แบนเนอร์บทความ

ทัวร์ตุรเคีย /

เที่ยวตุรกี เรื่องดี ๆ ที่ควรรู้ก่อนไปเยือนประเทศสองทวีป

ก่อนไปเที่ยวตุรกีมาทำความรู้จักกับประเทศสองทวีปให้มากขึ้น ไปเที่ยวตุรกีด้วยตัวเองยากไหม มีอะไรต้องรู้ไว้บ้าง ที่เที่ยวตุรกีและอิสตันบูลที่ห้ามพลาดมีที่ไหนบ้าง อาหารการกินเป็นอย่างไร ซื้อของฝากตุรกีอะไรดี เรามีคำตอบ ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าสนใจไม่ใช่เล่นเลยค่ะ สำหรับประเทศสองทวีปอย่าง "ตุรกี" เพราะที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ สุดอัศจรรย์ติดอันดับโลกอยู่หลายแห่ง และที่สำคัญคนไทยยังไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าอีกต่างหาก ดีเลิศสุด ๆ และสำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวไปเที่ยวตุรกีด้วยตัวเอง วันนี้เราก็เอาเรื่องราวน่ารู้และเกร็ดท่องเที่ยวตุรกีเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากกันค่ะ มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง...ไปดูกัน 1. ประเทศตุรกีอยู่ที่ไหน ? หลายคนอาจจะเพิ่งเคยได้ยินชื่อตุรกีเป็นนครั้งแรก และเกิดการตั้งคำถามว่าประเทศแห่งนี้มันอยู่ส่วนไหนของโลกกันนะ ถ้าเราดูตามแผนที่ประเทศตุรกีจะตั้งอยู่ทางฝั่งเอเชียตะวันตก ติดกับยุโรปเลยค่ะ มีพื้นที่ 3% อยู่ในยุโรป เป็นประเทศที่มีทะเลล้อมรอบถึง 3 ด้าน คือทางตะวันตกเป็นทะเลอีเจียน, ทางเหนือเป็นทะเลดำ และทางใต้เป็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นอกจากนี้ทางตะวันตกเฉียงเหนือยังมีทะเลมาร์มมะราอีกด้วย 2. ประเทศตุรกี พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 783,562 ตารางกิโลเมตร เป็นประเทศที่มีพื้นที่อยู่ทั้งทวีปยุโรป และทวีปเอเชีย โดยในฝั่งทวีปเอเชียนั้นจะเรียกว่า "อนาโตเลีย" (Anatolia) ส่วนพื้นที่ทางฝั่งยุโรปจะเรียกว่า เทรซ (Thrace) มีช่องแคบบอสพอรัส ทะเลมาร์มะรา และช่องแคบดาร์ดาเนลเลสเป็นตัวแบ่งแยก โดยทางฝั่งเอเชียจะเต็มไปด้วยอารยธรรมเก่าแก่ ส่วนทางฝั่งยุโรปก็จะเต็มไปด้วยความเจริญทันสมัย บรรยากาศค่อนไปทางฝั่งตะวันตก 3. ภูมิอากาศของประเทศตุรกี ในแต่ละภูมิภาคจะไม่เหมือนกัน เพราะมีธรรมชาติที่แตกต่างกัน ทางฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน หน้าร้อนก็จะร้อน ส่วนหน้าหนาวอากาศจะอบอุ่น และมีฝนตก ส่วนทางตอนกลางนั้นจะมีภูเขากั้น ทำให้ในฤดูหนาวจะหนาวมาก บางครั้งติดลบถึง -30 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว และบางครั้งก็มีหิมะยาวนานกว่า 4 เดือน เพราะฉะนั้นถ้าจะไปเที่ยวตุรกี ลองเช็กให้แน่ใจก่อนนะคะว่าเมืองนั้น ๆ อยู่ในแถบไหน จะได้เตรียมเสื้อผ้าได้ไม่พลาดค่ะ 4. คงมีหลายท่านที่เข้าใจว่าประเทศตุรกีอยู่ในยุโรป ก็เพราะสภาพบ้านเมือง ประเพณี และวัฒธรรมของเมืองสำคัญต่าง ๆ ในตุรกีมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุโรป อีกทั้งรัฐบาลตุรกีเองก็พยายามผลักดันให้ประเทศตุรกีเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรปเรื่อยมา มีการเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตผู้คนให้กลมกลืนกับชาวยุโรป และยังเปลี่ยนแปลงการใช้ตัวอักษรจากอาหรับมาเป็นละติน โดยเฉพาะในเมืองอิสตันบูลที่มีความเจริญเทียบเท่ากับหลาย ๆ เมืองใหญ่ในยุโรป จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลาย ๆ คนจะเข้าใจว่าตุรกีเป็นส่วนหนึ่งของยุโรป 5. ถึงแม้ว่าอิสตันบูล (Istanbul) จะเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของตุรกี แต่อิสตันบูลก็ไม่ใช่เมืองหลวง เพราะจริง ๆ แล้วเมืองหลวงของตุรกีคือ เมืองอังการา (Ankara)

ทวีปยุโรป /

เที่ยวยุโรป 8 วัน 3 ประเทศ ไปได้จริงด้วยงบ 40,000 กว่าบาท

เที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง ในงบ 40,000 กว่าบาท ไปได้จริง 8 วัน 3 ประเทศ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อิตาลี เมื่อพูดถึงการเดินทางไปทวีปยุโรป หลายคนอาจถอดใจเพราะรู้สึกว่าไกลเกินเอื้อม แต่ความเป็นจริงการเดินทางไปเที่ยวยุโรปไม่ได้ยากหรือแพงขนาดนั้น ยิ่งสมัยนี้ค่าตั๋วเครื่องบินถูกขึ้น การเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางในฝันก็ง่ายขึ้นตามไปด้วย ซึ่งวันนี้ผมอยากแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการเดินทางไปเยือน 3 ประเทศ ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และอิตาลี ผ่าน 3 เมืองใหญ่ ได้แก่ อัมสเตอร์ดัม ปารีส มิลาน ภายใต้งบประมาณจำกัดเป็นเวลา 8 วัน (ไม่รวมวันเดินทางไป-กลับ) ซึ่งขอบอกไว้ก่อนว่าทริปนี้ไม่ลำบาก ไม่มีการอดอาหาร และทำตามได้จริงแน่นอน ค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ที่จะกำหนดว่าทริปนั้นถูกหรือแพง คือค่าตั๋วเครื่องบินและค่าที่พัก หากสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายสองก้อนนี้ได้ รับรองว่าทริปในฝันของคุณอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ในทริปนี้ผมใช้งบประมาณ 46,000 บาท (ไม่รวมค่าช้อปปิ้งและของฝาก) ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ ได้แก่ การซื้อตั๋วเครื่องบินแบบ Multi-City ซึ่งมีราคาถูกกว่า และการเลือกที่พักแบบโฮสเทลซึ่งมีราคาย่อมเยา แต่ก่อนจะไปถึงการแจกแจงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มาชมกันก่อนว่าแต่ละเมืองมีไฮไลท์อะไรน่าเที่ยวบ้าง ❤️ อัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ เอกลักษณ์ของอัมสเตอร์ดัมคือคลองสายต่าง ๆ และจักรยานที่เป็นพาหนะอันดับ 1 ของคนที่นี่ หากคุณมาเยือนอัมสเตอร์ดัมแล้วอยากสัมผัสไลฟ์สไตล์แบบคนท้องถิ่น คุณสามารถเช่าจักรยานได้ในราคาประมาณ 10 ยูโร/วัน ส่วนใครที่อยากการสำรวจเมืองอย่างใกล้ชิด การเดินลัดเลาะไปตามคูคลองต่าง ๆ ก็เป็นการสัมผัสเมืองแบบชิล ๆ ที่ขอแนะนำ แม้ขนาดเล็ก ๆ ของอัมสเตอร์ดัมจะเหมาะกับการเดินหรือขี่จักรยาน แต่ระบบขนส่งมวลชนของที่นี่ก็เข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่เป็นไฮไลท์ ในทริปนี้ผมซื้อบัตร GVB multi-day ticket ซึ่งครอบคลุมการเดินทางด้วยรถเมล์ รถไฟใต้ดิน และรถรางแบบไม่จำกัด (ไม่รวมรถไฟระหว่างเมือง) มีให้เลือกแบบ 24, 48 ไปจนถึง 168 ชั่วโมง โดยสามารถเข้าไปสำรวจได้ที่เว็บไซต์ของ GVB Red Light District สถานที่เปิดหูเปิดตาสำหรับนักเดินทางโลกสวย ตั้งอยู่ใจกลางกรุงอัมสเตอร์ดัมและไม่ไกลจากสถานี Amsterdam Central

ทัวร์ฮ่องกง /

สุดยอด 12 ที่เที่ยวมงคลในฮ่องกง ตามปีนักษัตร

เที่ยวฮ่องกง ตระเวนเที่ยว 12 สถานที่มงคลในฮ่องกง ที่ปรมาจารย์ด้านศาสตร์ฮวงจุ้ยแนะนำมาแล้วว่าจะช่วยส่งเสริมดวงชะตาให้รุ่งโรจน์ร่ำรวย ฤดูใบไม้ผลิคือช่วงเวลาแห่งการฟื้นคืนพลังความสดใส เทศกาลตรุษจีนซึ่งเป็นการเริ่มต้นเข้าสู่ปีใหม่ของจีนก็เป็นช่วงเวลาที่มีความหมายต่อชาวฮ่องกงเป็นอย่างมาก เพราะการเริ่มต้นที่ดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง ดังนั้นนอกจากจะไปดื่มด่ำเพลิดเพลินในงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ รับปีใหม่แล้ว สิ่งที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนฮ่องกงในปีนี้ก็คือการท่องเที่ยวสถานที่มงคลต่าง ๆ เพื่อเปิดรับโชคลาภ เฮง ๆ ต้อนรับปีใหม่ตามธรรมเนียมของคนท้องถิ่น และเพื่อการเริ่มต้นปีระกา 2560 และร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในวาระครบรอบ 20 ปี ของการส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนสู่จีนแผ่นดินใหญ่ เราขอชวนคุณไปเที่ยว 12 สุดยอดสถานที่มงคลในฮ่องกง ที่ปรมาจารย์ด้านศาสตร์ฮวงจุ้ยแนะนำมาแล้วว่าจะช่วยส่งเสริมดวงชะตาให้รุ่งโรจน์ร่ำรวยกันทั้งปี 1. สถานที่เสริมดวงสำหรับคนปีระกา : เดอะพีค ผู้ที่เกิดในปี : 2476, 2488, 2500, 2512, 2524, 2536, 2548 เมื่อปีที่คุณเกิดเวียนมาตรงกับปีนักษัตรปัจจุบันถือว่าไม่ใช่เรื่องดีนัก เพราะตามหลักแล้วคุณจะได้รับอิทธิพลกดทับจากปีนักษัตรที่เวียนมาครบรอบในปีนั้น ๆ แนะนำให้คนเกิดปีระกาขึ้นไปรับพลังฮวงจุ้ยยังจุดที่สูงที่สุดของเกาะฮ่องกง เพื่อลดความแรงจากอิทธิพลของดวงดาวที่แผ่ปกคลุมดวงชะตาของคุณ พร้อมดื่มด่ำกับทิวทัศน์สุดงดงามตระการตาของมหานครฮ่องกงจากวิคตอเรีย พีค ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพในมุมกว้างที่ทอดยาวสุดขอบฟ้าจากฝั่งเกาลูนไปจนถึงเกาะฮ่องกง ผ่อนคลายอารมณ์และปล่อยวางความกังวล เพื่อพร้อมลุยทุกอุปสรรคท้าทายที่จะเข้ามาในปีนี้ 2. สถานที่เสริมดวงสำหรับคนปีจอ : เส้นทางมรดกวัฒนธรรม หล่งหยกเถ่า ย่าน Fanling ผู้ที่เกิดในปี : 2477, 2489, 2501, 2513, 2525, 2537, 2549 ผู้ที่เกิดในปีจอมีสิทธิได้รับอิทธิพลจากดวงดาวที่ไม่เป็นใจในปีนี้ ทำให้คุณรู้สึกหวาดระแวงและเป็นกังวล ดังนั้นเพื่อลดความแรงของอิทธิพลจากพลังด้านลบ ให้แวะไปเที่ยวที่ชุมชนท้องถิ่นบนเส้นทางมรดกวัฒนธรรม หล่งหยกเถ่า ซึ่งจะพาคุณเดินทางย้อนไปสู่ประวัติศาสตร์ของชนเผ่าถัง หนึ่งในห้าชนเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งนิวเทอริทอรีส์ ที่กล่าวกันว่าครั้งหนึ่งเคยมีผู้พบเห็นมังกรกำลังกระโจนในภูเขาแห่งนี้ ทำให้กลายเป็นที่มาของชื่อสถานที่แห่งนี้ด้วย คุณจะได้สัมผัสภูมิปัญญาของบรรพบุรุษชาวฮ่องกงที่มีความโดดเด่น และถ่ายทอดออกมาเป็นสถาปัตยกรรมอันงดงามแปลกตา พร้อมชมบรรยากาศอันสงบร่มเย็นโดยรอบ การได้มาเยือนชุมชนแห่งนี้จะช่วยเสริมโชคลาภด้านการงานแก่ผู้ที่เกิดปีจอตลอดทั้งปี 3. สถานที่เสริมดวงสำหรับคนปีกุน : พระใหญ่, ทางเดินแห่งปรัชญา ผู้ที่เกิดในปี : 2478, 2490, 2502, 2514, 2526, 2538, 2550 อิทธิพลของดวงดาวยี่หม่าอันเป็นตัวแทนของการเดินทาง จะส่งผลต่อจักรราศีของคุณในปี 2560 ชาวปีกุนอาจมีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แนะนำให้คุณไปกราบนมัสการพระใหญ่และแวะเยือนทางเดินแห่งปรัชญา เพื่อพิจารณาปรัชญาบนเสาไม้ที่จารึกบทกวีจากพระสูตรตามลายมืออันวิจิตรของปรมาจารย์ร่วมสมัยผู้โด่งดัง ซึ่งจะช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตคุณอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยังช่วยเสริมพลังความก้าวหน้าให้คุณได้อย่างเต็มที่ตลอดทั้งปี 4. สถานที่เสริมดวงสำหรับคนปีชวด : ตลาดดอกไม้ สวนนก ผู้ที่เกิดในปี : 2479, 2491, 2503, 2515, 2527,

ทัวร์เกาหลี /

เรื่องน่ารู้เกาะนามิ เกาหลีใต้ เที่ยวด้วยตัวเองได้ ประทับใจเหมือนกัน

  รวบรวมเรื่องราวดี ๆ ที่น่าสนใจของเกาะนามิ เพื่อประโยชน์สำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังจะไปเที่ยวเกาะนามิด้วยตัวเอง มีวิธีการเดินทางหลายแบบ ไปแบบเช้าไป-เย็นกลับได้จากกรุงโซล   เกาะนามิ เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวสุดฮอตของประเทศเกาหลีใต้ ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โรแมนติกและสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นักท่องเที่ยวที่หลงใหลในธรรมชาติจึงอยากที่จะไปเยี่ยมเยือนที่นี่กันสักครั้ง ซึ่งจากกรุงโซลก็เดินทางไปเที่ยวเกาะนามิได้ไม่ยากเลยค่ะ ไปเที่ยวเองก็ได้ มีหลากหลายวิธีการเดินทาง วันนี้เราจึงได้รวบรวมเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับเกาะนามิมาฝากกัน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ เกาะนามิ - เกาะนามิ (Namiseom Island) ตั้งอยู่ที่เมืองชุนช็อน (Chuncheon-si) จังหวัดคังว็อน (Gangwon-do) ทางตอนเหนือของประเทศเกาหลีใต้ มีลักษณะเป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่กลางแม่น้ำฮัน (Han River) รูปร่างคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ซึ่งเกิดจากการสร้างเขื่อนช็องพย็อง (Cheongpyeong DamX) - เกาะนามิโด่งดังขึ้นจากซีรี่ย์เรื่อง Winter Sonata โดยใช้เกาะนามิเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากโรแมนติก ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คู่รักนิยมมาเที่ยวกันตลอดทั้งปี และห้ามพลาดที่จะถ่ายภาพคู่กับรูปปั้นพระ-นางจากซีรีย์เรื่องดังกล่าว เกาะนามิ ภาพจาก Guitar photographer / Shutterstock.com - เกาะนามิ มีพื้นที่ทั้งหมดราว ๆ 553,560 ตารางเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่ราบ มีต้นเกาลัด ต้นแป๊ะก๊วย ต้นสนและอื่น ๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งลานสนามหญ้ากว้างใหญ่ บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การมาเที่ยวพักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์ และนอนพักกางเต็นท์ - เกาะนามิ อยู่ห่างจากกรุงโซล (Seoul) ประมาณ 63 กิโลเมตร ถ้าขับรถไปเที่ยวจากโซลก็จะใช้เวลาเดินทางงเพียงแค่ราว ๆ 1-1.30 ชั่วโมงเท่านั้น และพื้นที่บนเกาะนามิก็ไม่ใหญ่มาก สามารถเที่ยวได้แบบเช้าไป-เย็นกลับ ชาวเกาหลีจึงนิยมที่จะมาเที่ยวที่นี่ในช่วงวันหยุด เกาะนามิ ภาพจาก UKRID / Shutterstock.com - เกาะนามิมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ถูกค้นพบโดย Minn Byeong Do ที่นี่เป็นที่ตั้งหลุมฝังศพของนายพลนามิ (General Nami) นักรบผู้ยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ ผู้ที่สามารถนำทัพกวาดล้างจราจลในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ - ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2010 เกาะนามิได้รับเลือกเป็น UNICEF Child Friendly Park ซึ่งเป็นสถานที่แรกของเกาหลีใต้ที่ได้รับเลือก และยังเป็น 1 ใน 14

ทัวร์ฮ่องกง /

ที่เที่ยวฮ่องกงสุดฮิต ทริปเที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเองไม่ควรพลาด

ที่เที่ยวฮ่องกง รวมมิตรที่เที่ยวฮิตของฮ่องกง ที่ใครไปเที่ยวฮ่องกงจะต้องไปเก็บให้ครบ เหมาะกับการวางแผนเที่ยวฮ่องกงด้วยตนเอง จะมีที่เที่ยวฮ่องกงที่ไหนห้ามพลาดบ้าง ไปดูกัน ฮ่องกง สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมตลอดกาล มีนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วโลกต้องการมาสัมผัสที่นี่กันสักครั้ง ซึ่งก็เหมือนความโชคดีของคนไทยที่ฮ่องกงอยู่ไม่ไกลเท่าไร มีหลายสายการบินให้บริการเส้นทางบินตรง และยังจัดโปรโมชั่นลดกระหน่ำกันอยู่เรื่อย ๆ และสำหรับใครที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวฮ่องกง วันนี้เราได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวฮ่องกงห้ามพลาดมาไว้ให้ที่นี่แล้วค่ะ จะมีที่ไหนบ้างไปดูกันเลย   new data conntent เกาะลันเตา           - นั่งกระเช้านองปิง ไหว้พระใหญ่ วัดโปลิน (หยุดให้บริการระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2560)   การนั่งกระเช้านองปิง เพื่อขึ้นไปไหว้พระใหญ่ ที่วัดโปลิน ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาดของฮ่องกง นักท่องเที่ยวจะได้นั่งกระเช้าเพื่อชมวิวอันสวยงามทั้งป่าเขา และอ่าวกว้างใหญ่ ก่อนจะไปถึงยังบริเวณวัดโปลิน โดยใช้เวลาประมาณ 25-30 นาที กระเช้ามีให้เลือกทั้งแบบธรรมดาและแบบพื้นกระจกใส ใครชอบแบบไหนก็จัดกันไปเลยค่ะ เมื่อกระเช้าไปถึงบริเวณหมู่บ้านนองปิง นักท่องเที่ยวจะต้องเดินผ่านร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก ก่อนที่จะไปถึงด้านหน้าวัดโปลิน แล้วจะต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกประมาณ 268 ขั้น เพื่อขึ้นไปไหว้สักการะพระใหญ่ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ np360.com.hk (กระเช้านองปิงหยุดให้บริการระหว่างเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2560)   - ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ ภาพจาก psgxxx / shutterstock.com สาวกดิสนีย์ต้องไม่พลาดที่จะไปเที่ยวชมอาณาจักรแห่งเวทมนตร์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเทพนิยาย พร้อมสนุกสนานไปกับเครื่องเล่นและความบันเทิงมากมาย อีกทั้งที่นี่ยังเพียบพร้อมไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้า และที่พัก มาที่เดียว เที่ยวได้แบบครบรส ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ hongkongdisneyland.com   - ซิตี้เกต เอาท์เลท ภาพจาก Hatchapong Palurtchaivong / shutterstock.com ถ้าใครอยากช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมในราคาย่อมเยา ต้องไม่พลาดไปเดินช้อปปิ้งกันที่นี่ค่ะ มีหลากหลายแบรนด์ชั้นนำให้เลือกซื้ออย่างจุใจ บางแบรนด์ยังลดกระหน่ำ หยิบจับกันไม่ทันเลยทีเดียว ถ้าใครมาแวะซื้อของฝากก่อนกลับไปสนามบิน ก็มีซูเปอร์มาร์เกตอยู่ชั้นใต้ดิน ให้เลือกซื้อขนมและของฝากอื่น ๆ ด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ citygateoutlets.com   เกาะเกาลูน - A Symphony of Lights A Symphony of Lights เป็นการแสดงแสง สี เสียง สุดอลังการของฮ่องกง ที่จะทำให้ตึกและอาคารสูงใหญ่บนเกาะฮ่องกง บริเวณริมอ่าววิคตอเรียมีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยความอลังการของแสงไฟยามค่ำคืน การแสดงจะมีให้ชมทุกวัน ในเวลา 20.00 น. มีรอบภาษาอังกฤษทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ การแสดงจะใช้เวลาประมาณ 13 นาที จุดที่สามารถชม A Symphony of Lights ได้จะอยู่ทางฝั่งเกาะเกาลูน ไล่มาตั้งแต่บริเวณอเวนิว ออฟ สตาร์ ไปจนถึงบริเวณหอนาฬิกา แต่จุดที่สามารถมองเห็นการแสดงได้สวยงาม จะอยู่ด้านบนจุดชมวิวบริเวณด้านหน้าหอนาฬิกา ต้องรีบไปจับจองที่นั่งสักนิด หรือถ้าใครอยากนั่งล่องเรือชมในอ่าววิคตอเรียก็ได้เช่นกัน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ discoverhongkong.com - หอนาฬิกา ภาพจาก Sean Pavone / shutterstock.com หอนาฬิกา เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ต้องไปเช็กอินกันให้ได้

ทวีปยุโรป /

การเตรียมตัวไปดูแสงเหนือเบื้องต้น กับ 10 เรื่องน่ารู้ก่อนวางแผนเดินทาง

บริษัททัวร์คุณภาพ เหนือด้วยราคา และคุณภาพ   การเตรียมตัวไปดูแสงเหนือ ใครที่ใฝ่ฝันอยากไปเห็นเแสงเหนือสักครั้งในชีวิต มาดูข้อมูลการตรียมตัวไปดูแสงเหนือเบื้องต้นได้เลยที่นี่ แสงเหนือดูได้ที่ไหน ค่าใช้จ่ายเท่าไร ต้องเตรียมอะไรไปบ้าง ไปดูกัน เชื่อเถอะว่า "แสงเหนือ" เป็นปรากฏการณ์ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากมีโอกาสได้เห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต และมันก็เป็นไปได้ ถ้าคุณวางแผนอย่างดี และมี "ดวง" หลังจากที่เราเคยนำเสนอ 7 ประเทศตามล่าแสงเหนือ วันนี้เราจึงได้รวบรวมวิธีการเตรียมตัวและข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการไปเที่ยวชมแสงเหนือมาฝากกัน จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกัน new data conntent จะไปดูแสงเหนือได้ที่ไหน ปรากฏการณ์แสงเหนือ หรือ Aurora Borealis สามารถเห็นได้ในหลายประเทศที่อยู่ในโซนติดกับขั้วโลกเหนือ อาทิ ประเทศไอซ์แลนด์, ประเทศสวีเดน, เกาะกรีนแลนด์ ประเทศเดนมาร์ก, ประเทศฟินแลนด์, ประเทศรัสเซีย, รัฐอะแลสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา, ประเทศแคนาดา, ประเทศนอร์เวย์, ประเทศสกอตแลนด์ เป็นต้น เลือกไปเที่ยวชมแสงเหนือที่ไหนดี ปรากฏการณ์แสงเหนือ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้นคงการันตีฟันธงไม่ได้ว่าไปเที่ยวที่ไหนแล้วจะได้เห็นแน่ ๆ เพราะฉะนั้นคงต้องมาคำนวณกันที่บรรยากาศของสถานที่รับชม และค่าใช้จ่าย ซึ่งโดยส่วนมากแล้วถ้าเลือกที่จะได้เห็นแสงเหนือ พร้อม ๆ กับวิวสุดอลังการของธรรมชาติ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกไปที่ประเทศไอซ์แลนด์ แต่ถ้าเลือกที่งบประมาณ ประเทศรัสเซียจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะคนไทยไม่ต้องเสียเงินทำวีซ่า และค่าครองชีพยังถูกกว่าประเทศในโซนแถบประเทศในกลุ่มนอร์ดิกอีกด้วย 10 จุดชมแสงเหนือ - ประเทศไอซ์แลนด์ >> ชมได้ทั้งเกาะ แต่จุดที่นักท่องเที่ยวมักไปเฝ้ารอจะอยู่บริเวณ Kirkjufell Mountain - ประเทศฟินแลนด์ >> ภูมิภาค Lapland - ประเทศแคนาดา >> เมืองเยลโลว์ ไนฟ์ (Yellowknife) - กรีนแลนด์ ประเทศเดนมาร์ก >> เขต Kangerlussuaq - ประเทศรัสเซีย >> เมือง Murmansk - ประเทศนอร์เวย์ >> เมือง Tromso - รัฐอะแลสกา ประเทศอเมริกา >> เมือง Fairbanks - ประเทศสวีเดน >> Kiruna, Abisko - ประเทศเดนมาร์ก >> Faroe Islands - ประเทศสกอตแลนด์ >> Isle of Skye, Aberdeen

ทัวร์ญี่ปุ่น /

ตามรอยแฟนเดย์ กับ 10 ที่เที่ยวฮอกไกโดสุดโรแมนติก

บริษัททัวร์คุณภาพ เหนือด้วยราคา และคุณภาพ ข่าวสารอัพเดท   ภาพจาก เฟซบุ๊ก แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว           เที่ยวฮอกไกโด ญี่ปุ่น ตามรอยภาพยนตร์แฟนเดย์ ไปสัมผัส 10 ที่เที่ยวฮอกไกโด บรรยากาศสุดโรแมนติก สวยงามราวกับดินแดนในฝัน หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องแฟนเดย์ ได้ออกฉายสู่แฟนหนังชาวไทยแล้ว ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นทั้งนักแสดง เนื้อเรื่อง เพลงประกอบภาพยนตร์ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ สถานที่ถ่ายทำ ที่ทำให้คนดูประทับใจมาก ๆ ซึ่งไม่เสียแรงเลยที่ทีมงานยกกองถ่ายไปถ่ายกันไกลถึงเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น วันนี้เราจึงจะพาไปตามรอยภาพยนตร์เรื่องนี้กันค่ะ พาไปดูสถานที่ถ่ายทำสวย ๆ บรรยากาศสุดโรแมนติก จะมีที่ไหนบ้าง ไปเก็บข้อมูลกันเลย 1. คลองโอตารุ (Otaru Canal) เมืองโอตารุ เมืองโอตารุ เป็นเมืองท่าเล็ก ๆ ของกิ่งจังหวัดชิริเบะชิ (Shiribeshi Subprefecture) ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของซัปโปโร (Sapporo) บนเกาะฮอกไกโด เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยมีบรรยากาศที่สวยงาม เงียบสงบ เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเมืองเก่าแก่ ซึ่งแลนด์มาร์กอันโดดเด่นของเมืองนี้ ก็คือ คลองโอตารุ (Otaru Canal) เป็นลำคลองเล็ก ๆ มีตึกโกดังเก่าแก่ตั้งเรียงรายอยู่ริมคลองด้านหนึ่งอย่างสวยงาม ส่วนอีกฝั่งทำเป็นทางเดินริมน้ำ มีเสาไฟสไตล์ยุโรปเรียงรายไปตลอดแนวคลอง ทำให้บรรยากาศยามเย็นของที่นี่งดงามสุด ๆ เพราะแสงไฟจะส่องแสงลงคลองระยิบระยับ มองออกไปทางด้านหนึ่งจะเห็นภูเขาลูกใหญ่เป็นฉากหลังอย่างสวยงาม สามารถนั่งเรือชมคลองได้ด้วย แล้วอย่างนี้จะบอกว่าที่นี่ไม่โรแมนติกได้ยังไง พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี (Otaru Orgel Emporium/Otaru Music Box Museum) เมืองโอตารุ ภาพจาก NorGal / shutterstock.com      พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสุดคลาสสิกที่ห้ามพลาดของเมืองโอตารุ เพราะที่นี่จะมีการรวบรวมกล่องดนตรีหลากหลายแบบ หลากหลายสไตล์ไว้มากกว่า 1,000 ชิ้น และที่บอกว่าที่นี่มีความคลาสสิกก็เพราะว่าตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่สไตล์ยุโรป สร้างขึ้นจากอิฐแดง ส่วนด้านในจะเห็นเป็นโครงสร้างไม้ มีการวางเรียงกล่องดนตรีต่าง ๆ ไว้อย่างสวยงาม ซึ่งก็จะมีลวดลายที่แตกต่างกันไป ราคาก็มีทั้งสูงและต่ำ แต่รับรองได้ว่าสวยทุกชิ้น สามารถซื้อกลับมาเป็นของที่ระลึกหรือของฝากได้ นอกจากนี้ยังมีให้นักท่องเที่ยวทำกล่องดนตรีของตัวเองได้อีกด้วย นาฬิกาไอน้ำโบราณ (Steam Clock) เมืองโอตารุ ภาพจาก Javen / shutterstock.com    นาฬิกาไอน้ำโบราณ (Steam Clock) แห่งเมืองโอตารุ เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของเมืองโอตารุ ตั้งอยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี เป็นนาฬิกาไอน้ำเก่าแก่ที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา มอบให้แก่เมืองโอตารุ ความโดดเด่นของเจ้านาฬิกาเรือนนี้ นอกจากจะมีรูปลักษณ์ที่งดงามในสไตล์อังกฤษแล้ว ยังคอยจะส่งเสียงเพลงและพ่นไอน้ำออกมาในทุก ๆ 15 นาทีอีกด้วย คิโรโระ สกี

ทัวร์ญี่ปุ่น /

มาแล้ว หิมะแรกแห่งปี 2016 บนภูเขาไฟฟูจิ ญี่ปุ่น

บริษัททัวร์คุณภาพ เหนือด้วยราคา และคุณภาพ ข่าวสารอัพเดท   มาแล้ว ! หิมะแรกของภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น เตรียมตัววางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่น หน้าหนาวกันได้เลย ไปชมภูเขาไฟฟูจิ ที่เที่ยวญี่ปุ่นสวยตระการตา ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว และมีวิวธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ บอกเลยหนาวนี้ไม่ควรพลาด สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวนี้ เตรียมร้องเฮดัง ๆ เลยค่ะ เพราะเว็บไซต์ asahi.com ได้เปิดเผยว่าตอนนี้บนยอดภูเขาไฟฟูจิเริ่มมีหิมะแรกโปรยปรายลงมาแล้ว สร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวที่อยากเห็นภูเขาไฟฟูจิปกคลุมไปด้วยหิมะมากเลยทีเดียว ใกล้เข้ามาแล้วจริง ๆ สำหรับฤดูกาลหน้าหนาวของญี่ปุ่น เพราะเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2559 เริ่มมีหิมะแรกโปรยปรายลงมาที่ภูเขาไฟฟูจิแล้ว ซึ่งหิมะแรกบนภูเขาไฟฟูจิในปีนี้ถือว่ามาเร็วกว่าเมื่อปีที่แล้วถึง 16 วัน โดยหิมะที่ตกลงมาในวันแรกนั้นยังไม่หนามากนัก ยังไม่สามารถเห็นได้จากระยะไกล ต้องมองในมุมสูงและใกล้กับยอดภูเขาไฟฟูจิ จึงจะเห็นว่ามีหิมะสีขาวโพลนเริ่มปกคลุมพื้นที่บริเวณบนยอดเขา ซึ่งหลังจากนี้ไปจนถึงต้นฤดูร้อนของญี่ปุ่น ถ้านักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิ ก็จะได้เห็นภาพของยอดเขาที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาวสุดอลังการ ภูเขาไฟฟูจิ เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นภูเขารูปทรงกรวยคว่ำ ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ในเขตจังหวัดยะมะนะชิ (Yamanashin) และชิซุโอะกะ (Shizuoka) มีความสูงมากถึง 3,776 เมตร  จึงดูโดดเด่นและสง่างาม เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่นักปีนเขาอยากจะได้สัมผัส   นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิจากบริเวณโดยรอบแล้ว ก็ยังสามารถที่จะเข้าไปสัมผัสกับภูเขาไฟฟูจิได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย โดยในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ทางการญี่ปุ่นจะเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถปีนขึ้นไปบนยอดเขาได้ โดยการปีนภูเขาไฟฟูจิจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-3 วัน ขึ้นอยู่กับว่านักท่องเที่ยวจะปีนขึ้นไปจนถึงระดับไหน เพราะที่นี่มีให้ปีนได้มากถึง 10 ระดับ   ภาพจาก KP Photograph / shutterstock.com สิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการเห็นมากที่สุดบนยอดภูเขาไฟฟูจิก็คือ ภาพของพระอาทิตย์ขึ้น ชาวญี่ปุ่นจะเรียกว่า โกไรโค โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่สุดก็คือ ระหว่างเวลา 04.30-05.30 น. ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าใครสามารถขึ้นไปถึงยังยอดเขาไฟฟูจิแล้ว ก็จะได้รับเกียรติบัตรจาก Yamanashi Prefecture Tourist Association อีกด้วย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปีนเขาไฟฟูจิได้ที่ jnto.or.th (ภาษาไทย), fujisan-climb.jp (ภาษาอังกฤษ) และ jnto.go.jp(ภาษาอังกฤษ)           เอาเป็นว่าถ้าใครมีตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นอยู่ในมือแล้ว ก็จับไว้ให้แน่น ๆ แล้วเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อไปยลโฉมฟูจิในรูปแบบที่เต็มไปด้วยหิมะสวยงามอลังการ ส่วนใครยังไม่มีตั๋ว ก็วางแผนให้ดี ๆ ค่ะ ว่าจะไปเที่ยวเลยปีนี้ หรือรอปีหน้า แต่ถ้ามีกำลังทรัพย์แล้ว ก็อย่ารอเวลาเลยค่ะ เพราะเวลาก็จะไม่รอเราเหมือนกัน :) ขอขอบคุณข้อมูลจาก : asahi.com, jnto.or.th, fujisan-climb.jp, jnto.go.jp

ทัวร์เขมร /

สุดยอดปราสาทพลาดไม่ได้

เมืองพระนคร... นครวัด...นครธม สามชื่อที่ผู้คนอาจสับสนว่าหมายถึง ปราสาทไหนกันแน่ .....นครวัด หรืออังกอร์วัด หมายถึง ปราสาทขนาดใหญ่ที่สร้างโดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 มีบารายหรือคูน้ำล้อมรอบทั้งสี่ด้าน ครองพื้นที่มากกว่า 1 กิโลเมตร .....นครธม หรืออังกอร์ธม แปลว่า เมืองใหญ่หรือเมืองหลวง เป็นอาณาบริเวณที่อยู่ทางเหนือของนครวัด มีกำแพงและบารายล้อมรอบทั้งสี่ด้าน กำแพงทุกด้านมีซุ้มประตูเข้าเมือง ซึ่งมีปรางค์รูปใบหน้าอยู่เหนือประตู ภายในอาณาเขตกำแพงมีปราสาทน้อยใหญ่หลายหลัง โดยมีปราสาทบายอนเป็นศูนย์กลาง .....ส่วนคำว่า เมืองพระนคร หรือเมืองพระนครหลวง หมายถึง เมืองหลวงของอาณาจักรเขมรโบราณ ซึ่งมีทั้งหมดสี่เมืองซ้อนกันอยู่ในบริเวณนี้ตามลำดับการสร้างอาณาจักรคือ .....- เมืองพระนครหลวงแห่งแรกมีศูนย์กลางอยู่บริเวณพนมบาแค็ง เรียกว่า "ยโศธรปุระ" .....- เมืองพระนครหลวงแห่งที่ 2 อยู่บริเวณปราสาทแม่บุญตะวันออก มีศูนย์กลางคือ ปราสาทแปรรูป .....- เมืองพระนครหลวงแห่งที่ 3 เชื่อว่า อยู่แถวปราสาทบาปวน .....- สุดท้ายย้ายมาสร้างนครธม ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ปราสาทบายอน นับเป็นเมืองสุดท้าย .....ดังนั้น "เมืองพระนคร" ในปัจจุบันจึงหมายถึงปราสาทน้อยใหญ่ทุกปราสาท ที่อยู่ในอาณาบริเวณตั้งแต่บารายตะวันตกถึงบารายตะวันออก และเหนือปราสาทพระขรรค์ลงมาจนถึงแนวป่าด้านใต้ของนครวัด ซึ่งก็คือ "อุทยานประวัติศาสตร์เมืองพระนคร" (Angkor Archaeological Park) ที่ได้รับเลือกเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ. 2535 ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 16 ที่เมือง ซานตาเฟ สหรัฐอเมริกา เป็นมรดกโลกลำดับที่ 668 .....สุดยอดปราสาทพลาดไม่ได้ที่นักท่องเที่ยวต้องชมเป็นลำดับแรก เมื่อเดินทางมาถึงเมืองพระนครแล้ว ได้แก่ ปราสาทนครวัด , ปราสาทบายอน, ปราสาทบันทายสรี

ทัวร์เขมร /

ปราสาทนครวัด

รูปแบบศิลปะ : นครวัด ปีที่สร้าง : พ.ศ. 1656 สมัย : พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ช่วงเวลาควรไป : ก่อน 6 โมงเช้า เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นหลังหมู่ปราสาท และหลังบ่าย 3 โมง ที่ตั้ง : ห่างจากตัวเมืองเสียมเรียบ 4 กิโลเมตร .....หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งสร้างขึ้นในครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 17 เพื่ออุทิศถวาย แด่พระวิษณุหรือพระนารายณ์ เทพเจาสูงสุดแห่งลัทธิไวษณพนิกาย ปรากฏชื่อปราสาทในจารึกว่า "พระพิษณุโลกหรือวิษณุโลก" ส่วนชื่อ นครวัดเป็นชื่อที่เรียกกันภายหลัง นครวัดเป็นปราสาทแห่งเดียวในเมืองพระนครที่สร้างหันหน้าไปทางทิศตะวันตก บรรดาทัวร์นครวัดทั้งหลายจึงมักพาไปชมนครวัดในเวลาบ่าย เพื่อให้แสงจากทิศตะวันตกส่องกระทบด้านหน้าปราสาทเต็มที่ เป็นบรรยากาศที่เหมาะสำหรับการถ่ายรูป มหาปราสาทนครวัด มองจากทิศตะวันตก .....การนำชมนี้จะแบ่งบริเวณที่น่าสนใจเป็นห้าจุด ได้แก่ .....- บริเวณโคปุระกลางที่กำแพงชั้นนอก .....- ระเบียงคดชั้นแรก : ชมภาพแกะสลักยาวที่สุดในโลก .....- มุขกระสัน เชื่อมระเบียงคดชั้นแรกและชั้นที่ 2 .....- ระเบียงคดชั้นที่ 2 : ชมนางอัปสรา .....- ระเบียงคดชั้นที่ 3 : สู่ที่ประทับของเทพ .....นครวัดมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้างราว 1,300 เมตร และ ยาวราว 1,500 เมตร รวมพื้นที่ทั้งหมดถึง 1.9 ล้านตารางเมตร มีบารายหรือคูน้ำขนาดกว้าง 190 เมตร ยาวด้านละ 1,900 เมตร ล้อมรอบ ทั้งสี่ด้าน ทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทางเข้าด้านหน้ามีสะพานนาคข้ามบาราย ทอดตรงเข้าไปสู่ตัวปราสาท เมื่อข้ามบารายไปแล้ว จะพบกำแพงชั้นนอกสุด ล้อมรอบตัวปราสาท มีซุ้มประตูหรือเรียกว่าโคปุระอยู่ด้านหน้า บริเวณโคปุระกลางที่กำแพงชั้นนอก .....เมื่อเดินเข้าไปในโคปะรุ ก่อนจะมุ่งตรงสู่ตัวปราสาทตามทางเดินหินขนาดใหญ่เบื้องหน้า มีสิ่งน่าชมก่อนในบริเวณนี้ คือ .....เทวรูปแปดกร .....อยู่ทางด้านขวาของโคปุระ ประดิษฐานเทวรูปขนาดใหญ่ราวสองเท่าตัวคน แต่เดิมเชื่อว่า เป็นเทวรูปพระวิษณุหรือพระนารายณ์ แต่ปัจจุบันนักวิชาการลงความเห็นว่า น่าจะเป็นพระโพธิสัตว์ อวโลกิเตศวร เพราะเป็นศิลปะแบบบายอน อายุราวต้นพุทธศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นยุคหลังจากสร้างนครวัด ทั้งยังมีแปดกร และบนพระเศียรมีร่องรอยแกะสลักสัญลักษณ์ พระอามิตาภะพุทธประดับอยู่ .....อัปสราเผยยิ้ม .....ออกจากโคปุระชั้นแรกเดินไปด้านขวาตามขอบหินที่มุมผนังจะพบนางอัปสราสวมมงกุฎ และเครื่องทรงตามแบบศิลปะนครวัด ลักษณะต่างจากอัปสราตนอื่นทั้งหมด เพราะเผยยิ้มเต็มหน้า มองเห็นฟันจะแจ้ง เชื่อว่าเป็นอัปสราตนเดียวในนครวัดที่ยิ้มเห็นฟัน .....สะพานนาค .....คือทางเดินหินขนาดใหญ่มุ่งตรงไปยังตัวปราสาท เปรียบเหมือนสะพานสายรุ้งที่ทอดยาวไปสู่เขาพระสุเมรุตามคติความเชื่อของฮินดู ผ่านบรรลัยที่ตั้งขนาบอยู่ทั้งสองด้าน

ทัวร์เขมร /

ขอม คือ ชื่อทางวัฒนธรรม

.....สันนิษฐานว่า ขอม มาจากคำว่า ขะแมร์-กรอม (ที่แปลว่าใต้) เมื่อพูดเร็วๆ จึงกลายเป็น "ขอม" ขอมนั้นมิได้หมายถึงชนชาติทว่าเป็นชื่อทางวัฒนธรรม หมายถึง คนกลุ่มหนึ่งที่อยู่บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา นับถือศาสนาฮินดูหรือพุทธมหายานทางใต้ของแคว้นสุโขทัย อาจจะหมายถึง พวกละโว้ (ลพบุรี) เอกสารทางล้านนา เช่น จารึกและตำนานต่างๆ ล้วนระบุสอดคล้องกันว่า ขอมคือ พวกที่อยู่ทางใต้ของล้านนาในสมัยอาณาจักรสุโขทัย ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยเขียนอธิบายไว้ว่าขอมเป็นพวกนับถือฮินดูหรือพุทธมหายาน ใครที่เป็นฮินดู หรือพุทธมหายานเป็นได้ ชื่อว่า ขอมทั้งหมด .....ซัวสเดยพนมเปญ .....กรุงพนมเปญเป็นเมืองหลวงของกัมพูชา และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ในบริเวณที่แม่น้ำสายมาบรรจบกัน ได้แก่ แม่น้ำโขงตอนบน แม่น้ำโขงตอนล่าง แม่น้ำบาสสัก และแม่น้ำโตนเล จึงเป็นที่เรียกขานกันว่า เมืองจัตุรมุข .....ครั้งหนึ่งเมืองจัตุรมุขแห่งนี้ เคยได้ชื่อว่า ไข่มุกแห่งเอเชีย ด้วยเป็นเมืองที่อาณานิคมฝรั่งเศสออกแบบก่อสร้างและวางผังเมืองไว้อย่างสวยงามที่สุดในอินโดจีนช่วงทศวรรษ 1920 โดยมีถนนสายกว้างตัดผ่านกันหลายสาย นอกจากเป็นศูนย์กลางการบริหารของประเทศแล้ว กรุงพนมเปญยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยพนมเปญ ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดของกัมพูชา เปิดสอนทางด้านวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และภาษาต่างประเทศ พนมเปญยังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของกัมพูชานอกเหนือจากเสียมเรียบ แลกำปงโสม (สีหนุวิลล์) ด้วย .....หลังถูกทัพสยามตีแตกในปี ค.ศ. 1353 กษัตริย์เขมรองค์ต่างๆ ตัดสินใจย้ายเมืองหลวงหลายครั้ง กว่าจะสถาปนากรุงพนมเปญเป็นเมืองหลวงอย่างถาวรในปี ค.ศ. 1866 นับจากนั้นเป็นต้นมา พนมเปญก็ผ่านประสบการณ์ต่างๆ มาพร้อมกับประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ตั้งแต่ฝรั่งเศสเข้ามายึดครองเป็นอาณานิคม มาจนถึงยุคของเขมรแดงที่กวาดต้อนชาวพนมเปญออกไปทำไร่ทำนาตามท้องถิ่นชนบท จนเมืองหลวงแห่งนี้โล่งร้าง แต่ก็มีสถานที่สำคัญหลายแห่งในพนมเปญที่รัฐบาลพอล พต ฝาเรื่องราว ไว้ให้เป็นมรดกสำหรับการท่องเที่ยว เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่อุบัติขึ้นในครั้งนั้น .....ความงดงามของพนมเปญคือ เคหสถาน อาคารที่ทำการราชการและอาคารพาณิชย์ที่ประดุจกระจกสะท้อนสถาปัตยกรรมสมัยอาณานิคมหรือที่เรียกว่า สถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับการปรับปรุงให้เป็นร้านอาหารแบบคลาสสิก แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ถูกปล่อยให้ทรุดโทรม ย่านใจกลางเมืองบนถนนสายหลักจะเป็นคฤหาสน์หลังโต ที่มีรั้วรอบขอบชิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของผู้มีตำแหน่งในรัฐบาลหรือนักธุรกิจ ขณะที่ในซอยเล็กๆ ไม่ไกลกันจะมีประชาชนอยู่อย่างแออัดในบ้าน หลังเล็กๆ ขัดแย้งกับภาพที่เห็นบนถนนสายหลักโดยสิ้นเชิง .....นอกจากนี้ในพนมเปญยังประกอบด้วยตลาด 2 แห่งที่น่าสนใจแห่งแรก คือ ตลาดใหม่ หรือตลาดพาซาร์ธเมย เป็นอาคารทรงกลมกว้างใหญ่แบบอาร์ตเดโก มีเพดานสูง อาคารมีปีก 4 ด้าน สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1937 สมัยที่ยังเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส จำหน่ายสินค้าสารพัดชนิด อีกตลาดหนึ่ง

ทัวร์เขมร /

พิพิธภัณฑ์ต็วลซฺแลง (Toul Sleng) ความโหดร้ายที่ต้องจารจำ

.....อาคารแห่งนี้ เดิมเคยเป็นโรงเรียนมัธยม นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975 หลังเขมรแดงบุกยึดกรุงพนมเปญ และพอล พต เป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลอาคารโรงเรียนถูกปรับใช้เป็นคุกที่รู้จักกันในชื่อ S-21 โดยจัดแบ่งเป็นห้องขังขนาดเล็ก มีประชาชนมากกว่า 20,000 คน ถูกนำตัวมาสอบสวน คุมขัง ทรมาน และ สังหาร ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิง เด็ก หรือคนชรา .....ช่วงแรกๆ เป้าหมายที่ถูกนำตัวมาขังทรมานในคุกต็วลซฺแลงคือ ประชาชนคนธรรมดา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนมีการศึกษาที่กลุ่มเขมรแดงตั้งข้อสงสัยว่าเป็นภัยและอาจให้การสนับสนุนรัฐบาล ชุดก่อน แต่ระยะหลัง รัฐบาลเขมรแดงเริ่มหวาดระแวงไปทั่ว นักโทษรุ่นท้ายๆ มีคนในสังกัดเขมรแดงเอง รวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก .....หลังปี ค.ศ. 1979 รัฐบาลกัมพูชาเปลี่ยนบทบาทคุกต็วลซฺแลง เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อบอกเล่าเรื่องราวความทารุณโหดร้ายที่กระทำต่อเพื่อนมนุษย์ โดยภาพถ่ยของเหยื่อการสังหารถูกนำมาติด เรียงราย รวมทั้งมีการจัดแสดงเครื่องทรมาน โซ่ ตรวน กุญแจมือ และอาวุธที่ใช้ในการประหาร ก่อนหน้านี้ มีการจัดแสดงนิทรรศการที่ได้รับการกล่าวขานถึงอย่างกว้างขวาง คือ การนำหัวกะโหลกของเหยื่อคุกต็วลซฺแลงมาจัดเรียงเป็นรูปแผนที่ประเทศกัมพูชา ปัจจุบันนิทรรศการดังกล่าวถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ก็ยังมีห้องที่เต็มไปด้วยหัวกะโหลก เปิดให้เข้าชมเพื่อรำลึกถึงผู้วายชนม์ในยุคเขมรแดงครองอำนาจ .....* ทุ่งสังหารนับล้านชีวิตที่สิ้นไป .....จากพิพิธภัณฑ์ต็วลซฺแลงแล้ว ออกนอกเมืองมาทางทิศใต้ประมาณ 12 กิโลเมตร ทุ่งสังหารเจืองไอ (Choeung Ek) เป็นร่องรอยความโหดร้ายทารุณของรัฐบาลเขมรแดงที่ทิ้งไว้ให้แก่คนรุ่นหลังได้รับรู้ เหยื่อของกลุ่มเขมรแดงรวมทั้งนักโทษจากคุณต็วลซฺแลงจะถูกส่งตัวมาเพื่อสังหารและฝังรวมกันในหลุมขนาดใหญ่บริเวณนี้ หลังจากรัฐบาลเขมรแดงหมดอำนาจ มีการพบศพผู้ที่ถูกสังหารในพื้นที่บริเวณนี้มากกว่า 8,000 ราย .....ปัจจุบันมีการขุดซากโครงกระดูกขึ้นมาจากหลายหลุม และสร้างสถูปเจดีย์ขึ้นเป็นอนุสรณ์ แด่ผู้เคราะห์ร้าย รวมทั้งกะโหลกศีรษะนับร้อยนับพันที่เรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ อยู่ในตู้กระจกใสขนาดใหญ่ นอกจากนี้ Killing Fields ยังถูกนำไปใช้เป็นชื่อภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1984 เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความทารุณโหดร้ายที่เกิดขึ้นในประเทศกัมพูชาในยุครัฐบาลเขมรแดง จนได้รับ Academy Awards ถึง 3 รางวัล
line