ทัวร์ญี่ปุ่น
/
เสียวขั้นสุดกับ Takabisha รถไฟเหาะตีลังกาที่ชันที่สุดในโลก ที่ประเทศญี่ปุ่น
พาไปทำความรู้จักกับ Takabisha เครื่องเล่นรถไฟเหาะตีลังกาสุดหวาดเสียวภายในสวนสนุก Fuji-Q Highland ประเทศญี่ปุ่น ถูกบันทึกให้เป็นเครื่องเล่นประเภทรถไฟเหาะตีลังกาที่ชันที่สุดในโลก ด้วยความชันมากถึง 121 องศา เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวใกล้โตเกียวที่ไม่ควรพลาด
ญี่ปุ่น มักจะมีสิ่งที่ทำให้โลกได้เซอร์ไพรส์อยู่ตลอดจริง ๆ นอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นให้เราไปเที่ยวชมมากมายแล้ว ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวแนวเอนเตอร์เทนเมนต์ยังจัดทำออกมาได้ดีไม่มีที่ติอีกต่างหาก อย่างในส่วนของสวนสนุก Fuji-Q Highland เมืองฟุจิโยะชิดะ (Fujiyoshida) จังหวัดยะมะนะชิ (Yamanashi) ก็มีเครื่องเล่นสุดหวาดเสียวที่เป็นที่สุดของโลกตั้งอยู่ด้วย หนึ่งในนั้นก็คือ Takabisha
ภาพจาก Alongkorn Naranong / Shutterstock.com
Takabisha เป็นเครื่องเล่นประเภทรถไฟเหาะตีลังกา (Roller Coaster) ที่จะทำให้หัวใจคุณเต้นระทึกมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต กับความชันมากที่สุดในโลก ด้วยความชันมากถึง 121 องศา เปิดให้นักท่องเที่ยวได้พิสูจน์ความหวาดเสียวครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2011
ภาพจาก Navapon Plodprong / Shutterstock.com
Takabisha นั้้นเป็นเครื่องเล่นมาตรฐานระดับโลกจากบริษัท Gerstlauer ประเทศเยอรมนี มีโครงสร้างเป็นเหล็กแข็งแรงสมบูรณ์ มีระยะทางทั้งหมด 1,004 เมตร วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง จุดที่สูงที่สุดก่อนที่จะปล่อยตัวลงมาด้วยความชัน 121 องศานั้น มีความสูงอยู่ที่ 43 เมตร ลองจินตนาการดูสิว่าถ้าเราได้นั่งบนรถไฟเหาะซึ่งสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้แบบสวยอลังการ และได้ขึ้นไปอยู่บนความสูงกว่า 43 เมตรแบบนิ่ง ๆ สัก 5-10 วินาที แล้วรถก็วิ่งดิ่งลงมาในความชันถึง 121 องศาด้วยความเร็วสูงปรี๊ด มันจะเสียวและสนุกขนาดไหน บอกเลยว่าฟินสุด ๆ
ภาพจาก Navapon Plodprong / Shutterstock.com
และด้วยความชันมากถึง 121 องศาของ Takabisha นี้เอง มันจึงได้รับการจดบันทึกโดย Guinness World Record ให้เป็นรถไฟเหาะตีลังกาแบบเหล็กที่ชันที่สุดในโลกในปี 2011
เครื่องเล่นชนิดนี้ในแต่ละรอบจะมีผู้เล่นนั่งได้ 8 คน ผู้เล่นต้องมีความสูงเกินกว่า 130 เซนติเมตร อายุต้องอยู่ระหว่าง 10-60 ปี ไม่มีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงต่อการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ ค่าตั๋วคนละ 1,000
ทัวร์เกาหลี
/
ใบ ตม.เกาหลี แบบใหม่ เตรียมตัวเที่ยวเกาหลีใต้ควรรู้
แบบฟอร์มตรวจคนเข้าเมือง หรือใบ ตม. รูปแบบใหม่ ของประเทศเกาหลีใต้ เพื่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวเกาหลีใต้ ได้เตรียมตัวและกรอกข้อมูลอย่างถูกต้องครบถ้วน
ขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเป็นขั้นตอนปกติที่นักท่องเที่ยวต้องพบในการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ และไม่นานมานี้เองมีข่าวว่าทางประเทศเกาหลีใต้ ทำการเปลี่ยนแบบฟอร์มใบตรวจคนเข้าเมือง หรือใบ ตม. (Arrival card) รูปแบบใหม่ ว่าแต่ของใหม่และของเก่ามีลักษณะต่างกันอย่างไร ตาม เฟซบุ๊ก สักครั้ง ณ Korea ไปอัปเดตกันเลยค่ะ เพื่อที่ว่านักท่องเที่ยวจะได้กรอกข้อมูลอย่างถูกต้อง เพราะถ้ากรอกผิดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เกิดปัญหาตามมา เป็นการเตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้า เมื่อเวลาที่เดินทางไปถึงแล้วจะได้ไม่ตื่นเต้น ทำผิดทำถูก และเพิ่มความมั่นใจที่จะไปเจอกับ ตม. เกาหลีใต้ นั่นเอง
+++++++++++++++
มาดูใบ ตม. เกาหลีแบบใหม่กัน
เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่าทางประเทศเกาหลีใต้ ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบใบตรวจคนเข้าเมือง หรือ Arrival Card ใหม่ หลายคนอาจจะสงสัยเจ้าใบเข้าเมืองรูปแบบใหม่เป็นแบบไหน แล้วมันแตกต่างจากของเก่ายังไงบ้าง วันนี้จะพาไปดูตัวจริงเสียงจริง พร้อมแล้วลุยยยยยยยยย
ใบตรวจคนเข้าเมืองแบบใหม่เอาใจนักท่องเที่ยวหลาย ๆ ประเทศ ด้วยการทำออกมาในหลายภาษา เข้าใจง่ายรวมทั้งภาษาไทยด้วยจ้า
**แต่เราต้องกรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาเกาหลีเท่านั้นนะจ๊ะ เขียนภาษาไทยไป ตม. อ่านไม่ออก อาจอดเที่ยวได้นะ
ลองมาดูข้อแตกต่างของแบบเก่ากับแบบใหม่กัน
> แบบใหม่จะไม่มีช่องใส่ข้อมูลต่อไปนี้<
~ Passport No. (เลขพาสปอร์ต)
~ Home Address (ที่อยู่บ้านเรา)
~ Flight (Vessel) No. (หมายเลขเที่ยวบินที่มา)
~ Port of Boarding (สนามบินต้นทาง)
~ Official Only (สำหรับเจ้าหน้าที่)
***แต่ ๆๆๆ เค้าได้ขยายช่องใส่ข้อมูลที่อยู่ในเกาหลี ตามที่เราจะไปพักให้ใหญ่ขึ้นจุใจ ไม่ต้องเขียนเบียด ๆ ตัวเล็กแบบที่ผ่านมาแล้วจ้า***
นอกจากนี้หลายใครยังงงว่าจะเขียนยังไง พลิกไปที่ด้านหลังจะมีคำอธิบายวิธีการเขียนให้ด้วยนะ ไม่ต้องสะกิดถามคนข้าง ๆ แล้ว ~สะดวกได้อีก~
^_^ เห็นไหม ตม. เกาหลี เค้ารอต้อนรับนักท่องเที่ยวไทยขนาดนี้ ถ้าเราไปเที่ยวจริงซื้อตั๋วตะลุยเกาหลีโลด อย่าไปกลัว ตม. จ้า ^_^
ปล. อย่าลืมไปให้กำลังใจกันต่อหรืออ่านรีวิวอื่น ๆ เกี่ยวกับเกาหลีได้ที่ https://m.facebook.com/onceinkorea หรือค้นหาทางเฟซบุ๊กคำว่า "@onceinkorea" ได้เลยค่ะ
หมายเหตุ : สายการบินอาจจะยังคงแจกแบบฟอร์มใบ ตม. เดิมอยู่นะคะ น่าจะใช้แบบเดิมให้หมดก่อน แต่แบบฟอร์มใหม่สามารถหยิบได้ที่จุดเขียนใบเข้าเมือง
ทัวร์ญี่ปุ่น
/
ตามรอยแฟนเดย์ กับ 10 ที่เที่ยวฮอกไกโดสุดโรแมนติก
บริษัททัวร์คุณภาพ
เหนือด้วยราคา และคุณภาพ
ข่าวสารอัพเดท
ภาพจาก เฟซบุ๊ก แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว
เที่ยวฮอกไกโด ญี่ปุ่น ตามรอยภาพยนตร์แฟนเดย์ ไปสัมผัส 10 ที่เที่ยวฮอกไกโด บรรยากาศสุดโรแมนติก สวยงามราวกับดินแดนในฝัน
หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องแฟนเดย์ ได้ออกฉายสู่แฟนหนังชาวไทยแล้ว ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นทั้งนักแสดง เนื้อเรื่อง เพลงประกอบภาพยนตร์ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ สถานที่ถ่ายทำ ที่ทำให้คนดูประทับใจมาก ๆ ซึ่งไม่เสียแรงเลยที่ทีมงานยกกองถ่ายไปถ่ายกันไกลถึงเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น วันนี้เราจึงจะพาไปตามรอยภาพยนตร์เรื่องนี้กันค่ะ พาไปดูสถานที่ถ่ายทำสวย ๆ บรรยากาศสุดโรแมนติก จะมีที่ไหนบ้าง ไปเก็บข้อมูลกันเลย
1. คลองโอตารุ (Otaru Canal) เมืองโอตารุ
เมืองโอตารุ เป็นเมืองท่าเล็ก ๆ ของกิ่งจังหวัดชิริเบะชิ (Shiribeshi Subprefecture) ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของซัปโปโร (Sapporo) บนเกาะฮอกไกโด เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยมีบรรยากาศที่สวยงาม เงียบสงบ เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเมืองเก่าแก่ ซึ่งแลนด์มาร์กอันโดดเด่นของเมืองนี้ ก็คือ คลองโอตารุ (Otaru Canal) เป็นลำคลองเล็ก ๆ มีตึกโกดังเก่าแก่ตั้งเรียงรายอยู่ริมคลองด้านหนึ่งอย่างสวยงาม ส่วนอีกฝั่งทำเป็นทางเดินริมน้ำ มีเสาไฟสไตล์ยุโรปเรียงรายไปตลอดแนวคลอง ทำให้บรรยากาศยามเย็นของที่นี่งดงามสุด ๆ เพราะแสงไฟจะส่องแสงลงคลองระยิบระยับ มองออกไปทางด้านหนึ่งจะเห็นภูเขาลูกใหญ่เป็นฉากหลังอย่างสวยงาม สามารถนั่งเรือชมคลองได้ด้วย แล้วอย่างนี้จะบอกว่าที่นี่ไม่โรแมนติกได้ยังไง
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี (Otaru Orgel Emporium/Otaru Music Box Museum) เมืองโอตารุ
ภาพจาก NorGal / shutterstock.com
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสุดคลาสสิกที่ห้ามพลาดของเมืองโอตารุ เพราะที่นี่จะมีการรวบรวมกล่องดนตรีหลากหลายแบบ หลากหลายสไตล์ไว้มากกว่า 1,000 ชิ้น และที่บอกว่าที่นี่มีความคลาสสิกก็เพราะว่าตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่สไตล์ยุโรป สร้างขึ้นจากอิฐแดง ส่วนด้านในจะเห็นเป็นโครงสร้างไม้ มีการวางเรียงกล่องดนตรีต่าง ๆ ไว้อย่างสวยงาม ซึ่งก็จะมีลวดลายที่แตกต่างกันไป ราคาก็มีทั้งสูงและต่ำ แต่รับรองได้ว่าสวยทุกชิ้น สามารถซื้อกลับมาเป็นของที่ระลึกหรือของฝากได้ นอกจากนี้ยังมีให้นักท่องเที่ยวทำกล่องดนตรีของตัวเองได้อีกด้วย
นาฬิกาไอน้ำโบราณ (Steam Clock) เมืองโอตารุ
ภาพจาก Javen / shutterstock.com
นาฬิกาไอน้ำโบราณ (Steam Clock) แห่งเมืองโอตารุ เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของเมืองโอตารุ ตั้งอยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี เป็นนาฬิกาไอน้ำเก่าแก่ที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา มอบให้แก่เมืองโอตารุ ความโดดเด่นของเจ้านาฬิกาเรือนนี้ นอกจากจะมีรูปลักษณ์ที่งดงามในสไตล์อังกฤษแล้ว ยังคอยจะส่งเสียงเพลงและพ่นไอน้ำออกมาในทุก ๆ 15 นาทีอีกด้วย
คิโรโระ สกี
ทัวร์ญี่ปุ่น
/
มาแล้ว หิมะแรกแห่งปี 2016 บนภูเขาไฟฟูจิ ญี่ปุ่น
บริษัททัวร์คุณภาพ
เหนือด้วยราคา และคุณภาพ
ข่าวสารอัพเดท
มาแล้ว ! หิมะแรกของภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น เตรียมตัววางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่น หน้าหนาวกันได้เลย ไปชมภูเขาไฟฟูจิ ที่เที่ยวญี่ปุ่นสวยตระการตา ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว และมีวิวธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ บอกเลยหนาวนี้ไม่ควรพลาด
สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวนี้ เตรียมร้องเฮดัง ๆ เลยค่ะ เพราะเว็บไซต์ asahi.com ได้เปิดเผยว่าตอนนี้บนยอดภูเขาไฟฟูจิเริ่มมีหิมะแรกโปรยปรายลงมาแล้ว สร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวที่อยากเห็นภูเขาไฟฟูจิปกคลุมไปด้วยหิมะมากเลยทีเดียว
ใกล้เข้ามาแล้วจริง ๆ สำหรับฤดูกาลหน้าหนาวของญี่ปุ่น เพราะเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2559 เริ่มมีหิมะแรกโปรยปรายลงมาที่ภูเขาไฟฟูจิแล้ว ซึ่งหิมะแรกบนภูเขาไฟฟูจิในปีนี้ถือว่ามาเร็วกว่าเมื่อปีที่แล้วถึง 16 วัน
โดยหิมะที่ตกลงมาในวันแรกนั้นยังไม่หนามากนัก ยังไม่สามารถเห็นได้จากระยะไกล ต้องมองในมุมสูงและใกล้กับยอดภูเขาไฟฟูจิ จึงจะเห็นว่ามีหิมะสีขาวโพลนเริ่มปกคลุมพื้นที่บริเวณบนยอดเขา ซึ่งหลังจากนี้ไปจนถึงต้นฤดูร้อนของญี่ปุ่น ถ้านักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิ ก็จะได้เห็นภาพของยอดเขาที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาวสุดอลังการ
ภูเขาไฟฟูจิ เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นภูเขารูปทรงกรวยคว่ำ ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ในเขตจังหวัดยะมะนะชิ (Yamanashin) และชิซุโอะกะ (Shizuoka) มีความสูงมากถึง 3,776 เมตร จึงดูโดดเด่นและสง่างาม เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่นักปีนเขาอยากจะได้สัมผัส
นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิจากบริเวณโดยรอบแล้ว ก็ยังสามารถที่จะเข้าไปสัมผัสกับภูเขาไฟฟูจิได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย โดยในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ทางการญี่ปุ่นจะเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถปีนขึ้นไปบนยอดเขาได้ โดยการปีนภูเขาไฟฟูจิจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-3 วัน ขึ้นอยู่กับว่านักท่องเที่ยวจะปีนขึ้นไปจนถึงระดับไหน เพราะที่นี่มีให้ปีนได้มากถึง 10 ระดับ
ภาพจาก KP Photograph / shutterstock.com
สิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการเห็นมากที่สุดบนยอดภูเขาไฟฟูจิก็คือ ภาพของพระอาทิตย์ขึ้น ชาวญี่ปุ่นจะเรียกว่า โกไรโค โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่สุดก็คือ ระหว่างเวลา 04.30-05.30 น. ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าใครสามารถขึ้นไปถึงยังยอดเขาไฟฟูจิแล้ว ก็จะได้รับเกียรติบัตรจาก Yamanashi Prefecture Tourist Association อีกด้วย
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปีนเขาไฟฟูจิได้ที่ jnto.or.th (ภาษาไทย), fujisan-climb.jp (ภาษาอังกฤษ) และ jnto.go.jp(ภาษาอังกฤษ)
เอาเป็นว่าถ้าใครมีตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นอยู่ในมือแล้ว ก็จับไว้ให้แน่น ๆ แล้วเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อไปยลโฉมฟูจิในรูปแบบที่เต็มไปด้วยหิมะสวยงามอลังการ ส่วนใครยังไม่มีตั๋ว ก็วางแผนให้ดี ๆ ค่ะ ว่าจะไปเที่ยวเลยปีนี้ หรือรอปีหน้า แต่ถ้ามีกำลังทรัพย์แล้ว ก็อย่ารอเวลาเลยค่ะ เพราะเวลาก็จะไม่รอเราเหมือนกัน :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
asahi.com, jnto.or.th, fujisan-climb.jp, jnto.go.jp
ทัวร์อเมริกา
/
15 ที่เที่ยวอเมริกา ปักหมุดแลนด์มาร์กเด่น ๆ ไปแล้วต้องเช็กอิน
แพลนเนท ฮอลลิเดย์ บริษัททัวร์คุณภาพ
เหนือด้วยราคา และคุณภาพ
ข่าวสารอัพเดท
สหรัฐอเมริกา ดินแดนที่หลายคนอยากไปเยี่ยมเยือนสักครั้ง ยิ่งในช่วงนี้สายการบินต่าง ๆ เริ่มออกโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินกันมาแบบกระชากใจสุด ๆ ก็ยิ่งทำให้ความฝันการไปเยือนสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้น
เอาล่ะ...เมื่อความฝันเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้ทีละนิด เราก็ต้องมาเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อที่จะได้สนุกสนานกับจุดปลายหมายทางได้อย่างเต็มที่ สิ่งแรกเรามาเก็บข้อมูลที่เที่ยวเด่น ๆ ของสหรัฐอเมริกากันก่อนดีกว่า เวลาที่มีโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินออกมา จะได้กดจองจุดหมายปลายทางกันได้ทันที งั้นมาเริ่มกันเลย !
1. อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty) นครนิวยอร์ก
อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ สัญลักษณ์สำคัญของประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่บนเกาะลิเบอร์ตี อ่าวนิวยอร์ก สร้างด้วยโลหะสำริด มีลักษณะเป็นรูปร่างผู้หญิง สวมใส่ผ้าคลุมไหล่ ถือคบเพลิงอยู่ที่มือด้านขวา และถือหนังสือกฎหมายอยู่ที่มือด้านซ้าย ซึ่งมีวันที่ของการลงนามคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา (The Declaration of Independence) เขียนไว้เป็นของขวัญที่ชาวฝรั่งเศสมอบให้กับอเมริกาในวันครบรอบ 100 ปีแห่งอิสรภาพ จากฐานของเทพีเสรีภาพจนถึงปลายของคบเพลิงสูงประมาณ 93.3 เมตร ซึ่งถ้าหากได้ไปยืนที่ฐานจะเห็นถึงความใหญ่โตมโหฬารของเทพีเสรีภาพ นักท่องเที่ยวยังสามารถขึ้นบันไดวน 162 ขั้น เพื่อไปชมวิวเมืองนิวยอร์กจากบนยอดมงกุฎได้อีกด้วย
น้ำตกไนแองการา (Niagara Falls) รัฐนิวยอร์ก
น้ำตกไนแองการา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนของสหรัฐอเมริกา ที่รัฐนิวยอร์ก และประเทศแคนาดา ที่เมืองโทรอนโต รัฐออนแทรีโอ ซึ่งเป็นน้ำตกที่อยู่บนแม่น้ำไนแองการา เมื่อมวลน้ำมหาศาลมาสู่จุดที่แผ่นดินยุบตัว จึงกลายเป็นน้ำตกขนาดมหึมา มีทั้งหมด 3 แห่งในบริเวณเดียวกัน คือ American Falls, Bridal Veil Falls และ Canadian Falls นักท่องเที่ยวสามารถที่จะนั่งเรือเข้าไปชมน้ำตกได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะเห็นความยิ่งใหญ่ของน้ำตกที่สูงมากกว่า 50 เมตร และกว้างมากกว่า 300-800 เมตร (American Falls และ Bridal Veil Falls สูง 53.6 เมตร กว้าง 323.08 เมตร ส่วน Canadian Falls สูง 50.9 เมตร กว้าง 792.4 เมตร) สามารถไปเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี แต่หน้าหนาวจะหนาวมาก และน้ำตกจะเป็นน้ำแข็ง
แอนเทอโลป แคนยอน (Antelope Canyon) รัฐแอริโซนา
แอนเทอโลป แคนยอน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในเมือง Page รัฐแอริโซนา (Arizona) มีลักษณะเป็นหุบเขาหินทรายสีแดง แบ่งเป็น
ทัวร์ไต้หวัน
/
10 ที่เที่ยวไทเปยามค่ำคืน ไปเที่ยวไต้หวันคราวนี้ตะลุยราตรีให้หนำใจ
แพลนเนท ฮอลลิเดย์ บริษัททัวร์คุณภาพ
เหนือด้วยราคา และคุณภาพ
ข่าวสารอัพเดท
ที่เที่ยวไทเปยามค่ำคืน เมืองแห่งสีสันของไต้หวัน ใครอยากเที่ยวไต้หวันในยามราตรี แต่ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนดี เรามีที่เที่ยวไต้หวันยามค่ำคืนมาแนะนำ
เกาะไต้หวัน กำลังเป็นที่นิยมมาก ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกในตอนนี้ ด้วยที่นี่มีธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมที่น่าหลงใหลไม่แพ้ประเทศไหน ๆ ในเอเชีย มีอาหารอร่อย สถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ผู้คนเป็นมิตร แล้วแบบนี้ใครจะปฏิเสธที่จะไม่หลงรักไต้หวันได้ลงคอ โดยเฉพาะที่เมืองไทเป ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาะไต้หวัน ก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย แค่ให้เที่ยวในไทเปก็สามารถเต็มอิ่มกับความเป็นไต้หวันได้แล้ว และเพื่อเอาใจคนชอบเที่ยวไทเป วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอจัดที่เที่ยวไทเปยามค่ำคืนมาให้สักหน่อย จะมีที่เที่ยวที่ไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย
new data conntent 1. ย่านซีเหมินติง (Ximending)
ภาพจาก Sean Pavone / shutterstock.com
เป็นที่ทราบกันดีว่าย่านซีเหมินติง (Ximending) เป็นย่านที่มีความคึกคักมากที่สุดแห่งหนึ่งของไทเป เพราะในบริเวณนี้เป็นศูนย์กลางทางด้านการเงิน เศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว โดยรอบเต็มไปด้วยศูนย์การค้า ร้านค้า แหล่งช้อปปิ้งมากมาย พร้อมทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ผับ บาร์ คาเฟ่ ฯลฯ เพราะฉะนั้นในยามค่ำคืนของที่นี่ก็จะมีแต่แสงสี มีวัยรุ่นไต้หวันและนักท่องเที่ยวมาเดินเล่นมากมาย ถือได้ว่าเป็นย่านที่มีสีสันมากที่สุดแห่งหนึ่งของไต้หวัน ใครมีโอกาสไปเที่ยวไต้หวันต้องไม่พลาดไปเช็กอินที่นี่
วัดหลงซาน (Longshan Temple)
หลายท่านอาจจะแปลกใจว่าไปเที่ยววัดในเวลากลางคืนได้ด้วยหรือ ? สำหรับวัดหลงซาน สามารถเข้าไปเที่ยวชมได้ค่ะ เพราะจะเปิดตั้งแต่ 06.00-22.00 น. เลยทีเดียว วัดแห่งนี้ต้องบอกว่าต้องไปไหว้พระขอพรกันให้ได้สักครั้ง เพราะว่าเป็นวัดที่เก่าแก่มากของไต้หวัน สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1738 จนถึงตอนนี้ (2016) ก็ประมาณ 278 ปีแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้นสิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้อีกสิ่งก็คือสถาปัตยกรรม เราจะเห็นอาคารที่สร้างขึ้นอย่างสวยงามตามแบบฉบับศิลปะในสมัยนั้น ซึ่งต้องบอกว่าแต่ละส่วนนั้นทำกันอย่างประณีตมาก ไม่ว่าจะเป็นหลังคา เสา บานหน้าต่าง ประตูทางเข้า หรือแม้แต่การตกแต่งในส่วนต่าง ๆ สวยงามจนต้องตะลึงไปเลย นอกจากนั้นคนไต้หวันยังเชื่อว่าการมาไหว้ขอพรจากเทพเจ้าที่นี่ยังศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะเรื่องของความรัก เอ้า...คนโสดอย่าพลาดเชียว
Huaxi Night Market
ภาพจาก Richie Chan / shutterstock.com
Huaxi night market เป็นตลาดกลางคืนที่มีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของไต้หวัน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1951 ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดหลงซาน (Longshan Temple) เพียงเดินข้ามถนนมาเท่านั้น ก็จะเจอกับตลาดขายของกิน อาหารพื้นเมืองมากมายหลากหลายชนิด ราคาไม่แพง
ทวีปยุโรป
/
TOP 10 TRAVEL
DESTINATIONS OF 2014
บริษัททัวร์คุณภาพ
เหนือด้วย...ราคา และคุณภาพ
ข่าวสาร
TOP 10 TRAVEL
DESTINATIONS OF 2014top101
นับถอยหลังเตรียมตัวออกไปค้นหาแรงบันดาลใจเติมพลังให้ชีวิต ผ่อนคลายจากความรีบร้อนวุ่นวาย แสวงหาประสบการณ์การเดินทางใน 10 จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจเหล่านี้
1.Norway
top102
:: ประเทศนอร์เวย์ มีเอกลักษณ์ที่น่าติดตามหลายสิ่ง นอกจากธรรมชาติสุดอลังการ อย่างฟยอร์ด(Fjord อ่าวแคบๆ ยาวๆ อยู่ระหว่างหน้าผาสูงชัน) ยังมีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติน่าตื่นตา เช่น Northern Lights (Aurora Borealis) แสงเหนือที่พบในค่ำคืนมืดมิดไร้เมฆหมอก ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ ในดินแดนใกล้เส้นอาร์กติกนอกจากนั้น ยังมี Midnight Sun ที่พระอาทิตย์ในหน้าร้อนไม่ลับหาย ทำให้ท้องฟ้าส่องสว่างตลอด 24 ชั่วโมง สามารถชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ถึง 76 วัน ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม ซึ่งจุดที่ชมนั้น ยิ่งขึ้นเหนือไปเท่าใด ก็ยิ่งเห็นได้มากเป็นต้นว่า Lofoten อันมียอดเขาและที่ราบริมฝั่งทะเล ที่ฝูงแกะเล็มหญ้าจากดินเจือสาหร่ายทะเล , เทือกเขาสูง Lyngen Alps ซึ่งมีน้ำตก Mollisfossen กับ Malselvfossen ที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นน้ำตกแห่งชาตินอร์เวย์ หรือนั่งเคเบิ้ลคาร์ที่ Tromso เพื่อชมพระอาทิตย์ลอยเด่นเหนือ Ringvassoya Island รวมถึงที่หน้าผา North Cape (Nordkapp) ซึ่งรัชกาลที่5 เสด็จประพาสเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2450
2.Hokkaido , Japan
top29
:: ฮอกไกโด เป็นทั้งจังหวัดและเกาะใหญ่ที่อยู่เหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น ล้อมรอบด้วยทะเลทุกด้าน แต่ความชื้นต่ำ ทำให้ฤดูร้อนแสนสบาย แม้ฤดูหนาวจะเย็นจัดติดลบมากแต่ก็ทดแทนด้วยการแช่น้ำร้อน กับกิจกรรมและกีฬาฤดูหนาวที่สนุกสุดแสน ขณะที่ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงก็งดงามทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในทุกฤดูกาล
ดอกซากุระที่ฮอกไกโดบานช้ากว่าภูมิภาคอื่นในญี่ปุ่น จึงมาชมได้ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีทุ่งดอกทิวลิปให้ชมด้วย ดอกลาเวนเดอร์เริ่มแย้มปลายเดือนมิถุนายน สะพรั่งส่งกลิ่นหอมกรุ่นกลางกรกฎาคม จากนั้นถึงคิวของดอกทานตะวันและคอสมอส ซึ่งนักท่องเที่ยวมักขับรถเที่ยวมาจอดป้ายทุ่งดอกไม้หลากสีที่เมืองฟุราโนะ (Furano) ก่อนจะกินไอศกรีมรสลาเวนเดอร์ให้ชื่นใจ ส่วนเมืองเอกของฮอกไกโด คือ ซัปโปโร ก็มีเทศกาลฤดูหนาวที่มีรูปปั้นหิมะและการประดับประดาไฟระยิบระยับ มีอาหารทะเล โดยเฉพาะปู (Hanasaki Crab , Hairy Crab , Snow Crab , King Crab)
ทัวร์เขมร
/
ประเทศกัมพูชา
กัมพูชา เป็นประเทศเพื่อนบ้านติดกับไทย มีประวัติศาสตร์ อารยธรรมยาวนาน นครวัด และนครธม นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่อัศจรรย์ชิ้นหนึ่งในเอเชีย ศิลปวัฒนธรรมที่งดงามของกัมพูชา มีความคล้ายคลึงกันมากกับศิลปวัฒนธรรมไทย ภาษาเขมรมาจากรากศัพท์สันสกฤต จึงมีคำหลายคำในภาษาเขมรที่คุ้นหูคนไทย นอกจากนี้อิทธิพลทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศสยังคงมีให้เห็นในเมืองหลวงและต่าง จังหวัด
ข้อควรระวัง ในการเยือนกัมพูชา ควรระวังเรื่องสุขภาพเนื่องจากยังมีโรคภัยต่างๆ ที่อาจติดต่อได้ หากไม่หามาตรการป้องกันไว้ก่อน เช่น ท้องร่วง มาลาเรีย และไวรัส เอ บี และการบริการของโรงพยาบาลในกรุงพนมเปญอาจไม่ได้มาตรฐานเท่ากับประเทศไทย
ข้อควรปฏิบัติ การเตรียมตัวสำหรับนักท่องเที่ยว
.....แม้ประเทศกัมพูชาจะดูเหมือนใกล้ชิดกับไทย และไม่น่าจะต่างกันมากนัก แต่อย่าได้ประมาท เพราะมีสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องพึงระมัดระวัง โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมและความเชื่อท้องถิ่น ที่อาจทำให้เข้าใจผิดกันได้ง่าย เรื่องต่างๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่คุณควรรู้ไว้ก่อนออกเดินทาง
-คำว่า “เขมร” เป็นคำเรียกที่คนไทยคุ้นเคย แต่ความจริงชาวกัมพูชาชอบให้เรียกเขาว่า “ขแมร์ มากกว่า
-ในกัมพูชา ประชากรส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา เวลาไปเที่ยวชมวัดวาอารามหรือสถานที่ซึ่งชาวบ้านท้องถิ่นกำลังประกอบกิจกรรม ทางศาสนาอยู่ โปรดแต่งกายสุภาพ
-โดยทั่วไปวัฒนธรรมเขมรกับไทยไม่ต่าง กันมากนัก ซึ่งอาจทำไม่ยากในการปรับตัวและเข้าใจ คนเขมรชอบคนอ่อนน้อม มีมารยาท ไม่ต่างจากไทย ผู้น้อยเคารพผู้อาวุโสกว่า เจอหน้าก็ยกมือไหว้กัน ชาวเขมรนิยมการไหว้แสดงความเคารพกันเช่นเดียวกับไทย
-มารยาทในที่สาธารณะอย่างการจับมือถือแขนอาจไม่หนักหนา แต่หากถึงขั้นโอบคอ โอบไหล่ กอดจูบกันนั้น ฝรั่งไม่ถือ แต่คนเขมรถือเช่นเดียวกับคนไทย
-ควรเตรียมธนบัตร ๑, ๕, ๑๐ หรือ ๒๐ ดอลลาร์ สหรัฐฯ ไปมากๆ เพราะมีโอกาสใช้มากกว่า และไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทอน
- บัตรเครดิตและเช็คเดินทาง ใช้ได้อย่างจำกัดในกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการรูดซื้อของหรือรูดเงินสด มีแต่ตามร้านค้า และโรงแรมเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น พนมเปญ เสียมเรียบ และสีหนุวิลล์ เท่านั้น ที่ยินดี รับบัตรเครดิตแทนเงินสด ทางที่ดีควรเตรียมเงินสดไปให้พอ
- หากคุณโชคดีเจอร้านค้า-สถานบริการที่รับบัตรเครดิต ก็ต้องรับเงื่อนไขที่ส่วนใหญ่มักชาร์จ 3% ยกเว้นตามโรงแรมใหญ่ๆ และสายการบินเท่านั้น
- เวลาแลกเงินตามธนาคาร เขาให้สลิบมาด้วย อย่าทิ้งไปเสียก่อน เก็บไว้ให้ดี เผื่อคุณต้องใช้ตอนขาออกจากประเทศ
-โปรดสังเกตป้าย “No Touch” ซึ่งมีอยู่ตามแหล่งโบราณสถานหลายแห่งของกัมพูชา โดยเฉพาะที่นครวัด และโปรดปฏิบัติตามด้วย เพราะภาพแกะสลักที่นี่ โดนมือมนุษย์ลูบคลำมากว่าพันปีแล้ว
-ขออนุญาตก่อน เวลาคุณอยากถ่ายรูปชนชาติส่วนน้อย ชาวเขาและชนเผ่าต่างๆ พวกเขามักยินดี ถ้าคุณบอกก่อน นี่รวมถึงพระสงฆ์-นักบวชด้วย การถ่ายภาพพิธีกรรมต่างๆ ต้องสอบถามเจ้าของงานหรือผู้อาวุโสในที่นั้นว่า
ทัวร์เกาหลี
/
ประเทศเกาหลี
ยุคเผ่า
.....ในยุคแรกดินแดนบนคาบสมุทรเกาหลีประกอบด้วยผู้คนหลายเผ่าพันธุ์ เผ่าแรกที่ปรากฏคือเผ่าโชซ็อนโบราณ ตั้งถิ่นฐานอยู่ทางภาคเหนือ เรืองอำนาจในช่วงพ.ศ. 143 - 243 ส่วนเผ่าครอง เมื่อได้เอกราชจากจีน คาบสมุทรเกาหลีประกอบด้วยสามอาณาจักสำคัญก่อนจะรวมตัวกันเป็นอาณาจักรเดียวปกครองอื่นได้แก่เผ่าพูยอ อยู่บริเวณปากแม่น้ำซุงคารีทางแมนจูเรียเหนือ เผ่าโคกูรยออยู่ระหว่างแม่น้ำพมาก และแม่น้ำอัมนก เผ่าอกจออยู่บริเวณมณฑลฮัมกย็อง เผ่าทงเยอยู่บริเวณมณฑลคังว็อน และเผ่าสามฮั่นคือ มาฮั่น ชินฮั่น และพยอนฮั่น ที่อยู่บริเวณแม่น้ำฮั่นและแม่น้ำนักดง ทางภาคใต้ของคาบสมุทรเกาหลี
พระมหากษัตริย์ในตำนาน
.....ตำนานที่เป็นที่แพร่หลายในประเทศเกาหลีเล่าถึงกำเนิดของชนชาติตนว่า เจ้าชายฮวางวุง โอรสของเทพสูงสุดบนสวรรค์ลงมาสร้างเมืองที่ภูเขาแทแบ็ก ได้แต่งงานกับหญิงที่มีกำเนิดจากหมี มีโอรสชื่อตันกุน ต่อมาเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรโชซ็อนโบราณ เมื่อ 1790 ปีก่อนพุทธศักราช
ดินแดนคาบสมุทรเกาหลีตกเป็นเมืองขึ้นจีนเมื่อ พ.ศ. 434 เมื่อจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้หรือกวนอู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่นยกทัพเข้ายึดครองดินแดนของอาณาจักรโชซ็อนโบราณ และแบ่งเกาหลีเป็น 4 มณฑล คือ อาณาจักรนังนัง ชินบอน อิมดุน และฮย็อนโท อย่างไรก็ตาม จีนปกครองมณฑลนังนังอย่างจริงจังเพียงมณฑลเดียว มณฑลอื่น ๆ จึงค่อย ๆ แยกตัวเป็นเอกราช จน พ.ศ. 856 ชนเผ่าโคกูรยอเข้ายึดครองมณฑลนังนัง ขับไล่จีนออกไปได้สำเร็จ การตกเป็นเมืองขึ้นของจีนทำให้เกาหลีได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากจีนมาก เช่นตัวอักษรและศาสนา (พุทธและขงจื๊อ)
ยุคสามก๊ก
• เมื่อเป็นเอกราชจากจีน ดินแดนเกาหลีในขณะนั้นแบ่งเป็น 3 อาณาจักรด้วยกันคือ
• อาณาจักรโคกูรยอ ทางภาคเหนือ เผ่าโคกูรยอเริ่มเข้มแข็งมากขึ้นเมื่อราชวงศ์ฮั่นของจีนล่มสลาย และสามารถขยายอำนาจเข้ายึดครองมณฑลนังนังจากจีนได้เมื่อ พ.ศ. 856อาณาจักรแพ็กเจก ชนเผ่าแพ็กเจซึ่งเป็นเผ่าย่อยของเผ่าพูยอที่อพยพลงใต้ เข้ายึดครองอาณาจักรอื่นรวมทั้งอาณาจักรเดิมของเผ่าฮั่น ตั้งเป็นอาณาจักรเมื่อ พ.ศ. 777
• อาณาจักรชิลลา อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลี พัฒนาขึ้นจากเผ่าซาโร แต่อาณาจักรนี้ไม่เข้มแข็งมากนักในช่วงแรก ดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับโคกูรยอตลอดจนกระทั่งหลังสงครามระหว่างโคกูรยอกับแพ็กเจ อาณาจักรชิลลาจึงเข้มแข็งขึ้นเป็นลำดับ จนสามารถยึดครองลุ่มแม่น้ำฮั่นและลุ่มแม่น้ำนักดงจากแพ็กเจได้
ยุคอาณาจักรเอกภาพ "อาณาจักรชินลา
.....เมื่ออาณาจักรชินลาเข้มแข็งขึ้น อาณาจักรแพ็กเจกจึงหันไปผูกมิตรกับอาณาจักรโคกูรยอ ส่วนอาณาจักรชิลลาหันไปผูกมิตรกับราชวงศ์สุยและราชวงศ์ถังของจีน กองกำลังผสมระหวางจีนกับชิลลายึดครองอาณาจักรแพ็กเจได้เมื่อ พ.ศ. 1203 และยึดครองอาณาจักรโคกูรยอได้ใน พ.ศ. 1211 โดยจีนเข้ามาปกครองโคกูรยอในช่วงแรก ต่อมาอาณาจักรชิลลากับราชวงศ์ถังเกิดขัดแย้งกัน ชิลลาจึงเข้ายึดโคกูรยอจากจีนและเข้าปกครองคาบสมุทรเกาหลีอย่างเด็ดขาดเมื่อ พ.ศ. 1278
อาณาจักรชิลลาเจริญสูงสุดในยุคกษัตริย์คยองตอก หลังจากนั้นได้เสื่อมลงโดยสาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งในหมู่เชื้อพระวงศ์และเกิดการปฏิวัติบ่อยครั้ง กลุ่มชาวนาและกลุ่มอำนาจท้องถิ่นที่รู้สึกว่าถูกกดขี่ได้รวมกำลังกันต่อต้านอำนาจรัฐ วังกอน ผู้นำกลุ่มต่อต้านคนหนึ่ง เข้ายึดอำนาจและสถาปนาราชวงศ์โครยอขึ้นเมื่อพ.ศ. 1478
ยุคอาณาจักรเหนือใต้
.....เมื่ออาณาจักรโคกูเรียวและอาณาจักรแพ็กเจถูกอาณาจักรชิลลาตีจนแตกพ่ายไปนั้น มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งรวบรวมชาวบ้านที่เป็นชาวโคกูรยอที่ถูกทัพชิลลาโจมตีแล้วอพยพขึ้นเหนือ แล้วก่อตั้งอาณาจักรใหม่มีชื่อว่า "อาณาจักรพัลแฮ" แล้วทางใต้ก็มีอาณาจักรชิลลาที่รวมแผ่นดินของอาณาจักรโคกูเรียว อาณาจักรแพ็กเจ และอาณาจักรชิลลาเดิมเข้าด้วยกันแล้วเรียกว่า "อาณาจักรรวมชิลลา" ในยุคนี้จึงมีสองอาณาจักรที่อยู่ทางเหนือ คือ อาณาจักรพัลแฮที่สืบต่อจากอาณาจักรโคกูเรียวเดิม และทางใต้มีอาณาจักรรวมชิลลาที่รวมอาณาจักรโคกูเรียวเดิม อาณาจักรแพ็กเจเดิม และอาณาจักรชิลลาเดิมเข้าเป็นอาณาจักรเดียว จึงเรียกยุคนี้ว่า "ยุคอาณาจักรเหนือใต้"
ยุคสามอาณาจักรหลัง
.....หลังจากอาณาจักรพัลแฮถูกราชวงศ์เหลียวตีจนแตกนั้นประชาชนพากันอพยพลงใต้มาบริเวณอาณาจักรโคกุเรียวเดิม แล้วเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรพัลแฮ ก็สถาปนาอาณาจักรใหม่บริเวณอาณาจักรโคกุเรียวเดิม แล้วให้ชื่อว่า "อาณาจักรโคกูเรียวใหม่" แล้วสถาปนาตนเองป็นกษัตริย์พระนามว่า พระเจ้ากุงเย ส่วนชาวแพ็กเจที่อยู่ในอาณาจักรรวมชิลลาก็ได้ก่อกบฏต่ออาณาจักร มีหัวหน้าคือ คยอน ฮวอน
ทัวร์พม่า
/
ประเทศพม่า
เอกราช พม่าตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษในปี พ.ศ. 2429 และระยะก่อนการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เล็กน้อย ญี่ปุ่นได้เข้ามามีบทบาทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้ติดต่อกับพวกตะขิ่น ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาหนุ่มที่มีหัวรุนแรง มีออง ซาน นักชาตินิยม และเป็นผู้นำของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยย่างกุ้งเป็นหัวหน้า พวกตะขิ้นเข้าใจว่าญี่ปุ่นจะสนับสนุนการประกาศอิสรภาพของพม่าจากอังกฤษ แต่เมื่อญี่ปุ่นยึดครองพม่าได้แล้ว กลับพยายามหน่วงเหนี่ยวมิให้พม่าประกาศเอกราช และได้ส่งอองซานและพวกตะขิ่นประมาณ 30 คน เดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อรับคำแนะนำในการดำเนินการเพื่อเรียกร้องอิสรภาพจากอังกฤษ
…..เมื่อคณะของอองซานได้เดินทางกลับพม่าใน พ.ศ. 2485 อองซานได้ก่อตั้ง องค์การสันนิบาตเสรีภาพแห่งประชาชนต่อต้านฟาสซิสต์ (Anti-Fascist Peoples Freedom League : AFPFL) เพื่อต่อต้านญี่ปุ่นอย่างลับ ๆ องค์การนี้ภายหลังได้กลายเป็นพรรคการเมือง ชื่อ พรรค AFPFL เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว อองซานและพรรค AFPFL ได้เจรจากับอังกฤษ โดยอังกฤษยืนยันที่จะให้พม่ามีอิสรภาพปกครองตนเองภายใต้เครือจักรภพ และมีข้าหลวงใหญ่อังกฤษประจำพม่าช่วยให้คำปรึกษา แต่อองซานมีอุดมการณ์ที่ต้องการเอกราชอย่างสมบูรณ์ อังกฤษได้พยายามสนันสนุนพรรคการเมืองอื่น ๆ ขึ้นแข่งอำนาจกับพรรค AFPFL ของอองซานแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ จึงยินยอมให้พรรค AFPFL ขึ้นบริหารประเทศโดยมีอองซานเป็นหัวหน้า อองซานมีนโยบายสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และต้องการเจรจากับรัฐบาลอังกฤษโดยสันติวิธี จึงทำให้เกิดความขัดแย้งกับฝ่ายนิยมคอมมิวนิสต์ในพรรค AFPFL อองซานและคณะรัฐมนตรีอีก 6 คน จึงถูกลอบสังหาร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2490 ขณะที่เดินออกจากที่ประชุมสภา ต่อมาตะขิ้นนุหรืออูนุได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนและมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2490 โดยอังกฤษได้มอบเอกราชให้แก่พม่าแต่ยังรักษาสิทธิทางการทหารไว้ 4 มกราคม พ.ศ. 2491 อังกฤษจึงได้มอบเอกราชให้แก่พม่าอย่างสมบูรณ์
…..ภายหลังจากพม่าได้รับเอกราชแล้วการเมืองภายในประเทศก็มีการสับสนอยู่ตลอดเวลา นายกรัฐมนตรี คือ นายอูนุถูกบีบให้ลาออก เมื่อพ.ศ. 2501 ผู้นำพม่าคนต่อมาคือนายพลเน วิน ซึ่งได้ทำการปราบจลาจลและพวกนิยมซ้ายจัดอย่างเด็ดขาด เขาได้จัดไห้มีการเลือกตั้งทั่วประเทศใน พ.ศ. 2503 ทำให้นายอูนุได้กลับมาเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพราะได้รับเสียงข้างมากในสภา
…..ประเทศพม่า หรือ เมียนมาร์ (Myanmar) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (Republic of the Union of Myanma) เป็นรัฐเอกราชในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพรมแดนติดกับอินเดีย บังกลาเทศ จีน ลาวและไทย สำหรับนักท่องเที่ยวหรือบุคคลทั่วไปที่ต้องการเดินทางไปเยือน พม่าควรมีการ เตรียมตัวก่อนการเดินทาง ดังต่อไปนี้ เกร็ดน่ารู้ ก่อนไป เที่ยวพม่า
เกร็ดน่ารู้ ก่อนไป เที่ยวพม่า
การเตรียมพร้อมด้านร่างกาย แนะนำว่าควรตรวจสุขภาพ และฉีดวัคซีนที่จำเป็นให้ครบถ้วน รวมถึงเตรียมยาประจำตัวมาให้เพียงพอ เพราะการสาธารณสุขของเมียนมาร์ยังไม่ทันสมัย
การเตรียมพร้อมด้านการเงิน ระบบการเงินระหว่างประเทศของเมียนมาร์ต้องผ่านระบบธนาคารของรัฐเท่านั้น และตู้เบิกเงินอัตโนมัติมีไม่แพร่หลาย