ 1.45 กิโลเมตรเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อเสียงก็คือ ภูมิทัศน์ที่แสนอลังการโอบล้อมด้วยเนินเขา ผืนน้ำ และยังถูกผสานเข้าด้วยเกาะกลางทะเลสาบที่มีสิ่งปลูกสร้างเป็นโบสถ์ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่การขึ้นไปจุติบนสวรรค์ของพระแม่มารีในช่วงศตวรรษที่ 17 ซึ่งความสวยงามจากศิลปะแนวบารอคของที่นี่ ทำให้ในแต่ละปีมีคู่รักจำนวนมากเลือกเกาะแห่งนี้เป็นสถานที่แต่งงานของพวกเขา
เบลดเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศสโลวีเนีย ไฮไลท์หลักของการท่องเที่ยวที่แห่งนี้ก็คือการล่องเรือชมความงดงามของทะเลสาบเบลด โดยจะมีบริการนั่งเรือไม้ (เรือพาย) จากชาวท้องถิ่น เรือหนึ่งลำจะสามารถนั่งได้ประมาณ 12 - 15 คนค่ะ
เกาะกลางทะเลสาบมีขนาดเล็กนิดเดียว บันไดที่นำเราขึ้นไปยังบนเกาะมีเพียง 99 ขั้นเท่านั้น ซึ่งคู่รักคู่ไหนที่ต้องการจะมาจัดงานแต่งงานยังที่แห่งนี้ จะมีธรรมเนียมอยู่ว่า เจ้าบ่าว จะต้องอุ้ม เจ้าสาว ขึ้นบันได 99 ขั้น เพื่อขึ้นไปยังโบสถ์ ก่อนจะลั่นระฆังเพื่ออธิฐานให้ชีวิตคู่อยู่กันอย่างยั่งยืน
การจะเข้าไปท่องเที่ยวในโบสถ์นั้น เราต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 6 ยูโร และบนเกาะยังมีร้านขายของที่ระลึก ค่าเฟ่ ร้านอาหารให้เราได้ฝากท้องกันอีกด้วย
นอกจากนี้บริเวณริมทะเลสาบเบลดยังมีโรงแรม รีสอร์ทหลายแห่งให้เราได้เลือกพักผ่อน ใครที่วางแผนจะมาเที่ยวยังเกาะแห่งนี้ ก็สามารถนอนค้างคืนตามโรงแรมริมทะเลสาบ สัมผัสวิวชิลล์ๆ ก่อนได้ พอวันรุ่งขึ้นก็ค่อยออกไปเที่ยวบนเกาะค่ะ
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ BledIsland เกาะสวรรค์กลางทะเลสาบแห่งเทือกเขาจูเลียนแอลป์ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของBled Island งดงามดั่งดินแดนในเทพนิยายเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวสโลวีเนีย แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ยุโรป
/
หาดทรายสีดำ Reynisfjara beach มหัศจรรย์ธรรมชาติแห่งไอซ์แลนด์
หาดทรายสีดำ Reynisfjara beach มหัศจรรย์ธรรมชาติแห่งไอซ์แลนด์
ไอซ์แลนด์ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีธรรมชาติอันมหัศจรรย์อยู่มากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ หาดทรายสีดำ Reynisfjara beach หาดทรายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศและยังเป็นที่โจษจันระดับโลก ความพิเศษของทรายสีดำที่เกิดจากการเนรมิตโดยธรรมชาติ จนเกิดเป็นภาพทิวทัศน์อันงดงามชวนหลงไหลและน่าพิศวงในเวลาเดียวกัน…
Reynisfjara beach ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ก้อนกรวดและทรายสีดำที่เรียงรายอยู่บนหาดนี้ แท้จริงแล้วเกิดจากการสึกกร่อนของหินลาวา และแนวหินบะซอลต์ ที่ถูกพัดพาไปสะสมตัวบริเวณชายหาด โดยเม็ดทรายนี้มีความหนาแน่นและทนทานต่อการแตกสลายผุพัง ถ้าลองสังเกตุอย่างใกล้ๆ เราจะเห็นว่าก้อนกรวดพวกนี้มีลักษณะคล้ายกับอัญมณีอย่างนิลเลยทีเดียว
ในโลกใบนี้มีชายหาดสีดำอยู่ไม่กี่แห่ง โดย Reynisfjara beach เป็น 1 ใน 10 ชายหาดที่มีความงดงามและน่าอัศจรรย์ที่สุดในโลก ซึ่งมีความยาวถึง 5 กิโลเมตร และอยู่ในภูมิอากาศที่มีฝนตกแทบจะทุกวันจึงทำให้มีความชุ่มชื้นและอากาศเย็น บริเวณนี้ยังเป็นที่นิยมสำหรับช่างภาพที่ชื่นชอบการถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ และพรีเวดดิ้งอีกด้วย
นอกจากนี้บริเวรใกล้ๆ กันก็มีแท่งหินบะซอลต์ทรงกระบอกหกเลี่ยมเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ เรียกว่า Reynisdrangur ตั้งอยู่เป็นจำนวนมากและนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้น และยังมีโพรงถ้ำหินบะซอลต์ Dyrholaey ซึ่งมีความสูงสูง 120 เมตร ให้เราได้เข้าไปสัมผัสกับความงดงามอีกด้วย…
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ หาดทรายสีดำ Reynisfjara beach มหัศจรรย์ธรรมชาติแห่งไอซ์แลนด์ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนเสน่ห์ของที่แห่งนี้ งดงามและอัศจรรย์มากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวไอซ์แลนด์ แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ตุรเคีย
/
ต้องมนต์สะกดไปกับเมืองโรมัน เอฟฟิซุส มหานครโบราณแห่งประเทศตุรกี
ต้องมนต์สะกดไปกับเมืองโรมัน เอฟฟิซุส มหานครโบราณแห่งประเทศตุรกี
ต้องมนต์สะกดไปกับเมืองโรมัน เอฟฟิซุส มหานครโบราณแห่งประเทศตุรกี แหล่งอารายธรรมที่กำเนิดขึ้นในยุคสมัยกรีกคลาสสิค ซึ่งในปัจจุบันมีอายุมากกว่า 2,500 ปี…
เอฟฟิซุสตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของอานาโตเลียในจังหวัดอิซเมียร์ในประเทศตุรกี ในสมัยโรมันเอฟฟิซุสเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นสองของจักรวรรดิโรมันรองจากโรมและยังถูกจารึกให้เป็น “มหานครแห่งแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเซีย” เพราะเป็นเมืองโบราณที่มีความสมบูรณ์และมั่งคั่งที่สุด ถนนทุกสายปูด้วยหินอ่อน ซึ่งในสมัยนั้นจะหาอะไรที่หรูหรากว่านี้คงไม่มีอีกแล้ว
ในอดีตเมืองแห่งนี้เคยมีประชากรมากถึง 250,000 ในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งเท่ากับทำให้เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นสองของโลกในยุคนั้น ชื่อเสียงของเมืองมาจากเทวสถานอาร์ทีมิส (สร้างเสร็จราว 550 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ตัวเทวสถานถูกทำลายในปี ค.ศ. 401 โดยฝูงชนที่นำโดยนักบุญจอห์น คริสซอสตอมจักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 ทรงสร้างเมืองขึ้นมาใหม่และทรงสร้างโรงอาบน้ำสาธารณะ
ต่อมาในปี ค.ศ. 614 บางส่วนของตัวเมืองก็มาถูกทำลายไปโดยแผ่นดินไหวเมื่อความสำคัญทางการค้าขายของเอฟฟีซุสลดถอยลง อ่าวก็ตื้นเขินขึ้น ซึ่งในเวลาต่อมาเมืองก็ถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุสขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน
ซากเมืองโบราณของเอฟฟีซุสเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นอันมาก และยังเป็นเมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีที่สุดเมืองหนึ่ง
ในเมืองจะพบถนนหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ ที่ยังคงเหลือร่องรอยให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ ห้องสมุดโบราณที่มีวิธีการเก็บรักษาหนังสือไว้ได้เป็นอย่างดี ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบเฮเลนนิสติคที่มีความอ่อนหวานและฝีมือประณีต
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ ต้องมนต์สะกดไปกับเมืองโรมัน เอฟฟิซุส มหานครโบราณแห่งประเทศตุรกี เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของเอฟฟิซุส งดงามและมีมนต์ขลังมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวตุรกี แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์เกาหลี
/
สัมผัสฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ณ อุทยานแห่งชาติโซรัคซาน แลนด์มาร์กดีๆ ที่ตุลานี้ต้องไปโดน !!
สัมผัสฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ณ อุทยานแห่งชาติโซรัคซาน แลนด์มาร์กดีๆ ที่ตุลานี้ต้องไปโดน !!
เติมเต็มประสบการณ์การชมใบไม้เปลี่ยนสีของคุณ ณ อุทยานแห่งชาติโซรัคซาน สุดยอดแลนด์มาร์กแห่งการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีที่สุดของประเทศเกาหลี ตุลาคมนี้ !! แพลนไว้แล้วออกไปลุยกันเล๊ย…
อุทยานแห่งชาติโซรัคซานตั้งอยู่ในเมืองซกโช จังหวัดคังวอนโด มีพื้นที่ทั้งหมด 354 กิโลเมตร จัดได้ว่าเป็นแนวเขาที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเกาหลีใต้และเป็นที่แรกๆ ที่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี ซึ่งจะเริ่มในช่วงเดือนกันยายน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและจะไปพีคที่สุดในช่วงเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน ค่ะ
ตลอดการเที่ยวชมภายในอุทยาน คุณจะได้ดื่มด่ำกับพรรณไม้นานาชนิดที่กำลังเปลี่ยนสีไล่เฉดไปทั่วภูเขา เคล้าคลอด้วยลมหนาวที่กำลังพัดผ่านมา ประกบกับเสียงลมเสียงใบไม้พริ้วไหว เสียงนก เสียงแมลง ที่คอยเติมแต่งบรรยากาศให้ที่แห่งนี้ เป็นดินแดนในจินตนาการ…
หลังจากดื่มด่ำกับสีสันของฤดูกาลกันมาสักพักแล้ว ใครที่เริ่มหิว ภายในอุทยานก็มีร้านค้าร้านอาหาร ค่าเฟ่ มากมาย ให้คุณได้เลือกลิ้มลองกันตามใจชอบ หรือใครที่เป้นคอกาแฟอยากจิบกาแฟเบาๆ เสพบรรยากาศอันแสนสุข ที่แห่งนี้ก็มีร้านกาแฟไว้บริการนะคะ
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเลยเมื่อมาเยือนอุทยานแห่งนี้ก็คือ การขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของยอดเขา Gwongeumseong Fortress ซึ่งที่แห่งนี้มีกระเช้าคอยบริการนักท่องเที่ยวอยู่ โดยจะมีค่าบริการไป - กลับอยู่ที่ 10,000 วอน หรือประมาณ 370 บาท ต้องบอกว่าระหว่างทางที่กระเช้าเคลื่อนตัวนั้น วิวทิวทัศน์ของเค้าสุดยอดจริงๆ
ตัวกระเช้าจะไม่ได้ขึ้นไปยังจุดสูงสุดของยอดเขา Gwongeumseong Fortress โดยจะจอดที่จุดพัก ซึ่งตรงนี้ถ้าใครต้องการจะไปพิชิตจุดสูงสุดของยอดเขาจะต้องเดินเท้ากันต่อนะคะ แต่ถ้าใครไม่อยากขึ้นก็สามารถชมวิวอยู่ตรงจุดพักกระเช้าได้ค่ะ งดงามเหมือนกัน
อัตราค่าเข้าชมอุทยาน : ผู้ใหญ่ 3,500 วอน (ประมาณ 100 บาท), เด็ก (อายุ 14-19) 1,000 วอน (ประมาณ 30 บาท), เด็ก(อายุ 8-13) 500 วอน (ประมาณ 15 บาท)
เวลาเปิดทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 7.00 น. - 17.00 น.
การเดินทาง : จากเมืองซกโช, ขึ้นรถ City Bus และลงที่ทางเข้าอุทยานแห่งชาติซอรัคซาน (ใช้เวลาประมาณ 20-25 นาที, มีรถทุกๆ 10 นาที) จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาทีก็จะถึง
จากเมืองซกโช, ขึ้น Taxi มาลงที่อุทยานแห่งชาติ (ใช้เวลาประมาณ
ทัวร์พม่า
/
มหาเจดีย์ชเวสิกอง 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดแห่งเมืองพม่า
มหาเจดีย์ชเวสิกอง 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดแห่งเมืองพม่า
มหาเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Paya) เจดีย์องค์ใหญ่ สีทอง เก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง พุกาม ศาสนสถานอันเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่าและชาวไทย โดยชื่อ “ชเวสิกอง” มีความหมายว่า เจดีย์ทองแห่งชัยชนะ และยังเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของประเทศพม่าอีกด้วย…
เจดีย์ชเวสิกองตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิระวดีตอนบน เขตเมืองพุกาม เริ่มสร้างในสมัยพระเจ้าอโนรธามหาราช (พ.ศ.1587 – 1620) มาเสร็จสิ้นสมัยพระเจ้าจันสิตตา (พ.ศ.1627 - 1656) รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์พุกาม พุทธลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำแบบมอญ ประดับลายงดงามด้วยเฟื่องอุบะ และแถบคาดรอบองค์ระฆังที่เรียกว่า “รัดอก” แซมลวดลายประดับทั้งขอบล่างและขอบบน องค์เจดีย์หุ้มด้วยแผ่นทอง ตั้งบนฐาน 3 ชั้น รวมความสูงจากฐานถึงยอด 53 เมตร หรือกว่า 170 ฟุต รอบระเบียงมีภาพแผ่นเคลือบปูนปั้นเล่าเรื่องในนิทานชาดกสอนใจคน รอบฐานเจดีย์มีวิหารโถงประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสี่ทิศ ถือเป็นศิลปะพุกามรุ่นแรกที่ได้รับอิทธิพลจากมอญ
จุดที่สร้างเจดีย์ เกิดจากช้างเสี่ยงทายของพระเจ้าอโนรธาเดินมาหยุดอยู่ ณ หาดทรายริมฝั่งแม่น้ำอิระวดี จึงเฉลิมนาม “ชเวสิกอง” หรือในสำเนียงพม่าว่า “ชเวซีโข่ง” แปลตรงตัวว่าเจดีย์ทองบนพื้นทรายเจดีย์ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของพม่าที่มีเหนือมอญ และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธาในศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ที่สำคัญคือเป็นเจดีย์บรรจุพระทันตธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เจดีย์ชเวสิกองมีความอัศจรรย์ 9 ประการของพระมหาธาตุชเวสิกอง คือ
1.ยอดพระเจดีย์ไม่มีการใช้เหล็กเสริม
2.กระดาษห่อแผ่นทองคำเปลวที่นำไปปิดส่วนยอดพระเจดีย์ จะไม่ปลิวพ้นฐานสี่เหลี่ยมของพระเจดีย์
3.เงาพระเจดีย์จะไม่ล้ำออกนอกฐานสี่เหลี่ยมของพระเจดีย์ (ถ้าเงาล้ำออกไป ถือว่าเป็นลางร้าย)
4.ภายในเขตองค์พระเจดีย์ สามารถรองรับผู้แสวงบุญได้ไม่จำกัดจำนวน (ไม่เคยเต็ม)
5.มีการให้ทานด้วยข้าวสุกร้อน ๆ ทุกเช้า (ไม่ว่าเราจะตื่นเช้าสักเพียงใด จะพบข้าวสุกในบาตรอยู่ก่อนหน้าเราเสมอ)
6.เมื่อตีกลองใบใหญ่จากด้านหนึ่งของพระเจดีย์ จะไม่สามารถได้ยินเสียงกลองจากด้านตรงข้าม
7.แม้พระเจดีย์จะตั้งอยู่บนพื่นราบ แต่เมื่อมองจากภายนอก จะเกิดภาพลวงตาคล้ายพระเจดีย์ตั้งอยู่บนที่สูง
8.ไม่ว่าฝนจะตกหนักเพียงใด จะไม่มีน้ำฝนขังอยู่ในอาณาเขตขององค์พระเจดีย์
9.มีต้นพิกุล (Khaye หรือ Chayar) ซึ่งจะออกดอกตลอดทั้งปี (ปรกติจะออกปีละครั้ง)
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ มหาเจดีย์ชเวสิกอง 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดแห่งเมืองพม่า เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนเสน่ห์ของมหาเจดีย์ชเวสิกอง งดงาม ดูศักดิ์สิทธิ์และมีมนต์เสน่ห์มากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวพม่า แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์เวียดนาม
/
นาขั้นบันได ซาปา (SAPA) มนต์เสน่ห์เมืองแห่งขุนเขาสายหมอก
นาขั้นบันได ซาปา (SAPA) มนต์เสน่ห์เมืองแห่งขุนเขาสายหมอก
เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไปแล้วนะคะ กับ นาขั้นบันได ซาปา แหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งเมืองขุนเขาสายหมอก สุดยอดแลนด์มากที่คุณจะได้ย่อนจิตย่อนใจไปกับอากาศที่บริสุทธิ์ วิวทิวทัศน์อันแสนงดงามของนาขั้นบันได และวัฒนธรรมที่แสนอบอุุ่นจากชนพื้นเมือง ซึ่งของดีแบบนี้หาชมที่ไหนไม่ได้ต้องที่ ซาปา เวียดนามเหนือเท่านั้น…
ซาปา (SaPa) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม ในเขตจังหวัดลาวไค ใกล้กับชายแดนจีน ภูมิประเทศตั้งอยู่บนระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,650 เมตร จึงมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี ในอดีตเมืองแห่งนี้เคยเป็นเมืองแห่งการพักผ่อนของฝรั่งเศสที่ปกครองเวียดนามอยู่และพวกเขาได้สร้างสถานีบนภูเขาขึ้นในปี พ.ศ.2465 จากนั้น จึงเริ่มมีชาวต่างชาติซึ่งอยู่ในฮานอยทยอยเดินทางมาพักผ่อนในช่วงวันหยุดเป็นประจำ เพราะอากาศดีและเงียบสงบ จึงทำให้ที่แห่งนี้รู้จักเป็นวงกว้าง
ไฮไลท์ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกก็คงจะหนีไม่พ้น นาขั้นบันได้ ซึ่งที่ซาปามีนาขั้นบันไดอยู่หลายที่ แต่ที่เด็ดสุด! จะอยู่ที่หมู่บ้าน หมู่บ้านกั๊ตกั๊ต (Cat Cat Village) หมู่บ้านของชาวม้งดำตั้งอยู่ในหุบเขา Muong Hoa ห่างจากตัวเมืองซาปาประมาณ 2 กิโลเมตร
Cat Cat Village เป็นหมู่บ้านชนพื้นเมืองเก่าแก่ที่มีภูมิทัศน์สวยงาม ล้อมรอบไปด้วยทุ่งนาและทุ่งข้าวโพดเขียวขจีที่กำลังกระทบกับแสงแดดและพริ้วไหวไปตามสายลม เคล้าคลอด้วยสายลมเย็นๆ ชวนสัมผัสจนรู้สึกว่ากำลังท่องอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน
นอกจากเราจะได้เพลิดเพลินไปกับธรรมชาติอันสวยงามและบ้านเรือนของชาวม้งดำที่น่าสนใจแล้ว ที่แห่งนี้ยังเรายังสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมความเป็นอยู่และวิถีชีวิตแบบมีความสุขของประชาชนชาวเขาพื้นเมือง ที่พึ่งพาธรรมชาติในการดำเนินชีวิตอันเรียบง่าย ตลอด 2 ข้างทางยังมีคาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายสินค้าพื้นเมืองให้เราได้แวะช้อปปิ้งตลอดทางอีกด้วย ส่วนใครที่ต้องการบริจาคสิ่งของก็สามารถนำติดตัวไปด้วยได้นะคะ เพราะที่นี่มีเด็กชาวเขารอรับบริจาคอยู่ จะเป็นเสื้อผ้า ผ้าห่ม รองเท้า หรือ ขนมก็ได้ค่ะ ถือโอกาสทำบุญไปด้วยเลย
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ นาขั้นบันไดซาปา (SAPA) มนต์เสน่ห์เมืองแห่งขุนเขา เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของซาปา อยากหนีไปฟอกปอดกันเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวเวียดนาม แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholida
ทัวร์ยุโรป
/
มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) ความหรูหรากลางมหานครแห่งแฟชั่น
มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) ความหรูหรากลางมหานครแห่งแฟชั่น
มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) ที่สุดของสถาปัตยกรรมกอธิคแห่งเมืองมิลาน ตั้งโดดเด่น หรูหราอยู่ตรงกลางจตุรัสแห่งมหานครแฟชั่น แลนด์มาร์กท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองแห่งนี้…
ดูโอโม่แห่งมิลาน เป็นโบสถ์ใหญ่อันดับ 3 ของยุโรป ใช้ศิลปะกอธิคที่หรูหราในการออกแบบ และใช้เวลาในการสร้างนานเกือบ 600 ปีเลยทีเดียว โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ ปี ค.ศ.1386 มีความความสูงถึง 157 เมตรและกว้างถึง 92 เมตร จนได้ชื่อว่าเป็นมหาวิหารแบบกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่กษัตริย์วิคเตอร์เอมมานูเอลที่ 2 ปฐมกษัตริย์ของอิตาลีในการรวมชาติ
ลานกว้างด้านหน้าดูโอโม่มีอนุสาวรีย์ พระเจ้าวิกเตอร์เอมมานูเอลที่ 2 ทรงม้า คือสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆ และเป็นที่พบปะของผู้คน
ความโดดเด่นของมหาวิหารนั้นก็คือ การตกแต่งประดับประดาที่เน้นความหรูหราอย่างเต็มที่โดยเฉพาะรูปปั้นรอบตัวอาคาร มีจำนวนกว่า 3,000 ชิ้น ขวามือของโบสถ์มีอาคารทรงกากบาทหลังหนึ่ง และหลังคามุงด้วยกระเบื้องโปร่งใส เรียกกันว่า“อาเขต” อีกทั้งยังถูกรายล้อมด้วยยอดแหลมประมาณ 135 ยอดบนหลังคาทำให้มหาวิหารนั้นดูอลังการ สวยงามแปลกตา ยอดที่สูงที่สุดประดับด้วยรูปสลักพระแม่มาเรียสูง 4 เมตร หุ้มด้วยทองคำทั้งองค์ มีชื่อเรียกว่า “มาดอนนิน่า”
ภายในมหาวิหารก็ถูกตกแต่งอย่างหรูหราเช่นกัน มีรูปปูนปั้นของนักบุญและเรื่องราวจากพระคัมภีร์ บนผนัง เพดาน หน้าต่างเต็มไปด้วยภาพเขียนและสเตนกราสที่มีสีสันลวดลายสวยงามวิจิตร บริเวณภายในกว้างขวาง สามารถบรรจุคนได้มากถึง 40,000 คนเลยทีเดียว
มหาวิหารดูโอโม่สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของสติปัญญาและอัฉริยะภาพของสถาปนิกในสมัยกลาง โดยเฉพาะประเทศฝรั่งเศสที่มีสถาปัตยกรรมกอธิคมากมาย สะท้อนให้เห็นถึงความน่าทึ่งของสถาปัตยกรรมกอธิคที่มีระยะเวลาการสร้างที่ยาวนานและความสามารถของช่างฝีมือที่เก่งกาจที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานอันน่าเกรงขามแสดงถึงพลังอำนาจของคริสตจักรได้เป็นอย่างดี
วันเวลาทำการ : 10:00 - 18:00 น. ปิดทุกวันพุธ
อัตราค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี แต่ถ้าต้องการถ่ายรูปต้องเสีย 2 ยูโร ค่าขึ้นลิฟ 8 ยูโร เดินขึ้นบันได 5 ยูโร
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) ความหรูหรากลางมหานครแห่งแฟชั่น เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของมหาวิหารดูโอโม่ หรูหรา งดงาม อลังการมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวอิตาลี แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์มาเลเซีย
/
วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ศาสนสถานฮินดูอันศักดิ์สิทธิ์แห่งมาเลเซีย
วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ศาสนสถานฮินดูอันศักดิ์สิทธิ์แห่งมาเลเซีย
วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในถ้ำหินปูนเก่าแก่อายุ 400 ล้านปี ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดู และเป็นสถานที่ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมในศาสนาฮินดูอีกด้วย ซึ่งในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวd;jkหลายพันคนเดินทางมาที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลประจำปี ไทปูซัม …
ถ้ำหินปูนแห่งนี้ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ห่างไปประมาณ 12 เมตร มีความยาวถึง 400 เมตรและสูง 100 เมต ประกอบด้วยสามถ้ำหลัก ซึ่งใช้เป็นวัดและศาลฮินดู สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของถ้ำบาตูก็คือ รูปปั้น พระขันธกุมาร สีทองอร่ามตั้งเด่นสง่าอยู่ด้านหน้าบันไดทางขึ้นปากถ้ำ ซึ่งมีความสูงถึง 42.7 เมตร เลยทีเดียว ซึ่งพระขันธกุมารนั้นเป็นที่เคารพนับถือเป็นอย่างมากของชาวอินเดีย และยังเป็นเป็นโอรสองค์ที่ 2 ของพระศิวะและพระแม่อุมาอีกด้วย
ก่อนที่เราจะผ่านเข้าไปชมความงดงามภายในถ้ำได้นั้น คุณจะต้องผ่านบันไดกว่า 272 ขั้น ที่ถอดยาวขึ้นไปสู่ตัวถ้ำ ซึ่งเปรียบเสมือนการขึ้นสวรรค์ไปให้ได้ก่อน ใครที่กำลังวางแผนมาที่นี่อาจจะต้องเตรียมตัวฟิตร่างกายกันสักนิดนะคะ แต่ขอบอกว่าคุ้มแน่นอนถ้าได้ขึ้นมาแล้ว เพราะคุณจะพบกับทัศนียภาพและเส้นขอบฟ้าที่สวยงามของเมืองได้อย่างชัดเจน รอบๆ วัด คุณจะเห็นลิงวิ่งเล่นกันอย่างอิสระ
เมื่อเข้ามาสู่ภายในถ้ำแล้ว คุณจะได้พบกับรูปปั้นเทพเจ้ามากมายที่ถูกประดับประดาอยู่ตามซอกหิน และบริเวณด้านในสุดจะพบกับศาลที่ชาวฮินดูมาไหว้สักการะ ขอพร ซึ่งศาลแห่งนี้เป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์มากๆ ใครได้มาขอพรแล้วก็มักจะสมหวังกลับไปเสมอ
อีกหนึ่งเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ควรพลาดเลยซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม - เดือนกุมภาพันธ์ ก็คือ เทศกาลประจำปี ไทปูซัม เทศกาลเฉลิมฉลองเนื่องในวันคล้ายวันประสูติของพระขันธกุมาร ในวันนั้นจะมีชาวฮินดูทั่วสารทิศแห่เข้ามาร่วมเฉลิมฉลอง เพื่อขอพรให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยไฮไลท์ที่เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของเทศกาลนี้ที่ใครเห็นเป็นต้องอึ้งกันไปตามๆ ก็คือ จะมีผู้แสวงบุญจำนวนหนึ่งใช้เหล็กเสียบผิวหนังตามร่างกายต่างๆ เพื่ออุทิศตนให้กับพระขันธกุมาร และนักแสวงบุญอีกส่วนจะแบกแท่นบูชาที่มีคนโทบรรจุนม ซึ่งถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงาม เดินขึ้นบันไดกว่า 272 ขั้น เพื่อไปขอพรจากพระขันธกุมาร
ในอดีตเคยมีบันทึกว่าในปีพ.ศ. 2549 มีผู้แสวงบุญชาวฮินดูมาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลไทปูซัมมากกว่า 1,500,000 คน ซึ่งใครที่อยากสัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่และมีมนต์ขลังนี้ก็ลองวางแผนมาดูนะคะรับรองว่าคุณจะต้องทึ่งกับมนต์สะกดนี้อย่างไม่ผิดหวังแน่นอน
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ศาสนสถานฮินดูอันศักดิ์สิทธิ์แห่งมาเลเซีย เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนเสน่ห์ของวัดถ้ำบาตู สวยงามและมีมนต์เสน่ห์มากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวมาเลเซีย แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ยุโรป
/
สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) สะพานไม้เก่าแก่ที่สุดในโลก
สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) สะพานไม้เก่าแก่ที่สุดในโลก
ขึ้นชื่อว่าเป็น Top of Europe แล้ว แน่นอนว่าทุกไฮไลท์ของ สวิสเซอร์แลนด์ ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยจริงๆ ตั้งแต่ธรรมชาติ ป่า เขา ไปจนถึงเมืองในฝันและประวัติศาสตร์สุดคลาสสิก เรียกได้ว่าเป็นแดนสวรรค์ของนักท่องเที่ยวเลยทีเดียว แต่คุณผู้ชมรู้ไหมคะ? ว่านอกจากสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง ยอดเขาจุงเฟรา หมู่บ้านเซอร์เมท เมืองกรินเดอวาล ที่สวิสเซอร์แลนด์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกมากมาย และหนึ่งในนั้นที่เราจะมาแนะนำในวันนี้ก็คือ สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) สะพานไม้เก่าแก่ที่สุดในโลก แห่งเมืองลูเซิร์น…
สะพานไม้ซาเปลเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 หรือ ศตวรรษที่ 14 มีอายุยาวนานกว่า 600 ปี ตัวสะพานมีลักษณะเป็นโครงไม้รูปสามเหลี่ยมทอดยาวผ่านแม่น้ำรอยส์ ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตรเลยทีเดียว แต่ในปี 1993 ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ทำให้ตัวสะพานได้รับความเสียหาย จนต้องทำการบูรณะใหม่ทำให้ความยาวของสะพานลดลงเหลือ 170 เมตร แต่ความสวยงามก็ยังคงเดิม
ปัจจุบันสะพานแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตและเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์นไปแล้ว ตลอดการเดินเล่นบนสะพานเราจะได้พบกับภาพเขียนมากมาย ภายใต้หลังคาและแนวยาวของสะพานที่เล่าถึงประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นในศตวรรษที่ 17 ซึ่งถูกวาดโดยจิตรกรชาวแคททอลิค มีทั้งหมด 158 ภาพ แต่เนื่องจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนั้นเหลือเพียง 47 ภาพที่ยังรักษาไว้ได้
นอกจากนี้ยังมีหอคอยน้ำ (Wasserturm or Water Tower) หอคอยทรงแปดเหลี่ยมมีฐานเชื่อมกับสะพานไม้ชาเปล ในสมัยก่อนเคยถูกใช้เป็นที่คุมขังนักโทษ และเป็นที่เก็บเอกสารสำคัญต่างๆของราชการ แต่ในปัจจุบันนี้ได้ถูกยกเลิกการใช้งาน และกั้นไว้ไม่ให้ใครเข้า แต่นักท่องเที่ยวยังสามารถถ่ายรูปกลับไปเป็นที่ระลึกได้
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) สะพานไม้เก่าแก่ที่สุดในโลก เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของสะพานไม้ชาเปล งดงาม มีมนต์ขลังมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ แต่ไม่รู็ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday