ทัวร์ไต้หวัน
/
ประเทศไต้หวัน
ปัจจุบันประกอบด้วยเกาะใหญ่ 5 แห่ง คือ จินเหมิน (金門 Jīnmén ?; Kinmen) ไต้หวัน เผิงหู (澎湖 Pénghú ?) หมาจู่ (馬祖 Mǎzǔ ?; Matsu) และอูชิว (烏坵 Wūqiū ?) กับทั้งเกาะเล็กเกาะน้อยอีกจำนวนหนึ่ง ท้องที่ทั้งหมดดังกล่าวเรียกรวมกันว่า "พื้นที่ไต้หวัน" (臺灣地區 Táiwān Dìqū ?; Taiwan Area) ไต้หวันด้านตะวันตกติดกับจีน ด้านตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือติดกับญี่ปุ่น และด้านใต้ติดกับฟิลิปปินส์ กรุงไทเปเป็นเมืองหลวง[3] ส่วนไทเปใหม่เป็นเขตปกครองที่จัดตั้งขึ้นใหม่ กินพื้นที่กรุงไทเป และเป็นเขตซึ่งประชากรหนาแน่นที่สุดในเวลานี้ เกาะไต้หวันนั้นเดิมเป็นที่อยู่ของชนพื้นเมือง และมีชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่เข้ามาอาศัยร่วมด้วย จนกระทั่งชาววิลันดาและสเปนเดินทางเข้ามาในยุคสำรวจเมื่อศตวรรษที่ 17 และมาตั้งบ้านเรือนกลายเป็นนิคมใหญ่โต ต่อมาในปี 1662 ราชวงศ์หมิงในแผ่นดินใหญ่ถูกราชวงศ์ชิงแทนที่ เจิ้ง เฉิงกง (鄭成功 Zhèng Chénggōng ?) ขุนศึกหมิง รวมกำลังหนีมาถึงเกาะไต้หวัน และเข้ารุกไล่ฝรั่งออกไปได้อย่างราบคาบ เขาจึงตั้งอาณาจักรตงหนิง (東寧 Dōngníng ?; Tungning) ขึ้นบนเกาะเพื่อ "โค่นชิงฟื้นหมิง" (反清復明 Fǎn Qīng Fù Míng ?) แต่ในปี 1683 ราชวงศ์ชิงปราบปรามอาณาจักรตงหนิงและเข้าครอบครองไต้หวันเป็นผลสำเร็จ ไต้หวันจึงกลายเป็นมณฑลหนึ่งของจีน อย่างไรก็ดี ความบาดหมางระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเป็นเหตุให้ญี่ปุ่นได้ไต้หวันไปในปี 1895 ก่อนเสียไต้หวันคืนให้แก่จีนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ช่วงนั้น มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในจีน พรรคชาตินิยม (國民黨 Guómíndǎng ?; Kuomintang) ได้เป็นใหญ่ แต่ไม่นานก็เสียทีให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ (共产党 Gòngchǎndǎng ?; Communist Party) พรรคชาตินิยมจึงหนีมายังเกาะไต้หวัน แล้วสถาปนาสาธารณรัฐจีนขึ้นบนเกาะไต้หวันแยกต่างหากจากสาธารณรัฐประชาชนจีนบนแผ่นดินใหญ่ อย่างไรก็ดี จีนยังคงถือว่า ไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของตน และไต้หวันเองก็ยังมิได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นประเทศเอกราชมาจนบัดนี้
สภาพภูมิอากาศ
.....เกาะไต้หวันตั้งอยู่ระหว่างเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน จึงมีลักษณะภุมิอากาศแบบเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน เนื่องจากถูกล้อมรอบด้วยทะเลจึงได้รับอิทธิพลจากลมมรสุม ทำให้ที่นี่อากาศเย็นสบาย
ทัวร์เวียดนาม
/
ประเทศเวียดนาม
เมืองโฮจิมินห์ สะท้อนถึงความอดทนความขยันขันแข็งของชาวเวียดนาม และการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเวียดนาม คนไทยไปเที่ยวเวียดนามไม่ต้องใช้วีซ่า อยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน นักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศเวียดนาม ต้องถือหนังสือเดินทางติดตัวตลอดเวลา โรงแรมที่พักจะขอให้แขกต่างชาติแสดงหนังสือเดินทาง เพื่อการลงทะเบียนและแจ้งทางการตำรวจ
เงินบาทไทย ใช้ซื้อของในเวียดนามได้และเป็นที่ต้องการของผู้ขายมาก ไม่ต้องพกเงินไปมาก เพราะสินค้าที่จะซื้อเป็นของฝาก เป็นสินค้าพื้นเมืองราคาไม่แพง
บัตรเครดิต ใช้ได้ตามโรงแรมและห้องอาหารใหญ่ๆ และแหล่งช็อปปิ้งบางแห่ง
สกุลเงิน เวียดนามดอง อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 16,000 เวียดนามด่อง
เวลา เท่ากับประเทศไทย
น้ำประปา ควรซื้อนํ้าดื่มที่บรรจุขวดหรือดื่มนํ้าต้มภายในห้องพักเท่านั้น
ไฟฟ้า ใช้กระแสไฟฟ้า 220 โวลต์ เหมือนเมืองไทย ควรเตรียมตัวแปลงไฟฟ้าไปด้วย
โทรศัพท์ โทรศัพท์สาธารณะใช้บัตรหาซื้อได้ตามที่ทำการไปรษณีย์ โทรกลับประเทศไทย กด 00+66+รหัสเมือง+หมายเลข โทรจากมือถือกดเครื่องหมายบวก+66+รหัสเมือง+หมายเลข
การเตรียมตัว เสื้อผ้าต้องเตรียมให้เหมาะสมกับอุณหภูมิ อากาศจะใกล้เคียงกับประเทศไทยอุปกรณ์ถ่ายรูปควรเตรียมไปให้พร้อม ฟิล์ม แบตเตอรี่ สำหรับกล้องถ่ายรูป ควรเตรียมให้เพียงพอกับการใช้งาน และอย่าลืมที่ชาร์ทแบตเตอรี่กล้องถ่ายรูป ผู้ที่มีโรคประจำตัว เตรียมยาประจำตัวพร้อมใบกำกับการใช้จากแพทย์ไปด้วย
ภูมิอากาศ มีอากาศร้อนและแดดแรง ควรเตรียม อุปกรณ์กันแดด แว่น หมวก ร่ม เสื้อแขนยาว ครีมกันแดด อาจมีอากาศหนาวชื้นถ้าอยู่บนเขา เตรียมรองเท้าที่สวมใส่สบาย พร้อมถุงเท้า นํ้าหนักกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ควรมีนํ้าหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม สินค้ายกเว้นภาษี นำเข้าประเทศไทย ได้แก่ บุหรี่ ไม่เกินท่านละ 1 แถว
เดินทางจากไทย ทางรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้บริการรถโดยสารประจำทางไปจังหวัดหนองคาย จากนั้นข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ไปยังนครเวียงจันทน์มีรถโดยสารจากนครเวียงจันทน์ไปยังกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม
ทางเครื่องบิน ใช้บริการของสายการบินไทย สายการบินไทยแอร์เอเชีย และสายการบินเวียดนามที่มีบริการเที่ยวบินสู่กรุงฮานอย
เมืองน่าเที่ยว ฮานอย โฮจอมอินห์ ดานัง เว้ ฮอยอัน ซาปา กั่นเทอ ฮาลอง ดาลัด
อาหาร อาหารเวียดนามมีความละเอียดละไมทาน พร้อมกับผักสด เครื่องเทศ และนํ้าปลา ยิ่งมาเพิ่มรสชาติด้วย ส่วนผสมของนํ้ามะนาว แครอทซอย พริก กระเทียม และนํ้าตาล
อาหารหลัก คือ ข้าวสวยและก๋วยเตี๋ยวน้าจานเด็ดจากถิ่นต่างๆ ทำให้เพิ่มความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ลองคุยกับชาวเวียดนามแล้วจะได้รับคำแนะนำเมนูน่าลิ้มลอง
** ห้ามถือหิ้วประเจิดประเจ้อ ควรนำสิ่งของมีค่าติดตัวไปให้น้อยที่สุด และนำเงินติดตัวไปเฉพาะเท่าที่จำเป็น เนื่องจากอาชญากรรมบนท้องถนนเพิ่มมากขึ้น โดยจะมาในรูปแบบของเด็กหรือหญิงอุ้มลูกเข้ามาขอทาน บ้างก็ซ้อนท้ายจักรยานยนต์ออกหาเหยื่อที่เป็นนักท่องเที่ยว ข้ามถนนด้วยความระมัดระวังมอเตอร์ไซค์เยอะมาก **
ซินจ่าวเวียดนาม เยี่ยมสุสาน “โฮจิมินห์”
ทุก ครั้งที่ไปเวียดนามต้องระลึกถึงเรื่องราวการต่อสู้ของชาวเวียดนามใน พิพิธภัณฑ์ สงครามที่จัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ
ทวีปยุโรป
/
TOP 10 TRAVEL
DESTINATIONS OF 2014
บริษัททัวร์คุณภาพ
เหนือด้วย...ราคา และคุณภาพ
ข่าวสาร
TOP 10 TRAVEL
DESTINATIONS OF 2014top101
นับถอยหลังเตรียมตัวออกไปค้นหาแรงบันดาลใจเติมพลังให้ชีวิต ผ่อนคลายจากความรีบร้อนวุ่นวาย แสวงหาประสบการณ์การเดินทางใน 10 จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจเหล่านี้
1.Norway
top102
:: ประเทศนอร์เวย์ มีเอกลักษณ์ที่น่าติดตามหลายสิ่ง นอกจากธรรมชาติสุดอลังการ อย่างฟยอร์ด(Fjord อ่าวแคบๆ ยาวๆ อยู่ระหว่างหน้าผาสูงชัน) ยังมีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติน่าตื่นตา เช่น Northern Lights (Aurora Borealis) แสงเหนือที่พบในค่ำคืนมืดมิดไร้เมฆหมอก ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ ในดินแดนใกล้เส้นอาร์กติกนอกจากนั้น ยังมี Midnight Sun ที่พระอาทิตย์ในหน้าร้อนไม่ลับหาย ทำให้ท้องฟ้าส่องสว่างตลอด 24 ชั่วโมง สามารถชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ถึง 76 วัน ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม ซึ่งจุดที่ชมนั้น ยิ่งขึ้นเหนือไปเท่าใด ก็ยิ่งเห็นได้มากเป็นต้นว่า Lofoten อันมียอดเขาและที่ราบริมฝั่งทะเล ที่ฝูงแกะเล็มหญ้าจากดินเจือสาหร่ายทะเล , เทือกเขาสูง Lyngen Alps ซึ่งมีน้ำตก Mollisfossen กับ Malselvfossen ที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นน้ำตกแห่งชาตินอร์เวย์ หรือนั่งเคเบิ้ลคาร์ที่ Tromso เพื่อชมพระอาทิตย์ลอยเด่นเหนือ Ringvassoya Island รวมถึงที่หน้าผา North Cape (Nordkapp) ซึ่งรัชกาลที่5 เสด็จประพาสเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2450
2.Hokkaido , Japan
top29
:: ฮอกไกโด เป็นทั้งจังหวัดและเกาะใหญ่ที่อยู่เหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น ล้อมรอบด้วยทะเลทุกด้าน แต่ความชื้นต่ำ ทำให้ฤดูร้อนแสนสบาย แม้ฤดูหนาวจะเย็นจัดติดลบมากแต่ก็ทดแทนด้วยการแช่น้ำร้อน กับกิจกรรมและกีฬาฤดูหนาวที่สนุกสุดแสน ขณะที่ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงก็งดงามทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในทุกฤดูกาล
ดอกซากุระที่ฮอกไกโดบานช้ากว่าภูมิภาคอื่นในญี่ปุ่น จึงมาชมได้ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีทุ่งดอกทิวลิปให้ชมด้วย ดอกลาเวนเดอร์เริ่มแย้มปลายเดือนมิถุนายน สะพรั่งส่งกลิ่นหอมกรุ่นกลางกรกฎาคม จากนั้นถึงคิวของดอกทานตะวันและคอสมอส ซึ่งนักท่องเที่ยวมักขับรถเที่ยวมาจอดป้ายทุ่งดอกไม้หลากสีที่เมืองฟุราโนะ (Furano) ก่อนจะกินไอศกรีมรสลาเวนเดอร์ให้ชื่นใจ ส่วนเมืองเอกของฮอกไกโด คือ ซัปโปโร ก็มีเทศกาลฤดูหนาวที่มีรูปปั้นหิมะและการประดับประดาไฟระยิบระยับ มีอาหารทะเล โดยเฉพาะปู (Hanasaki Crab , Hairy Crab , Snow Crab , King Crab)
ทัวร์เขมร
/
ที่มาของชื่อพนมเปญ
.....มีตำนานพื้นบ้านกล่าวว่า เมื่อราวหกร้อยปีก่อน เศรษฐีนีชาวเขมรผู้หนึ่งชื่อเพ็ญ พบพระพุทธรูปลอยน้ำมาเกยฝั่งหลายองค์ ด้วยศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธศาสนา นางจึงสร้างวัดขึ้นบนยอดเขาที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเปล่านั้น เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเหล่านั้น แม้เขาลูกนั้นจะสูงเพียง 27 เมตร แต่ก็ถือเป็นเขาที่สูงที่สุดในละแวดนี้ จึงเรียกกันเรื่อยมาว่า พนมเปญ ซึ่งแปลว่า เขายายเพ็ญ ส่วนวัดที่ยายเพ็ญสร้างก็คือ วัดพนม
.....* พระราชวังหลวง พระที่นั่ง และวัดพระแก้ว
.....พระราชวังหลวงหรือพระราชวังเขมรินทร์แห่งนี้ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโตนเลซาบ พบพื้นที่เดิมของป้อมบันเตีย เคฟ ด้านหน้าวังมีสนามหญ้าเขียวขจีคล้ายท้องสนามหลวงในกรุงเทพฯ นับได้ว่า เป็นพระบรมมหาราชวังที่ตั้งอยู่บนทำเลที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง มองเห็นทิวทัศน์ได้ในมุมกว้าง
.....พระราชวังเขมริทร์เป็นสถานที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดมสีหมุนี พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา สร้างขึ้นโดยความช่วยเหลือของฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1866 และ ได้รับการบูรณะ โดยเสริมคอนกรีตบางส่วนในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20
.....ลักษณะโดยรวมของพระราชวังเขมรินทร์มีความคล้ายคลึงกับพระบรมมหาราชวังของไทย งดงามวิจิตรด้วยสถาปัตยกรรมและศิลปะที่มีเอกลักษณ์อันงดงามอ่อนช้อย มียอดเป็นพระปรางค์ยอดเดียว
.....บริเวณทางเข้าพระราชวังประดับประดาด้วยโบราณสถานและโบราณวัตถุศิลปะเขมรตั้งเรียงรายตลอดทาง บานพระทวารและบานพระแกลแกะสลักด้วยลวดลายประณีตและลงรักปิดทองอย่างสวยงาม อาคารที่ประทับแยกสถานที่อื่นๆ ของพระราชวังด้วยกำแพงและตั้งอยู่ใกล้ๆ กับท้องพระโรง
.....พระที่นั่งเทวาวินิจฉัย
.....พระที่นั่งแห่งนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเช่นเดียวกับสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ในพระราชวัง มีผังเป็นรูปกากบาท และมียอดปราสาท 3 ยอด ประดับด้วยพรหม 4 หน้า โดยได้อิทธิพลมาจากปราสาทบายนที่เมืองพระนคร ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวเกียรติ์อันงดงาม พระที่นั่งเทวาวินิจฉัยเป็นสถานที่ที่กษัตริย์กัมพูชาออกว่าราชการและเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงขุนนางข้าราชบริพารมาปรึกษาราชการบริหารแผ่นดิน นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในงานพระราชพิธีต่างๆ เช่น พระราชพิธี ขึ้นครองราชย์ พระราชพิธีอภิเษาสมรส เสด็จออกรับสาส์นตราตั้งจากเอกอัคราชทูตของต่างชาติ รวมไปถึงเป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง
.....พระที่นั่งจันทฉายา
.....พระที่นั่งจันทฉายาเป็นศาลาโถงที่รู้กันในนาม พระที่นั่งแสงจันทร์หันหน้าไปทางถนน โสเทียรัส มีมุขระเบียงยื่นออกไปสำหรับชมพิธีหรือการสวนสนาม ใช้เป็นสถานที่แสดงนาฏศิลป์เขมรโบราณในพระราชพิธีขึ้นครองราชย์ หรือพิธีเฉลิมฉลองต่างๆ เป็นที่ออกมหาสมาคมของพระมหากษัตริย์ และจัดงานเลี้ยงที่เป็นพิธีการ
.....พระที่นั่งนโปเลียนที่ 3
.....พระที่นั่งสีขาวละมุนตาที่โดดเด่น อยู่ท่ามกลางสถาปัตยกรรมแบบเขมรนี้ เป็นพระที่นั่งขนาดกะทัดรัดแบบยุโรปที่สร้างขึ้นด้วยโลหะทั้งหลังอักษรตัว N ที่ปรากฏบนบานทวารและส่วนต่างๆ ของพระที่นั่งหมายถึง พระนามของพระเจ้านโปเลียน เดิมพระที่นั่งนี้เป็นตำหนักที่จักรพรรดิ นโปเลียนที่ 3 สร้างประทาน แด่จักรพรรดินีเออเชนี สำหรับใช้ประทับระหว่างการเสด็จไปร่วมงานเปิดคลองสุเอซ แล้วมีรับสั่งให้ถอดเป็นชิ้นส่งลงเรือมาประกอบขึ้นใหม่ เพื่อเป็นของขวัญถวายแด่สมเด็จพระนโรดมที่กรุงพนมเปญเมื่อปี ค.ศ. 1876 ปัจจุบันพระที่นั่งแห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก และเป็นส่วนจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่าย
.....วัดพระแก้วมรกต
.....วัดพระแก้วมรกต หรือพระเจดีย์เงิน อยู่ในเขตพระราชวังหลวงตอนบน สมเด็จพระนโรดมทรงสร้างพระเจดีย์เงินนี้ขึ้นในปี ค.ศ. 1892 และเจ้านโรดมสีหนุทรงบูรณะใหม่แทนพระเจดีย์องค์เดิมที่สร้างด้วยไม้ เหตุที่เรียกพระเจดีย์เงินเพราะพื้นอาคารปูลาดด้วยกระเบื้องสีเงิน 5,329 แผ่น แต่ละแผ่นหนักกว่า 1 กิโลกรัม ในวัดแห่งนี้มีพระพุทธรูปสำคัญ
ทัวร์เขมร
/
พิพิธภัณฑ์ต็วลซฺแลง (Toul Sleng) ความโหดร้ายที่ต้องจารจำ
.....อาคารแห่งนี้ เดิมเคยเป็นโรงเรียนมัธยม นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975 หลังเขมรแดงบุกยึดกรุงพนมเปญ และพอล พต เป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลอาคารโรงเรียนถูกปรับใช้เป็นคุกที่รู้จักกันในชื่อ S-21 โดยจัดแบ่งเป็นห้องขังขนาดเล็ก มีประชาชนมากกว่า 20,000 คน ถูกนำตัวมาสอบสวน คุมขัง ทรมาน และ สังหาร ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิง เด็ก หรือคนชรา
.....ช่วงแรกๆ เป้าหมายที่ถูกนำตัวมาขังทรมานในคุกต็วลซฺแลงคือ ประชาชนคนธรรมดา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนมีการศึกษาที่กลุ่มเขมรแดงตั้งข้อสงสัยว่าเป็นภัยและอาจให้การสนับสนุนรัฐบาล ชุดก่อน แต่ระยะหลัง รัฐบาลเขมรแดงเริ่มหวาดระแวงไปทั่ว นักโทษรุ่นท้ายๆ มีคนในสังกัดเขมรแดงเอง รวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก
.....หลังปี ค.ศ. 1979 รัฐบาลกัมพูชาเปลี่ยนบทบาทคุกต็วลซฺแลง เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อบอกเล่าเรื่องราวความทารุณโหดร้ายที่กระทำต่อเพื่อนมนุษย์ โดยภาพถ่ยของเหยื่อการสังหารถูกนำมาติด เรียงราย รวมทั้งมีการจัดแสดงเครื่องทรมาน โซ่ ตรวน กุญแจมือ และอาวุธที่ใช้ในการประหาร ก่อนหน้านี้ มีการจัดแสดงนิทรรศการที่ได้รับการกล่าวขานถึงอย่างกว้างขวาง คือ การนำหัวกะโหลกของเหยื่อคุกต็วลซฺแลงมาจัดเรียงเป็นรูปแผนที่ประเทศกัมพูชา ปัจจุบันนิทรรศการดังกล่าวถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ก็ยังมีห้องที่เต็มไปด้วยหัวกะโหลก เปิดให้เข้าชมเพื่อรำลึกถึงผู้วายชนม์ในยุคเขมรแดงครองอำนาจ
.....* ทุ่งสังหารนับล้านชีวิตที่สิ้นไป
.....จากพิพิธภัณฑ์ต็วลซฺแลงแล้ว ออกนอกเมืองมาทางทิศใต้ประมาณ 12 กิโลเมตร ทุ่งสังหารเจืองไอ (Choeung Ek) เป็นร่องรอยความโหดร้ายทารุณของรัฐบาลเขมรแดงที่ทิ้งไว้ให้แก่คนรุ่นหลังได้รับรู้ เหยื่อของกลุ่มเขมรแดงรวมทั้งนักโทษจากคุณต็วลซฺแลงจะถูกส่งตัวมาเพื่อสังหารและฝังรวมกันในหลุมขนาดใหญ่บริเวณนี้ หลังจากรัฐบาลเขมรแดงหมดอำนาจ มีการพบศพผู้ที่ถูกสังหารในพื้นที่บริเวณนี้มากกว่า 8,000 ราย
.....ปัจจุบันมีการขุดซากโครงกระดูกขึ้นมาจากหลายหลุม และสร้างสถูปเจดีย์ขึ้นเป็นอนุสรณ์ แด่ผู้เคราะห์ร้าย รวมทั้งกะโหลกศีรษะนับร้อยนับพันที่เรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ อยู่ในตู้กระจกใสขนาดใหญ่ นอกจากนี้ Killing Fields ยังถูกนำไปใช้เป็นชื่อภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1984 เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความทารุณโหดร้ายที่เกิดขึ้นในประเทศกัมพูชาในยุครัฐบาลเขมรแดง จนได้รับ Academy Awards ถึง 3 รางวัล
ทัวร์เขมร
/
เมืองพระตะบอง
.....พระตะบอง (Battambang) ออกเสียงแบบเขมรว่า ปัตตัมบอง แปลว่า ตะบองหาย จังหวัดพระตะบอง อยู่ทางภาคตะวันตกของกัมพูชา มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดสระแก้ว และจันทบุรีของประเทศไทย ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18-19 พระตะบองมีความสำคัญในฐานะพื้นที่แห่งการแข่งขันทางอำนาจระหว่างสยามกับญวน และกับฝรั่งเศส ในเวลาต่อมาพระตะบองเริ่มมีความสำคัญในฐานะเมืองการค้า ซึ่งมีประชากรตั้งถิ่นฐานประมาณ 2,500 คน
.....พระตะบองเป็นเมืองเล็กๆ มีแม่น้ำที่ไหลมาจากจันทบุรีชื่อแม่น้ำสตังซังเกอร์ (Stung Sangker) ไหลผ่านกลางเมืองก่อนจะไหลไปลงโตนเลซาบ ด้วยเหตุนี้พระตะบองจึงอุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด ซึ่งเป็นแหล่งอาหารและแหล่งทำมาหากินของชาวเมือง
.....พระตะบองมีเสน่ห์ที่วิถีชีวิตแบบชนบทเรียบง่าย ชาวบ้านยังใช้วัวเทียมเกวียน ม้าเทียมเกวียน ในการสัญจรไปมา ตลาดสดพระตะบองเป็นตลาดเก่าริมแม่น้ำ พ่อค้าแม่ขายที่นี่เริ่มกิจกรรมค้าขายกันราวเก้าโมงเช้า สินค้าหลักคือ ปลานานาชนิด ชาวบ้านจะเอาปลาเป็นๆ มาวางเรียงรายบนใบตองรอลูกค้ามาเลือกซื้อ
.....ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ยังมีสิ่งน่าสนใจอีกอย่าง ซึ่งมีชื่อเสียงระบือไกลไปทั่วโลก นั่นคือรถไฟไม้ไผ่ ประดิษฐกรรมจากภูมิปัญญาชาวพระตะบองที่ใช้เป็นพาหนะสัญจรไปมาระหว่างหมู่บ้าน โดยการนำแคร่ไม้ไผ่มาวางบนล้อรถ ใส่เครื่องยนต์เล็กๆ เข้าไปแล้วพ่วงสายพานไปหมุนล้อใช้แล่นไปตามรางรถไฟที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้นสมัยครอบครองกัมพูชา ซึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว
.....ต่อมานักท่องเที่ยวเห็นรถไฟไม้ไผ่แล้วอยากใช้บริการบ้าง การนั่งรถไฟไม้ไผ่ชมอาคารสไตล์โคโลเนียลที่ยังคงเหลือในพระตะบอง และสัมผัสกลิ่นอายชนบทอย่างใกล้ชิดจึงกลายเป็นกิจกรรมยอดนิยมไป
.....* วัดพนมซัมเปย
.....ในอดีตวัดพนมซัมเปย (Phnom samprou) เป็นที่ตั้งของถ้ำที่เขมรแดงใช้สังหารเหยื่อผู้ต่างอุดมการณ์ด้วยวิธีต่างๆ แล้วโยนลงมาในเหวที่เป็นปล่องถ้ำ ต่อมากระดูกของผู้เคราะห์ร้ายในถ้ำถูกเก็บ ใส่ในตู้ไว้ส่วนหนึ่ง แล้วต่อมาได้มาทำเป็นวัดบนยอดเขาภายหลัง
.....เมืองไพลิน ถิ่นเขมรแดง
.....ไพลิน (Pailin) เป็นเมืองเล็กๆ ตั้งในพื้นที่เนินเขาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ความสำคัญของเมืองแห่งนี้คือ การเป็นแหล่งอัญมณีของกัมพูชาและเป็นฐานที่มั่นคงของเขมรแดงในช่วงปี ค.ศ. 1979 หลังเวียดนามยกกองทหารมาขับไล่ออกจากพนมเปญ ทำให้เขมรแดงมีรายได้จากการค้าอัญมณี เพื่อนำมาใช้ต่อสู้กับรัฐบาลที่มีเวียดนามให้การสนับสนุนได้อีกหลายปี
.....เชื่อกันว่าหินมีค่าในพื้นที่แถบนี้สร้างรายได้ให้กลุ่มเขมรแดงกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน เขมรแดงยึดเมืองไพลินไว้ได้จนถึงเดือนสิงหาคมปี ค.ศ. 1996 ก่อนที่ผู้นำซึ่งแฝงตัวในพื้นที่แถบนี้อย่างเอียงสารี จะประกาศยอมแพ้จะเข้ามอบตัวต่อรัฐบาล
ทัวร์เขมร
/
เมืองเสียมเรียบ
.....เมืองเสียบเรียบ หรือเสียมราฐ เป็นเมืองหลวงของจังหวัดเสียมเรียบทางตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชา ถือเป็นประตูสู่พระนคร ชื่อเสียมเรียบ หมายความถึง สยามพ่ายแพ้ โดยผู้ที่ตั้งชื่อเมืองแห่งนี้ คือ สมเด็จพระอุทัยราชา (นักองค์จัน) ผู้มีพระทัยฝักใฝ่กับเวียดนามในยามที่เขมรยังมีสถานะเป็นเมืองขึ้นของสยามในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19
.....เดิมเสียมเรียบเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ในชนบท และแม้จะอยู่ไม่ไกลจากเมืองพระนคร แต่พื้นที่แทบนี้จะไม่มีโบราณสถานใดๆ ฝรั่งเศส เริ่มรู้จักเสียมเรียบในปี ค.ศ. 1907 หลังจากนั้นเสียมเรียบก็เติมโตขึ้นเรื่อยๆ โดยทำหน้าที่เป็นเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยี่ยมเยือนเมืองพระนคร เพราะเสียมเรียบมีโรงแรมใหญ่มาตั้งเป็นแห่งแรกๆ ในปี ค.ศ. 1929 ได้แก่ Grand Hotel d'Angkor มีคนดังระดับโลกมาพักมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแจ็คเกอลีน เคนเนดี้ โอนาสซิส หรือชาร์ลี แชปลิน ฯลฯ
.....หลังปี ค.ศ. 1975 ในยุครัฐบาลเขมรแดง คนในเสียมเรียบ ถูกกวาดต้อนออกไปทำไร่ไถนาในท้องถิ่นชนบท ทำให้เสียมเรียบกลายเป็นเมืองร้างอยู่หลายปี กระทั่งเขมรแดงหมดอำนาจ เสียมเรียบจึงกลับมามีบทบาทในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของกัมพูชาอีกครั้ง มีที่พักทุกระดับเปิดให้บริการ รวมทั้งสิ่งที่รองรับนักท่องเที่ยวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ย่านชอปปิง และท่าอากาศยานนานาชาติ
.....เมืองพระนคร
.....เมืองพระนคร (Angkor) ปัจจุบันอยู่ในเขตจังหวัดเสียมเรียบ ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 310 กิโลเมตร ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางแห่งอาณาจักรเขมรอันรุ่งเรือง ซึ่งเริ่มก่อตั้งในคริสต์ศตวรรษที่ 9 ก่อนจะถูกทับสยามรุกรานในคริสต์ศตวรรษที่ 15 จนต้องมีการอพยพยกย้ายไปตั้งนครหลวงแห่งใหม่ กุญแจสำคัญในความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรแห่งนี้คือ การที่กษัตริย์เขมรสามารถ วางระบบการจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ ประชาชนจึงพากันมาอยู่อาศัยทำกิน ทำให้อำนาจ และมีบารมีของกษัตริย์หลายรัชสมัยมีความมั่นคงและแผ่ขยายออกไป
.....สิ่งที่ยืนยันความรุ่งเรืองของดินแดนเขมรและอำนาจอันไพศาลของกษัตริย์คือ หมู่เทวสถานที่สร้างขึ้นอย่างหนาแน่น ในปี ค.ศ. 1992 องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโกยกย่องให้เมืองแห่งนี้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม โดยในเขตเมืองพระนคร ประกอบด้วย โบราณสถานที่สำคัญหลายแห่ง
.....นครธม
.....เมืองนครธม (Angkor Thom) ตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำเสียมเรียบ ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของทะเลสาบเขมร เมื่อครั้งจูต้า-กวน ทูตจีนเดินทางมาเยือนกัมพูชาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 เขาได้บันทึกถึงเมืองใหญ่แห่งหนึ่งที่เรียกว่า นครธม เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสท่ามกลางวงล้อมของ คูเมืองที่กว้างกว่า 100 เมตร และกำแพงสูง 8 เมตร กำแพงแต่ละด้านมีความยาวราว 3 กิโลเมตร เมืองในกรอบสี่เหลี่ยมแห่งนี้มีทางเข้า 5 ประตู
ทัวร์เขมร
/
ประเทศกัมพูชา
กัมพูชา เป็นประเทศเพื่อนบ้านติดกับไทย มีประวัติศาสตร์ อารยธรรมยาวนาน นครวัด และนครธม นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่อัศจรรย์ชิ้นหนึ่งในเอเชีย ศิลปวัฒนธรรมที่งดงามของกัมพูชา มีความคล้ายคลึงกันมากกับศิลปวัฒนธรรมไทย ภาษาเขมรมาจากรากศัพท์สันสกฤต จึงมีคำหลายคำในภาษาเขมรที่คุ้นหูคนไทย นอกจากนี้อิทธิพลทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศสยังคงมีให้เห็นในเมืองหลวงและต่าง จังหวัด
ข้อควรระวัง ในการเยือนกัมพูชา ควรระวังเรื่องสุขภาพเนื่องจากยังมีโรคภัยต่างๆ ที่อาจติดต่อได้ หากไม่หามาตรการป้องกันไว้ก่อน เช่น ท้องร่วง มาลาเรีย และไวรัส เอ บี และการบริการของโรงพยาบาลในกรุงพนมเปญอาจไม่ได้มาตรฐานเท่ากับประเทศไทย
ข้อควรปฏิบัติ การเตรียมตัวสำหรับนักท่องเที่ยว
.....แม้ประเทศกัมพูชาจะดูเหมือนใกล้ชิดกับไทย และไม่น่าจะต่างกันมากนัก แต่อย่าได้ประมาท เพราะมีสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องพึงระมัดระวัง โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมและความเชื่อท้องถิ่น ที่อาจทำให้เข้าใจผิดกันได้ง่าย เรื่องต่างๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่คุณควรรู้ไว้ก่อนออกเดินทาง
-คำว่า “เขมร” เป็นคำเรียกที่คนไทยคุ้นเคย แต่ความจริงชาวกัมพูชาชอบให้เรียกเขาว่า “ขแมร์ มากกว่า
-ในกัมพูชา ประชากรส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา เวลาไปเที่ยวชมวัดวาอารามหรือสถานที่ซึ่งชาวบ้านท้องถิ่นกำลังประกอบกิจกรรม ทางศาสนาอยู่ โปรดแต่งกายสุภาพ
-โดยทั่วไปวัฒนธรรมเขมรกับไทยไม่ต่าง กันมากนัก ซึ่งอาจทำไม่ยากในการปรับตัวและเข้าใจ คนเขมรชอบคนอ่อนน้อม มีมารยาท ไม่ต่างจากไทย ผู้น้อยเคารพผู้อาวุโสกว่า เจอหน้าก็ยกมือไหว้กัน ชาวเขมรนิยมการไหว้แสดงความเคารพกันเช่นเดียวกับไทย
-มารยาทในที่สาธารณะอย่างการจับมือถือแขนอาจไม่หนักหนา แต่หากถึงขั้นโอบคอ โอบไหล่ กอดจูบกันนั้น ฝรั่งไม่ถือ แต่คนเขมรถือเช่นเดียวกับคนไทย
-ควรเตรียมธนบัตร ๑, ๕, ๑๐ หรือ ๒๐ ดอลลาร์ สหรัฐฯ ไปมากๆ เพราะมีโอกาสใช้มากกว่า และไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทอน
- บัตรเครดิตและเช็คเดินทาง ใช้ได้อย่างจำกัดในกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการรูดซื้อของหรือรูดเงินสด มีแต่ตามร้านค้า และโรงแรมเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น พนมเปญ เสียมเรียบ และสีหนุวิลล์ เท่านั้น ที่ยินดี รับบัตรเครดิตแทนเงินสด ทางที่ดีควรเตรียมเงินสดไปให้พอ
- หากคุณโชคดีเจอร้านค้า-สถานบริการที่รับบัตรเครดิต ก็ต้องรับเงื่อนไขที่ส่วนใหญ่มักชาร์จ 3% ยกเว้นตามโรงแรมใหญ่ๆ และสายการบินเท่านั้น
- เวลาแลกเงินตามธนาคาร เขาให้สลิบมาด้วย อย่าทิ้งไปเสียก่อน เก็บไว้ให้ดี เผื่อคุณต้องใช้ตอนขาออกจากประเทศ
-โปรดสังเกตป้าย “No Touch” ซึ่งมีอยู่ตามแหล่งโบราณสถานหลายแห่งของกัมพูชา โดยเฉพาะที่นครวัด และโปรดปฏิบัติตามด้วย เพราะภาพแกะสลักที่นี่ โดนมือมนุษย์ลูบคลำมากว่าพันปีแล้ว
-ขออนุญาตก่อน เวลาคุณอยากถ่ายรูปชนชาติส่วนน้อย ชาวเขาและชนเผ่าต่างๆ พวกเขามักยินดี ถ้าคุณบอกก่อน นี่รวมถึงพระสงฆ์-นักบวชด้วย การถ่ายภาพพิธีกรรมต่างๆ ต้องสอบถามเจ้าของงานหรือผู้อาวุโสในที่นั้นว่า
ทัวร์เกาหลี
/
ประเทศเกาหลี
ยุคเผ่า
.....ในยุคแรกดินแดนบนคาบสมุทรเกาหลีประกอบด้วยผู้คนหลายเผ่าพันธุ์ เผ่าแรกที่ปรากฏคือเผ่าโชซ็อนโบราณ ตั้งถิ่นฐานอยู่ทางภาคเหนือ เรืองอำนาจในช่วงพ.ศ. 143 - 243 ส่วนเผ่าครอง เมื่อได้เอกราชจากจีน คาบสมุทรเกาหลีประกอบด้วยสามอาณาจักสำคัญก่อนจะรวมตัวกันเป็นอาณาจักรเดียวปกครองอื่นได้แก่เผ่าพูยอ อยู่บริเวณปากแม่น้ำซุงคารีทางแมนจูเรียเหนือ เผ่าโคกูรยออยู่ระหว่างแม่น้ำพมาก และแม่น้ำอัมนก เผ่าอกจออยู่บริเวณมณฑลฮัมกย็อง เผ่าทงเยอยู่บริเวณมณฑลคังว็อน และเผ่าสามฮั่นคือ มาฮั่น ชินฮั่น และพยอนฮั่น ที่อยู่บริเวณแม่น้ำฮั่นและแม่น้ำนักดง ทางภาคใต้ของคาบสมุทรเกาหลี
พระมหากษัตริย์ในตำนาน
.....ตำนานที่เป็นที่แพร่หลายในประเทศเกาหลีเล่าถึงกำเนิดของชนชาติตนว่า เจ้าชายฮวางวุง โอรสของเทพสูงสุดบนสวรรค์ลงมาสร้างเมืองที่ภูเขาแทแบ็ก ได้แต่งงานกับหญิงที่มีกำเนิดจากหมี มีโอรสชื่อตันกุน ต่อมาเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรโชซ็อนโบราณ เมื่อ 1790 ปีก่อนพุทธศักราช
ดินแดนคาบสมุทรเกาหลีตกเป็นเมืองขึ้นจีนเมื่อ พ.ศ. 434 เมื่อจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้หรือกวนอู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่นยกทัพเข้ายึดครองดินแดนของอาณาจักรโชซ็อนโบราณ และแบ่งเกาหลีเป็น 4 มณฑล คือ อาณาจักรนังนัง ชินบอน อิมดุน และฮย็อนโท อย่างไรก็ตาม จีนปกครองมณฑลนังนังอย่างจริงจังเพียงมณฑลเดียว มณฑลอื่น ๆ จึงค่อย ๆ แยกตัวเป็นเอกราช จน พ.ศ. 856 ชนเผ่าโคกูรยอเข้ายึดครองมณฑลนังนัง ขับไล่จีนออกไปได้สำเร็จ การตกเป็นเมืองขึ้นของจีนทำให้เกาหลีได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากจีนมาก เช่นตัวอักษรและศาสนา (พุทธและขงจื๊อ)
ยุคสามก๊ก
• เมื่อเป็นเอกราชจากจีน ดินแดนเกาหลีในขณะนั้นแบ่งเป็น 3 อาณาจักรด้วยกันคือ
• อาณาจักรโคกูรยอ ทางภาคเหนือ เผ่าโคกูรยอเริ่มเข้มแข็งมากขึ้นเมื่อราชวงศ์ฮั่นของจีนล่มสลาย และสามารถขยายอำนาจเข้ายึดครองมณฑลนังนังจากจีนได้เมื่อ พ.ศ. 856อาณาจักรแพ็กเจก ชนเผ่าแพ็กเจซึ่งเป็นเผ่าย่อยของเผ่าพูยอที่อพยพลงใต้ เข้ายึดครองอาณาจักรอื่นรวมทั้งอาณาจักรเดิมของเผ่าฮั่น ตั้งเป็นอาณาจักรเมื่อ พ.ศ. 777
• อาณาจักรชิลลา อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลี พัฒนาขึ้นจากเผ่าซาโร แต่อาณาจักรนี้ไม่เข้มแข็งมากนักในช่วงแรก ดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับโคกูรยอตลอดจนกระทั่งหลังสงครามระหว่างโคกูรยอกับแพ็กเจ อาณาจักรชิลลาจึงเข้มแข็งขึ้นเป็นลำดับ จนสามารถยึดครองลุ่มแม่น้ำฮั่นและลุ่มแม่น้ำนักดงจากแพ็กเจได้
ยุคอาณาจักรเอกภาพ "อาณาจักรชินลา
.....เมื่ออาณาจักรชินลาเข้มแข็งขึ้น อาณาจักรแพ็กเจกจึงหันไปผูกมิตรกับอาณาจักรโคกูรยอ ส่วนอาณาจักรชิลลาหันไปผูกมิตรกับราชวงศ์สุยและราชวงศ์ถังของจีน กองกำลังผสมระหวางจีนกับชิลลายึดครองอาณาจักรแพ็กเจได้เมื่อ พ.ศ. 1203 และยึดครองอาณาจักรโคกูรยอได้ใน พ.ศ. 1211 โดยจีนเข้ามาปกครองโคกูรยอในช่วงแรก ต่อมาอาณาจักรชิลลากับราชวงศ์ถังเกิดขัดแย้งกัน ชิลลาจึงเข้ายึดโคกูรยอจากจีนและเข้าปกครองคาบสมุทรเกาหลีอย่างเด็ดขาดเมื่อ พ.ศ. 1278
อาณาจักรชิลลาเจริญสูงสุดในยุคกษัตริย์คยองตอก หลังจากนั้นได้เสื่อมลงโดยสาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งในหมู่เชื้อพระวงศ์และเกิดการปฏิวัติบ่อยครั้ง กลุ่มชาวนาและกลุ่มอำนาจท้องถิ่นที่รู้สึกว่าถูกกดขี่ได้รวมกำลังกันต่อต้านอำนาจรัฐ วังกอน ผู้นำกลุ่มต่อต้านคนหนึ่ง เข้ายึดอำนาจและสถาปนาราชวงศ์โครยอขึ้นเมื่อพ.ศ. 1478
ยุคอาณาจักรเหนือใต้
.....เมื่ออาณาจักรโคกูเรียวและอาณาจักรแพ็กเจถูกอาณาจักรชิลลาตีจนแตกพ่ายไปนั้น มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งรวบรวมชาวบ้านที่เป็นชาวโคกูรยอที่ถูกทัพชิลลาโจมตีแล้วอพยพขึ้นเหนือ แล้วก่อตั้งอาณาจักรใหม่มีชื่อว่า "อาณาจักรพัลแฮ" แล้วทางใต้ก็มีอาณาจักรชิลลาที่รวมแผ่นดินของอาณาจักรโคกูเรียว อาณาจักรแพ็กเจ และอาณาจักรชิลลาเดิมเข้าด้วยกันแล้วเรียกว่า "อาณาจักรรวมชิลลา" ในยุคนี้จึงมีสองอาณาจักรที่อยู่ทางเหนือ คือ อาณาจักรพัลแฮที่สืบต่อจากอาณาจักรโคกูเรียวเดิม และทางใต้มีอาณาจักรรวมชิลลาที่รวมอาณาจักรโคกูเรียวเดิม อาณาจักรแพ็กเจเดิม และอาณาจักรชิลลาเดิมเข้าเป็นอาณาจักรเดียว จึงเรียกยุคนี้ว่า "ยุคอาณาจักรเหนือใต้"
ยุคสามอาณาจักรหลัง
.....หลังจากอาณาจักรพัลแฮถูกราชวงศ์เหลียวตีจนแตกนั้นประชาชนพากันอพยพลงใต้มาบริเวณอาณาจักรโคกุเรียวเดิม แล้วเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรพัลแฮ ก็สถาปนาอาณาจักรใหม่บริเวณอาณาจักรโคกุเรียวเดิม แล้วให้ชื่อว่า "อาณาจักรโคกูเรียวใหม่" แล้วสถาปนาตนเองป็นกษัตริย์พระนามว่า พระเจ้ากุงเย ส่วนชาวแพ็กเจที่อยู่ในอาณาจักรรวมชิลลาก็ได้ก่อกบฏต่ออาณาจักร มีหัวหน้าคือ คยอน ฮวอน